โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน การเจรจาขั้นสุดท้ายที่ต้องดำเนินต่อไป (1)

ทันทีที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นายฮัสซัน โรฮานี (Hassan Rohani) ประธานาธิบดีอิหร่านประกาศขอเปิดเจรจาประเด็นโครงการนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกทันที พร้อมกับยืนยันว่า “โครงการนิวเคลียร์อิหร่านเป็นโครงการระดับชาติ... จะไม่ยอมยกเลิกสิทธิ์การใช้นิวเคลียร์โดยเด็ดขาด” และจะให้โครงการดำเนินภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ต่างชาติยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน
            เป้าหมายของประธานาธิบดีโรฮานีชัดเจน คือ ยังจะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป อิหร่านมีสิทธิ์ใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติเฉกเช่นบรรดาประเทศทั้งหลาย เป็นไปตามกฎหมายระเบียบระหว่างประเทศ ดังนั้น อิหร่านไม่สมควรถูกคว่ำบาตร ไม่ว่าจะโดยข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือจากประเทศใดๆ
การคว่ำบาตรและผลกระทบ :
            การที่รัฐบาลโรฮานีให้ความสำคัญกับการเจรจาเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐกับพันธมิตรได้ผล ฝ่ายสหรัฐออกมาตรการหลายชุด หนึ่งในชุดที่สำคัญคือมาตรการเมื่อเดือนธันวาคม 2011 ประเทศใดที่ทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านอาจถูกสหรัฐกีดกันด้วยข้อจำกัดต่างๆ ประเทศทั้งหลายจึงต้องเลือกว่าจะทำการค้ากับอิหร่านหรือกับสหรัฐ นอกจากนี้ พันธมิตรสหรัฐหลายประเทศโดยเฉพาะอียูผู้นำเข้าน้ำมันอิหร่านช่วยกันคว่ำบาตร
            ผลกระทบชัดเจนมาก กำไรจากน้ำมันซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศลดลงเกือบครึ่ง (สินค้าน้ำมันคิดเป็นมูลค่าการส่งออกเกือบร้อยละ 80 ของประเทศ) ในปี 2013 นายโกเลม เรซา คาเท็บ ประธานคณะกรรมการงบประมาณรัฐสภาอิหร่านกล่าวว่า 9 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกน้ำมันลดลงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถ้าคิดเป็นกำไรจะลดลงราวร้อยละ 45 และส่งผลให้ค่าเงินเรียล (Rial) ของอิหร่านตกฮวบจาก 10,500 เรียลต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 18,000 เรียล ค่าเงินที่อ่อนตัวมากทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงถึงร้อยละ 30 กระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ
            ข้อมูลล่าสุด ศูนย์สถิติแห่งชาติอิหร่าน (The Statistical Center of Iran) รายงานอัตราเงินเฟ้อรอบ 1 ปี ระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน 2013 – จนถึงวันที่ 21 มิถุนายน 2014 (ตามปฏิทินอิหร่าน) อยู่ที่ร้อยละ 26.2 ลดลง 2.2 จุดเมื่อเทียบกับปีก่อน Ali Tayyebnia รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ (Finance and Economic Affairs Minister) ตั้งเป้าจะลดอัตราเงินเฟ้อให้เหลือเลขหลักเดียวและกำลังปัญหา
            อัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงถึงเกือบร้อยละ 30 ลดลงเพียง 2-3 จุด ชี้ว่าปัญหาเศรษฐกิจยังรุนแรง จำต้องแก้ไขเร่งด่วน

ผลการเจรจารอบแรกได้ข้อตกลงชั่วคราว :
            เมื่อรัฐบาลอิหร่านขอเปิดเจรจา ฝ่ายสหรัฐย่อมไม่อาจปฏิเสธ อีกทั้งการเจรจาอยู่ภายใต้กรอบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2009 หรือที่เรียกว่ากรอบ ‘P-5+1’ ประกอบด้วยสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงทั้ง 5 ชาติ (อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย สหรัฐ) และเยอรมนี ประเทศเหล่านี้มีความสำคัญต่อการลงมติในคณะมนตรีความมั่นคงและเป็นคู่ค้าสำคัญของอิหร่าน
            ประธานาธิบดีบารัก โอบามากล่าวในเชิงหลักการว่าจะเคารพสิทธิของชาวอิหร่านที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ และขอให้รัฐบาลอิหร่านรับผิดชอบต่อสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty) กับข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคง จุดยืนของรัฐบาลโอบามาที่เปิดเผยคือโครงการนิวเคลียร์จะต้องเปิดเผยโปร่งใส ได้รับการตรวจสอบติดตาม การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมจะต้องอยู่ในระดับต่ำสุดทั้งเชิงคุณภาพกับปริมาณ จนไม่มีโอกาสนำไปผลิตเป็นอาวุธและขอให้ปิดโรงงานฟอร์โดว์ (ตั้งอยู่ใต้ภูเขาและปรับสภาพให้แข็งแรงทนต่อการโจมตี)
            ผลการเจรจารอบแรกเป็นไปด้วยดี รัฐบาลอิหร่านกับ 6 ชาติคู่เจรจาบรรลุข้อตกลงชั่วคราว (หรือที่เรียกว่า Joint Plan of Action) มีอายุ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 19 กรกฎาคม 2014 ภายใต้ข้อตกลงนี้อิหร่านยอมที่จะยุติเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ร้อยละ 5 ส่วนที่มีอยู่ก็จะกำจัดหรือแปรสภาพ และจะไม่ติดตั้งเครื่องแยกสาร (centrifuge) เพิ่มอีก เว้นแต่การซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด
            ด้านสหภาพยุโรปจะระงับการคว่ำบาตรชั่วคราว และให้การเจรจาดำเนินต่อไปจนได้ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านจะใช้ในทางสันติเท่านั้น
            ประเด็นสำคัญคือ ข้อตกลง Joint Plan of Action มีผลชั่วคราว มีกำหนดอายุ นั่นหมายความว่าอนาคตไม่แน่นอน ถ้ามองในแง่ดีเป็นโอกาสที่ต่างฝ่ายต่างแสดงความปรารถนาดีต่อกัน เป็นกระบวนการสร้างความไว้วางใจ และนำสู่การเจรจาขั้นสุดท้าย ถ้ามองในแง่ร้าย การผ่อนคลายการคว่ำบาตรมีผลชั่วคราว รัฐบาลสหรัฐยังคว่ำบาตรต่อไป จึงยากจะจูงใจให้ต่างชาติคิดเข้ามาลงทุนในอิหร่านอย่างจริงจัง โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็ก เว้นแต่บางประเทศที่ไม่ยอมอยู่ใต้อิทธิพลชาติตะวันตก เช่น จีน รัสเซีย

            ก่อนกำหนดสิ้นสุดข้อตกลงชั่วคราว 6 เดือนแรก อิหร่านกับคู่เจรจาได้ยืดขยายข้อตกลงชั่วคราว ไปเป็นกำหนดสิ้นสุดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเมื่อใกล้ถึงกำหนดเส้นตายก็ประกาศเลื่อนกำหนดเส้นตายเป็นวันที่ 1 กรกฎาคมปีหน้า เท่ากับเลื่อนจากกำหนดเส้นตายเดิมอีก 7 เดือน จากนี้ไปอีก 7 เดือนจึงยังอยู่ภายใต้กรอบข้อตกลงชั่วคราว สถานการณ์ดูเหมือนน่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนมีข้อตกลงชั่วคราว แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น
            ข้อตกลงชั่วคราวกลายเป็นเครื่องมือที่ประเทศคู่เจรจาสามารถใช้กดดันอิหร่าน

อิหร่านยืนกราน อิสราเอลเล่นแง่ :
            ประธานาธิบดีโรฮานีให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์อเมริกา ยืนยันว่ารัฐบาลของเขาไม่ต้องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ “เราขอกล่าวอีกครั้งว่าไม่มีสถานการณ์ใดที่ทำให้เราต้องการอาวุธอำนาจทำลายร้ายแรงทุกชนิด รวมทั้งนิวเคลียร์ และจะไม่มีวันต้องการ” ยอมรับว่าอิหร่านได้รับความยากลำบากอันเนื่องจากการคว่ำบาตรที่สหรัฐเป็นแกนนำ และยืนยันว่า “แสวงหาเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อใช้ในทางสันติ”
            ในอีกวาระหนึ่ง ประธานาธิบดีโรฮานีตั้งเงื่อนไขเจรจาว่า “สหรัฐต้องไม่แทรกแซงกิจการภายในของอิหร่าน ยอมรับสิทธิของอิหร่านทุกอย่างรวมทั้งเรื่องนิวเคลียร์ สหรัฐควรยกเลิกมาตรการคว่ำบาตเพียงฝ่ายเดียวที่กระทำต่ออิหร่าน" และ “การพูดคุยกับสหรัฐจะต้องตั้งอยู่บนการเคารพนับถือและยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกัน” “อย่างไรก็ตาม เราจะไม่พยายามทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น... 2 ประเทศควรคิดถึงอนาคตและพยายามแก้ไขอดีต”
            คำพูดดังกล่าวต้องการยืนยันซ้ำว่าโครงการนิวเคลียร์มีเพื่อใช้ในทางสันติ และเป็นการยืนยันไปในตัวว่าที่ผ่านมาหลายสิบปีไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด อิหร่านไม่เคยต้องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ดังที่บางประเทศกล่าวหา อิหร่านไม่เคยกล่าวเท็จต่ออเมริกาหรือประชาคมโลกในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงไม่สมควรที่อิหร่านจะถูกคว่ำบาตร

            จุดที่เป็นปัญหาคือบางประเทศเชื่อว่ารัฐบาลอิหร่านต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ ในเรื่องนี้อิสราเอลแสดงท่าทีขึงขังมากที่สุด
            Yuval Steinitz รัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations Minister) กล่าวว่าอุตสาหกรรมนิวเคลียร์อิหร่านในปัจจุบันมีขนาดใหญ่กว่าของเกาหลีเหนือกับปากีสถาน ถ้าโครงการติดตั้งเครื่องแยกสาร 54,000 เครื่องที่ศูนย์นิวเคลียร์เมือง Natanz สำเร็จเมื่อไรจะทำให้พวกเขาสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ปีละ 20-30 ลูก
            อิสราเอลให้เหตุผลว่าอิหร่านต้องการมีนิวเคลียร์เพื่อสนับสนุนการปฏิวัติอิสลามในที่ต่างๆ บ่อนทำลายประเทศในภูมิภาค สนับสนุนการก่อการร้าย หวังเป็นมหาอำนาจของภูมิภาค ทั้งยังเชื่อว่าหากอิรักมีอาวุธนิวเคลียร์ก่อนสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 สหรัฐจะไม่กล้าบุกอิรัก นี่เป็นอีกเหตุผลที่อิหร่านต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ทางการอิสราเอลยังเตือนสหรัฐว่าการโจมตีอิสราเอลเป็นเพียงแผนขั้นแรกของอิหร่านเท่านั้น เพราะที่สุดแล้วจะต้องทำลายสหรัฐที่เป็น Great Satan
            และหากอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จะทำให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ทำให้ภูมิภาคไร้ความมั่นคง
            นักวิชาการบางคนเชื่อว่าแนวคิดการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเป็นเรื่องจริง ดังนั้น อิสราเอลไม่ใช่เป้าหมายเดียวของอิหร่านเท่านั้น แต่คือทั้งภูมิภาคหรือทั่วโลก

            รัฐบาลอิสราเอลเชื่อว่าเป้าหมายเฉพาะหน้าของอิหร่านคือต้องการเดินเครื่องเสริมสมรรถนะต่อไป รักษาศักยภาพที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ อิสราเอลจึงเรียกร้องให้อิหร่านยกเลิกโครงการทั้งหมดโดยสิ้นเชิง รัฐบาลอิสราเอลยึดว่าตราบใดที่อิหร่านยังเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ อิสราเอลจะมองอิหร่านว่าเป็นศัตรู โดยไม่สนใจว่าเป็นโครงการเพื่อใช้ในทางสันติหรือไม่ ไม่สนใจสิทธิ์ใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติ เช่น ใช้ผลิตไฟฟ้าและในทางการแพทย์
            ข้อเรียกร้องของอิสราเอลจึงเกินเงื่อนไขกฎหมายระหว่างประเทศ

วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :
นโยบายอันแข็งกร้าว เร่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์อย่างเต็มกำลังในสมัยของอดีตประธานาธิบดี มาห์มุด อาห์มาดิเนจาด (Mahmoud Ahmadinejad) อาจเป็นเหตุผลช่วยให้อิหร่านรอดพ้นอันตรายในยุคนั้น เมื่อกองทัพสหรัฐนับแสนนายตั้งมั่นในอิรัก แต่ผลที่ตามมาคือทำให้โครงการนิวเคลียร์อิหร่านเป็นที่สงสัย มีประเด็นที่อธิบายไม่ได้ จนคณะมนตรีความมั่นคงมีข้อมติคว่ำบาตร (ซึ่งหมายถึงรัสเซียกับจีนเห็นชอบด้วย) เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมอิหร่านอย่างรุนแรง การเข้ามาของประธานาธิบดีโรฮานีก็เพื่อแก้ไขปัญหาอันสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ประเด็นยกเลิกการคว่ำบาตรเป็นโจทย์ใหม่ที่ทางการอิหร่านให้ความสำคัญมากที่สุด และกลายเป็นจุดที่ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นเครื่องมือเล่นแง่ กดดันอิหร่านในขณะนี้
การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากคณะมนตรีความมั่นคงคือภารกิจเฉพาะหน้า หากอิหร่านประสบผลสำเร็จจะกลับสู่ประเด็นเดิม เรื่องยืนยันสิทธิ์การใช้นิวเคลียร์ในทางสันติ (วิเคราะห์ในตอนหน้า) เมื่อพิจารณาร่วมกับบริบทแวดล้อมย่อมต้องสรุปว่าไม่จบง่ายๆ แน่นอน
30 พฤศจิกายน 2014
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 6599 วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2557)
---------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ในมุมมองของอิสราเอล การขจัดภัยคุกคามนิวเคลียร์อิหร่านจะต้องควบคุมโครงการอิหร่านอย่างสมบูรณ์ ไม่ปล่อยให้มีโอกาสผลิตอาวุธได้แม้แต่น้อย เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวรัฐบาลอิสราเอลพร้อมที่จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดสิทธิอันพึงมีของอิหร่าน อาศัยแรงกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศ อิทธิพลของสหรัฐ กดดันให้อิหร่านยอมกระทำตามความต้องการของตน
การคว่ำบาตรจากสหรัฐกับพันธมิตรต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่านพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เศรษฐกิจสังคมอิหร่านได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีโรฮานีชนะการเลือกตั้ง และมาพร้อมกับนโยบายสานสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ เร่งเจรจาแก้ปัญหาการคว่ำบาตร การเจรจาจึงเป็นเรื่องสำคัญ กำหนดอนาคตอิหร่านและภูมิภาคตะวันออกกลาง
อิหร่านมีโครงการนิวเคลียร์มาหลายทศวรรษแล้ว สมัยของอาห์มาดินาจาดเป็นช่วงที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ชาติตะวันตกคว่ำบาตร ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่ทุกรัฐบาลที่กระทำเช่นเดียวกันนี้ ขึ้นกับเหตุผลเบื้องหลัง บริบทแวดล้อมอื่นๆ 
8 ปีของการพัฒนานิวเคลียร์ภายใต้สมัยประธานาธิบดีอาห์มาดีเนจาด เป็นช่วงเวลาที่โครงการนิวเคลียร์มีความก้าวหน้ามาก ก่อทั้งผลดีผลเสียต่ออิหร่านชัดเจน แม้จะยังไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์สำเร็จตามเป้า แต่ได้บรรลุเป้าหมายบางอย่างแล้ว
5. โครงการนิวเคลียร์อิหร่านการเจรจาขั้นสุดท้ายที่ต้องดำเนินต่อไป (2)
สมาชิกรัฐสภาฝ่ายที่ต้องการให้อิหร่านละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ใช้การคว่ำบาตรอย่างรุนแรงเพื่อกดดันให้รัฐบาลอิหร่านยอมรับเงื่อนไข การเจรจาในช่วงนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะหากเลยเส้นตาย 1 กรกฎาคม 2015 สหรัฐจะเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โครงการนิวเคลียร์อิหร่านจะกลายเป็นหนึ่งในประเด็นหาเสียงอย่างสมบูรณ์ สถานการณ์จะซับซ้อนยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
6. นิวเคลียร์อิหร่าน ภาพหลอนเนทันยาฮู (Ookbee)
รัฐบาลอิสราเอลพูดอยู่เสมอว่าอิหร่านใกล้จะประสบความสำเร็จในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เป้าหมายคือทำลายล้างอิสราเอล แม้อิหร่านกับชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศที่เรียกว่ากลุ่ม P-5+1 ได้ข้อตกลงฉบับชั่วคราวและเมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาได้ร่างข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ นายกฯ เนทันยาฮูยังเชื่อเช่นเดิม สวนทางความจริงที่ว่า ทุกวันนี้โครงการฯ ของอิหร่านหดตัว อยู่ภายใต้การตรวจตราของ IAEA ซึ่งได้พิสูจน์ชัดแล้วว่าโครงการฯ ในขณะนี้มีเพื่อใช้ในทางสันติเท่านั้น ความเข้าใจของนายกฯ เนทันยาฮูจึงกลายเป็นภาพหลอนที่คอยหลอกลอนให้หลายคนเชื่อเช่นนั้น
สนใจอีบุ๊ค คลิกที่รูป
บรรณานุกรม :
1. Corsi, Jerome R. 2009. Why Israel Can't Wait: The Coming War Between Israel and Iran. New York: Threshold Editions.
2. Green light for S.Korea’s trade with Iran. (2014, January 22). Tehran Times. Retrieved from http://tehrantimes.com/economy-and-business/113601-green-light-for-skoreas-trade-with-iran
3. Iran, major powers to start implementing Geneva nuclear deal on Jan. 20. (2014, January 12). Tehran Times. Retrieved from http://www.tehrantimes.com/component/content/article/94-headline/113395-iran-major-powers-to-start-implementing-geneva-nuclear-deal-on-jan-20
4. Iranian govt. aiming for single-digit inflation: fin min. (2014, July 20). Tehran Times. Retrieved from http://tehrantimes.com/economy-and-business/117156-iranian-govt-aiming-for-single-digit-inflation-fin-min
5. Iranian president Hassan Rouhani vows never to seek nuclear weapons. (2013, September 19). ABC News/Reuters/AFP. Retrieved from http://www.abc.net.au/news/2013-09-19/irans-rouhani-vows-to-never-seek-nuclear-weapons/4967706
6. Israel pushes world not to be deceived by Rouhani as he takes 'charm offensive' to US airwaves. (2014, September 19). The Jerusalem Post. Retrieved from http://www.jpost.com/Diplomacy-and-Politics/Israel-pushes-world-not-to-be-deceived-by-Rouhani-as-he-takes-charm-offensive-to-US-airways-326582
7. Jentleson, Bruce W. (2010). American Foreign Policy: The Dynamics of Choice in the 21st Century, (4th Ed.). N.Y.: W. W. Norton & Company.
8. Recognizing nuclear rights precondition for U.S. talks: Iran's president-elect. (2013, June 18). Xinhua. Retrieved from http://news.xinhuanet.com/english/world/2013-06/18/c_124868463.htm
9. Steinitz: S-300s sold to Syria may end up in Iran. (2013, June 4). The Jerusalem Post. Retrieved from http://www.jpost.com/Middle-East/Steinitz-S-300s-sold-to-Syria-may-end-up-in-Iranian-hands-315406
10. The White House. (2013, September 24). Remarks by President Obama in Address to the United Nations General Assembly. Retrieved from http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2013/09/24/remarks-president-obama-address-united-nations-general-assembly 24 September 2013
----------------------------