ทรัมป์ไม่ได้สร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโกดังหวัง
แต่ได้หยั่งเสียงฐานคะแนนของตนที่ส่วนใหญ่ยังสนับสนุนอย่างแข็งขัน มีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย
บรรณานุกรม :
NeONBRAND
ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่ยอมเปิดหน่วยงานรัฐตราบเท่าที่ยังไม่ได้รับงบประมาณ
5,700 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก
เป็นหน้าที่ของตนที่จะทำให้อเมริกาปลอดภัยมากขึ้น
ฝ่ายเดโมแครทเห็นด้วยกับการเพิ่มงบประมาณเพื่อควบคุมคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ลดปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด แต่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างกำแพงตามที่รัฐบาลเสนอ
เพราะคิดว่าไม่ได้ผล
ตลอด 35 วันที่ปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (หรือเปิดให้บริการบางส่วน) มีการเจรจาหารือเรื่อยมาเพื่อแก้ปัญหาในทุกระดับแต่ไม่ได้ข้อตกลง ในที่สุดทรัมป์ประกาศให้หน่วยงานรัฐที่ปิดชั่วคราวกลับมาเปิดทำการใหม่อีกครั้งแต่เพียงชั่วคราว 3 สัปดาห์ หากการเจรจาไม่เป็นผลจะปิดอีกในวันที่ 15 กุมภาพันธ์และอาจใช้อำนาจประกาศภาวะฉุกเฉิน
ตลอด 35 วันที่ปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (หรือเปิดให้บริการบางส่วน) มีการเจรจาหารือเรื่อยมาเพื่อแก้ปัญหาในทุกระดับแต่ไม่ได้ข้อตกลง ในที่สุดทรัมป์ประกาศให้หน่วยงานรัฐที่ปิดชั่วคราวกลับมาเปิดทำการใหม่อีกครั้งแต่เพียงชั่วคราว 3 สัปดาห์ หากการเจรจาไม่เป็นผลจะปิดอีกในวันที่ 15 กุมภาพันธ์และอาจใช้อำนาจประกาศภาวะฉุกเฉิน
นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่าเป็นความพ่ายแพ้ของประธานาธิบดีทรัมป์
บทความนี้จะนำเสนอในแง่มุมที่ผูกโยงการสร้างกำแพงกับการหยั่งเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
2020 ดังนี้ ...
ความเข้าใจสำคัญข้อหนึ่งคือเมื่อเข้าปี 2019
เป็นวันแรกที่ ส.ส. 435 คนกับ ส.ว.ส่วนหนึ่งเริ่มทำหน้าที่ของตนอย่างเป็นทางการหลังชนะเลือกตั้งกลางเทอม
(midterm election) ประเด็นการสร้างกำแพงกลายเป็นการประลองกำลังครั้งแรกในสภา
หลังพรรคเดโมแครทกลับมาเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนพรรครีพับลิกันยังครองวุฒิสภาเช่นเดิม และจะคงสภาพเช่นนี้จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบหน้า
ผลกระทบจากการปิดหน่วยงาน
:
ต้องยอมรับว่าการปิดหน่วยงานรัฐสร้างความเสียหายมากมาย
ประการแรก เจ้าหน้าที่ลูกจ้าง 800,000
คนขาดรายได้
คนกลุ่มแรกที่ต้องเอ่ยถึงคือเจ้าหน้าที่ลูกจ้าง 800,000
คน ในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย กลุ่มแรกคือพวกเจ้าหน้าที่ประจำมีรายได้เป็นเงินเดือน
หลายคนในกลุ่มนี้ทำงานต่อโดยไม่ได้เงินเดือน (เงินเดือนไม่ออก) แต่คาดว่าจะได้
“ตกเบิก” ทีหลัง ดังนั้นถ้ามีเงินออมก็ใช้เงินออมไปก่อน ถ้าไม่มีจะต้องกู้ยืม
กลุ่มที่ 2 เป็นพวกลูกจ้างตามสัญญา กลุ่มนี้ลำบากสุดเพราะจะได้ค่าจ้างต่อเมื่อ
“เข้างาน” เท่านั้น และควรเข้าใจว่าแม้เป็นลูกจ้างตามสัญญาย่อมคาดหวังจะได้ทำงาน
“ทุกวัน” เหมือนพนักงานทั่วไป การปิดหน่วยงานทำให้พวกเขาไม่ได้เข้างานซึ่งตามสัญญาคือไม่ได้ทำงานไม่มีรายได้
คนกลุ่มนี้ต้องดิ้นรนไปหางานอื่นทำในช่วงหน่วยงานปิดตัว จะหางานได้หรือไม่
เงินดีหรือไม่ รัฐบาลไม่รับผิดชอบ ทั้งยังเป็นคำถามว่าจะสามารถทนแบกรับสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่
เพราะรัฐบาลทรัมป์อาจปิดหน่วยงานอีก
และดังที่ได้นำเสนอในบทความก่อนว่าผู้ได้รับผลกระทบไม่ใช่เฉพาะแค่
800,000 คนเท่านั้น เพราะอาจต้องรวมพ่อแม่ลูกเมียที่ต้องเลี้ยงดูด้วย
ตลอดช่วงการปิดหน่วยงาน
ประธานาธิบดีทรัมป์ปากแข็งไม่ยอมเอ่ยเรื่องความยากลำบากของคนเหล่านี้
พูดถึงแต่ปัญหาจากผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่หลังการประกาศเปิดชั่วคราว
ทรัมป์ทวิตข้อความหนึ่งว่าตนไม่ยอมแพ้เรื่องการสร้างกำแพง การสั่งเปิด
“เป็นการดูแลประชาชนนับล้านที่เจ็บปวดอย่างหนักจากการปิดหน่วยงานรัฐ” จะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วทรัมป์เข้าใจสภาพดี
ในที่สุดยอมรับว่าการปิดหน่วยงานส่งผลกระทบต่อคนนับล้าน แต่ไม่วายยืนยันจะสร้างกำแพงต่อไป
พร้อมปิดหน่วยงานอีก
การกลับมาเปิดหน่วยงานอีกครั้งทำให้เจ้าหน้าที่ลูกจ้างได้รับเงินเดือน
และอีกส่วนเข้าทำงานได้ค่าแรง นี่คือเหตุผลเบื้องต้น
ประการที่ 2 เศรษฐกิจเสียหายหนัก
เศรษฐกิจประเทศคือผลรวมของหน่วยเศรษฐกิจที่ประกอบเข้ามาเป็นตัวเลขระดับประเทศ
เมื่อคนนับล้านต้อง “รัดเข็มขัด” ใช้จ่ายแต่จำเป็น ชะลอซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยย่อมกระทบเศรษฐกิจเป็นลูกโซ่
กระทบต่อบริษัทร้านค้าเอกชน ตั้งแต่ร้านค้าปลีกจนถึงร้านขายอะไหล่รถยนต์
S&P Global Ratings ประเมินว่าการปิดหน่วยงานรัฐ
35 วัน สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจอย่างน้อย 6,000 ล้านดอลลาร์มากกว่างบฯ
ที่ทรัมป์ขอไว้ที่ 5,700 ล้านดอลลาร์
เควิน ฮาสเซ็ทท์ (Kevin Hassett) หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวเห็นว่าผลการปิดหน่วยงานชั่วคราวอาจทำให้
GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐเท่ากับ 0 คือไม่เติบโตเลย
ผลกระทบต่อพลเมืองนับล้าน บริษัทเอกชน
และตัวเลขเศรษฐกิจ หากปล่อยนานวันความเสียหายจะยิ่งชัดเจนและรุนแรง
ทรัมป์ไม่อาจปล่อยให้ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่ เพราะมีผลต่อการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่
2
กลยุทธ์การปิดหน่วยงานจึงมีข้อจำกัดในตัวเอง จะปิด
“ชั่วคราวตลอดปี” ไม่ได้
ทั้งทรัมป์กับเดโมแครทต่างทดสอบฐานเสียงของตน
:
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ การที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศสร้างกำแพงอีกรอบพร้อมกับเรื่องวุ่นๆ
มีประโยชน์ในแง่ทดสอบฐานเสียงของแต่ละฝ่าย
ประเด็นน่าคิดคือทรัมป์อาจรู้อยู่แล้วว่าการสร้างกำแพงจะไม่เกิด
เพราะจุดยืนของเดโมแครทคือเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรการควบคุมผู้อพยพลี้ภัย
การเข้าเมืองผิดกฎหมาย เห็นด้วยกับการเพิ่มงบประมาณเพื่อความมั่นคงแนวชายแดน
ปราบปรามยาเสพติด แต่ไม่ใช่ด้วยการสร้างกำแพง แต่ทั้งๆ ที่รู้ทรัมป์ยืนยันต้องได้งบ
5,700 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพง
จุดยืนข้อนี้ทำให้การเจรจาตลอดสามสิบกว่าวันล้มเหลว ผลที่ตามมาอีกข้อคือทำให้รู้ว่าฐานเสียงของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร
ส.ส. ส.ว.ของแต่ละพรรคแสดงท่าทีอย่างไร
สำนักข่าว CNN
ตรวจสอบผลโพลหลายสำนักที่ทำช่วงต้นเดือนมกราคม ร้อยละ 50
เห็นว่าเป็นความผิดของประธานาธิบดี ร้อยละ 35 เห็นว่าเป็นความผิดของพวกเดโมแครท
และร้อยละ 5 ที่โทษพรรครีพับลิกัน ถ้ารวมตัวเลขของทรัมป์กับรีพับลิกันจะเท่ากับ 55
อย่างไรก็ตามร้อยละ 80 ของคนที่เลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดีเห็นว่าทำถูกต้องแล้ว
ควรโทษพวกเดโมแครทมากกว่า
ผลโพลจาก FiveThirtyEight
ผู้ตอบแบบสอบถามให้ทรัมป์สอบผ่านเพียงร้อยละ 41
เป็นตัวเลขต่ำสุดนับจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา และให้สอบตกถึงร้อยละ 54
ผลโพลล่าสุดจาก Politico–Morning
Consult ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 7 เท่านั้นที่เห็นว่าควรยอมให้ทรัมป์สร้างกำแพงเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐ
อย่างไรก็ตามร้อยละ 43 เห็นด้วยกับการสร้างกำแพง ร้อยละ 49 ไม่เห็นด้วย
ผลโพลเหล่านี้สอดคล้องกับผลโพลตลอด 2
ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์สอบตก ผู้ให้คะแนนสอบผ่านมีไม่ถึงครึ่ง
ตัวเลขที่ให้สอบตกในช่วงนี้เพิ่มขึ้น 2-3 จุด
ผลการหยั่งเสียงในมุมพรรคเดโมแครท
ผลโพลโดยรวมน่าจะเป็นผลบวกต่อพรรคเดโมแครท
คนเกลียดทรัมป์เพิ่มขึ้น ประเด็นคือพรรคเดโมแครทยังต้องฝ่าฟันอีกหลายด่าน
เพื่อจะได้ตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่สามารถล้มทรัมป์ จนวันนี้ยังไม่ปรากฏว่าใครโดดเด่น
ผิดกับทรัมป์ที่โดดเด่นในโลกของสื่อ ในเวทีโลก เป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งแทบทุกวัน ไม่ว่าเรื่องที่เอ่ยถึงจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย
(บางคนอาจตีความว่าเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี) ท่านคือบุคคลที่สังคมอเมริกันรู้จัก
บางส่วนไม่ชอบแต่บางส่วนสนับสนุนอย่างแข็งขันไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบจะดังเพียงไร
คนจะออกมาเลือกตั้งเพื่อล้มทรัมป์หรือไม่เป็นโจทย์สำคัญ
และหากล้มทรัมป์แล้วผู้สมัครจากพรรคเดโมแครทคือทางเลือกที่ดีกว่าหรือไม่
ต้องไม่ซ้ำรอยที่หลายคนเลือกโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะไม่อยากให้ฮิลลารี คลินตันชนะ
การเมืองเรื่องการเลือกตั้งอเมริกาดูเหมือนจะยังคงวนเวียนอยู่เช่นนี้
ผลการหยั่งเสียงในมุมทรัมป์
ถ้ามองอีกด้าน ท่ามกลางข่าวแง่ลบต่อรัฐบาลและตัวประธานาธิบดี
ยังมีผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างหนาแน่นให้สอบผ่านกว่าร้อยละ 40 เช่นเดียวกับเรื่องการสร้างกำแพงที่กว่าร้อยละ
40 สนับสนุน (แม้มีเหตุปิดหน่วยงานรัฐ) อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือร้อยละ 80
ของคนที่เลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดียังสนับสนุนท่านต่อไป
ข้อสรุปคือท่ามกลางกระแสข่าวลบสารพัดเรื่อง เช่น คำกล่าวหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ร่วมมือลับๆ กับรัฐบาลรัสเซีย
นโยบายต่างประเทศบางเรื่องที่ประชาชนไม่เห็นด้วยและการปิดหน่วยงานรัฐ ร้อยละ 80
ของคนอเมริกันที่เคยเลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดียังคงสนับสนุนท่านอยู่ดี
เป็นฐานคะแนนที่เหนียวแน่นและน่าจะไปลงคะแนนเลือกทรัมป์ให้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย
ทรัมป์อาจชนะเลือกตั้งอีกสมัย :
ทรัมป์อาจชนะเลือกตั้งอีกสมัย :
ถ้ายึดเรื่องการสร้างกำแพงต้องยอมรับว่าประธานาธิบดีพ่ายแพ้ในศึกนี้
หลังต่อสู้ยืดเยื้อตั้งแต่ช่วงหาเสียงจนเป็นรัฐบาลครบ 2 ปี เหตุผลสำคัญคือพรรคเดโมแครทกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ในอีกมุมหนึ่งได้หยั่งฐานเสียงว่าเข้มแข็งเพียงใด
ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง เป็นไปได้ว่าทรัมป์อาจแพ้
(หรืออาจจะชนะ) แต่ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 ปีจึงจะเลือกตั้งจริง
เป็นเวลาที่รัฐบาลทรัมป์สามารถสร้างผลสร้าง แสดงผลงานเด่นๆ ขอเพียงรักษาเศรษฐกิจให้ดีหรือไม่เลวร้ายหนัก
เพิ่มนโยบายประชานิยมอีก 2-3 ข้อ เพื่อได้ฐานเสียงเดิมกลับมาทั้งหมดและได้เพิ่มเติมอีกส่วนจากพวกไม่สังกัดพรรค
ดังที่ทราบกันว่าในระบอบประชาธิปไตยเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ใจของทุกคน
เป็นไปไม่ได้ที่จะออกนโยบายที่ทุกคนเห็นด้วย ขอเพียงให้คนส่วนใหญ่สนับสนุนเท่านี้ก็ชนะเลือกตั้ง
ไม่ว่านโยบายนั้นจะผิดหลักศีลธรรมหรือไม่ ประเทศชาติจะรุ่งเรืองยั่งยืนหรือไม่ หรือจำต้องทำลายล้างประเทศอื่นๆ
หรือแม้กระทั่งทำให้พลเมืองตัวเองเสียหาย นี่คือแนวทางประชาธิปไตยของอเมริกา
ทรัมป์เคยทวิตข้อความพาดพิงเรื่องสร้างกำแพงกับการเลือกตั้งรอบหน้าว่า
พวกเดโมแครทไม่มองเรื่องอาชญากรรม ยาเสพติด พวกเขาคิดถึงแต่ปี 2020
แต่พวกเขาจะไม่ชนะ เศรษฐกิจตอนนี้ดีสุดยอด ข้อความดังกล่าวชี้ว่าทั้งทรัมป์กับเดโมแครทต่างคิดถึงเลือกตั้งสมัยหน้า
ประเด็นการสร้างกำแพงเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งไม่มากก็น้อย
บทความนี้เชื่อมโยงการสร้างกำแพงกับการหยั่งเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า
เร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าใครจะชนะเลือกตั้ง แต่ช่วยให้เข้าใจสภาพฐานเสียงของแต่ฝ่าย
ทรัมป์เป็นฝ่ายได้เปรียบ ด้านฝ่ายเดโมแครทย่อมรู้ดี กำลังหาทางแก้เพื่อเอาชนะ
หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งอีกสมัย
ท่านอาจเอ่ยเรื่องสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโกอีกครั้ง
พร้อมกับพูดว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนตั้งแต่หาเสียงสมัยแรกเมื่อ 5
ปีที่แล้ว เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องทำให้คนอเมริกันปลอดภัยกว่าเดิม
3
กุมภาพันธ์ 2019
ชาญชัย
คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก”
ไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8120 วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562)
---------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
กระแสต่อต้านทรัมป์มีจริงแต่ไม่แรงอย่างที่หลายฝ่ายนำเสนอ
รัฐบาลสามารถบริหารประเทศตามแนวทางของตนต่อไป
ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
1. Federal workers get $0 pay stubs
as shutdown drags on. (2019, January 11). AP. Retrieved from
https://www.apnews.com/5d95c567185f4592b4a6e59fa9317f7c
2. Poll: 7
percent back building border wall if it's only way to end shutdown. (2019,
January 23). Salon. Retrieved from
https://thehill.com/policy/finance/426555-poll-7-percent-support-building-border-wall-if-its-only-way-to-end-shutdown
3. The majority of Americans are
against Trump on the wall and the shutdown. (2019, January 8). CNN. Retrieved
from https://edition.cnn.com/2019/01/08/politics/polls-trump-shutdown-wall/index.html
4. Trump Signs Bill Reopening
Government for 3 Weeks in Surprise Retreat From Wall. (2019, January 25). The
New York Times. Retrieved from
https://www.theguardian.com/us-news/2019/jan/25/let-them-eat-cake-wealthy-republicans-play-down-severity-of-shutdown
5. Trump warns
Nancy Pelosi to 'be careful' after Democrats signal they won't accept his
shutdown offer. (2019, January 20). NBC News. Retrieved from
https://www.nbcnews.com/politics/donald-trump/trump-warns-nancy-pelosi-be-careful-after-democrats-signal-they-n960686
6. U.S. economy lost at least $6
billion to government shutdown: S&P. (2019, January 26). Reuters. Retrieved
from
https://www.reuters.com/article/us-usa-shutdown-s-p/u-s-economy-lost-at-least-6-billion-to-government-shutdown-sp-idUSKCN1PJ2MU
7. White House adviser says there
could be zero economic growth if shutdown lingers. (2019, January 23). CNN.
Retrieved from
https://edition.cnn.com/2019/01/23/economy/kevin-hassett-us-economy-shutdown/index.html
-----------------------------