ผู้ก่อการร้ายยังคงมีอยู่ในกว่าร้อยประเทศทั่วโลก
มีทั้งกลุ่มเล็กกับกลุ่มใหญ่ชื่อดังอย่างอัลกออิดะห์ ISIS บางครั้งก่อเหตุตามลำพังจนถึงขั้นมีรัฐบาลต่างชาติให้การสนับสนุน
เป็นอีกประเด็นที่อยู่คู่สถานการณ์โลก
2. ภัยคุกคามในสายตาของประชาชนแต่ละประเทศ
ที่มาของภาพ : https://aclj.org/united-nations/demanding-action-at-un-to-defend-persecuted-church-from-isis-genocide
เป็นประจำทุกปีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะนำเสนอ
“รายงานการก่อการร้ายรายประเทศ” ฉบับล่าสุดคือปี 2017 (Country Reports on
Terrorism 2017) นำเสนอต่อสาธารณะเมื่อกันยายน 2018 มีความยาว 340
หน้า นำเสนอการก่อการร้ายทั่วโลกจากมุมมองของรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นระบบ
มีสาระน่าสนใจพร้อมการวิพากษ์ ดังนี้
2017 เป็นปีที่สหรัฐกับประเทศหุ้นส่วนประสบความสำเร็จในหลายปราบปรามองค์กรก่อการร้ายทั่วโลก
สามารถปลดปล่อยอิรักกับซีเรียจาก ISIS กดดันอัลกออิดะห์ (al-Qa’ida)
ไม่ให้ฟื้นตัว ลดปฏิบัติการของฮิซบอลเลาะห์ (Hizballah) ในเลบานอนและที่อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ISIS กับอัลกออิดะห์พยายามฟื้นตัว ปรับตัวเองในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง
หลบซ่อนมิดชิด ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือติดต่อสมาชิกทั่วโลก กระจายการประสานงานและปฏิบัติการ
ใช้เครื่องบินไร้พลขับ อาวุธเคมี สั่งการจากจุดที่ห่างไกลจากพื้นที่ปฏิบัติการมาก
เช่น การก่อการร้ายในสหราชอาณาจักร สเปน อียิปต์ ฟิลิปปินส์ สหรัฐ ฯลฯ
อัลกออิดะห์ยังคงขยายสมาชิกและปฏิบัติการเงียบๆ
เครือข่ายแกนนำอยู่ในอัฟกานิสถาน ปากีสถาน ประเทศกลุ่มอาหรับ บางพื้นที่ในอินเดีย
กลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกยังคงพยามยามระดมสมาชิกจากความขัดแย้งทางนิกายศาสนา
ประเทศที่กลายเป็นรัฐล้มเหลว (failing states) เป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้ง
รัฐบาลสหรัฐกับมิตรประเทศร่วมกันแบ่งปันข้อมูล ขัดขวางปฏิบัติการ
และเพิ่มขีดความสามารถต่อต้านก่อการร้ายแก่หลายประเทศทั่วโลก ให้คำแนะนำเรื่องข้อกฎหมาย
พยายามขัดขวางเส้นทางการเงิน คว่ำบาตรประเทศที่สนับสนุนก่อการร้าย ประสานงานรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญๆ
หลายประเทศในแอฟริกาเพิ่มความพยายามต่อต้านก่อการร้าย
พร้อมกับเผชิญปัญหาที่หนักหน่วงกว่าเดิม al-Shabaab คือกลุ่มสำคัญในแอฟริกาตะวันออกกับโซมาเลีย
ติดต่อสัมพันธ์กับอัลกออิดะห์
Boko Haram
เป็นอีกกลุ่มที่ปฏิบัติการหลายพื้นที่ รัฐบาลไนจีเรีย แคเมอรูน ชาด ไนเจอร์
ร่วมกันต่อต้านผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ รัฐบาลสหรัฐให้ความช่วยเหลือหลายอย่าง
รัฐบาลในแถบเอเชียตะวันออกกับแปซิฟิกกระชับการใช้กฎหมาย
ร่วมกันดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดนและการเดินทางโดยเครื่องบิน
กลุ่มผู้ก่อการร้ายยังคงพยายามระดมสมาชิกในหมู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มใกล้ชิด ISIS ก่อเหตุทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ต้องใช้เวลาถึง
5 เดือนกว่าเหตุการณ์ก่อการร้ายปี 2017 จะสงบ รัฐบาลในหมู่อาเซียนกังวลว่าผู้ก่อการร้ายที่กลับจากอิรักกับซีเรียจะกลับมาก่อเหตุที่ประเทศตัวเอง
คน 3 จำพวกที่รัฐบาลจีนเห็นว่าเป็นภัยคือพวกผู้ก่อการร้าย
พวกแบ่งแยกดินแดนและพวกนิยมลัทธิสุดโต่ง (extremism) นอกจากเพิ่มมาตรการควบคุมในประเทศแล้วยังพยายามขอความร่วมมือจากต่างประเทศ
พื้นที่สำคัญคือเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uighur Autonomous
Region) ที่คนอุยกูร์กับชาติพันธุ์มุสลิมอื่นๆ เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล
โดยเฉพาะพวกสุดโต่งที่เรียกว่า East Turkistan Islamic Movement (ETIM) ทางการจีนตรวจสอบติดตามความเคลื่อนไหวสมาชิกกลุ่มอย่างใกล้ชิด
จำกัดการเดินทาง การปฏิบัติศาสนกิจ มีข้อมูลว่าบางคนเข้าพวกกับ ISIS และผู้ก่อการร้ายกลุ่มอื่นๆ ในตะวันออกกลาง
มาเลเซียเป็นอีกประเทศอันเป็นแหล่งที่มาของผู้ก่อการร้าย
เป็นจุดพักรอการเดินทางสู่จุดหมายของพวก ISIS ทางการมาเลเซียสามารถจับกุมผู้ก่อการร้ายได้หลายราย
ป้องกันผู้ที่คาดว่ากำลังจะก่อเหตุร้าย ผู้ก่อการร้ายกลุ่มเล็กๆ
จะระดมเงินสนับสนุนด้วยตนเองจากญาติพี่น้อง เพื่อนและทางอินเทอร์เน็ต พวกที่พยายามระดมทุนถูกจับกุมและขึ้นศาลแล้วหลายราย
รัฐบาลพยายามควบคุมสกุลเงินดิจิทัลด้วยความกังวลว่าผู้ก่อการร้ายจะระดมทุนจากช่องทางดังกล่าว
มาเลเซียเข้าร่วมเป็นสมาชิกต่อต้านก่อการร้ายทั้งระดับนานาชาติและระดับอาเซียน
ร่วมมือใกล้ชิดกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
การปรากฏตัวของผู้ก่อการร้ายที่ใกล้ชิด
ISIS ทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เพิ่มมาตรการต่อต้านหลายอย่าง บางส่วนเป็นความร่วมมือกับกลุ่มเดิมๆ
อย่าง Abu Sayyaf Group และ Maute Group
ถ้าไม่เอ่ยเรื่องความไม่สงบใน 4 จังหวัดภาคใต้ ประเทศไทยเป็นจุดแวะพักและเตรียมความพร้อมที่ผู้ก่อการร้ายนิยม
เป็นแหล่งสินค้าผิดกฎหมาย ระบบการควบคุมของธนาคารยังอ่อนแอ
หน่วยงานความมั่นคงพูดถึงภัยจาก ISIS ร่วมมือกับต่างประเทศเป็นครั้งคราว
การควบคุมแนวชายแดนยังมีช่องโหว่อีกมาก ทางการไทยสามารถจับกุมการเคลื่อนไหวการเงินผิดปกติ
แต่มีองค์กรไม่จดทะเบียนหลายแห่งที่สามารถเคลื่อนย้ายเงินที่สุ่มเสี่ยงสนับสนุนผู้ก่อการร้าย
หลายประเทศในยุโรปกังวลเรื่องผู้ก่อการร้ายจากอิรักและซีเรียกลับประเทศเช่นกัน
เหตุร้ายหลายครั้งเกิดขึ้นเพราะได้รับแนวคิดจาก ISIS แต่บางประเทศเป็นเรื่องของการต่อสู้ทางเชื้อชาติเช่น
กลุ่ม Kurdistan Workers’ Party ในตุรกี
กลุ่มประเทศยุโรปสร้างเครือข่ายต่อต้านก่อการร้ายในระดับภูมิภาคของตนเอง
และทำงานกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอยู่เดิม
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ในภูมิภาค ฝรั่งเศสจัดอยู่ในกลุ่มเป้าหมายสำคัญของการก่อการร้าย ด้วยการโจมตีเป็นจุดๆ
ใช้อาวุธหรือความรุนแรงเท่าที่ทำได้ การก่อเหตุโดยคนๆ
เดียวเป็นแบบที่ตรวจจับยากที่สุด เฉพาะปี 2017 สามารถป้องกันการก่อเหตุได้ถึง 20
ครั้งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ ISIS
รัฐบาลรัสเซียระบุว่ามีคนของตน
3,400 คนเข้าร่วมกับผู้ก่อการร้ายต่อสู้ในซีเรียกับอิรัก
ความร่วมมือกับสหรัฐจำกัดด้วยเหตุผลหลายข้อ รวมทั้งการกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐสนับสนุน
ISIS ทางการรัสเซียออกกฎหมายมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตต่อผู้ชักชวนคนเข้าร่วมกับผู้ก่อการร้าย
ให้การฝึกฝน จัดตั้งองค์กรหรือเข้าร่วมกับกลุ่ม
สหราชอาณาจักรเป็นอีกประเทศที่เมื่อปี
2017 เกิดเหตุร้ายสำคัญถึง 5 ครั้ง หน่วยงานความมั่นคงเฝ้าระวังในระดับสูง
สามารถป้องกันการก่อเหตุได้หลายครั้ง
แหล่งซ่องสุมที่สำคัญยังอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางกับแอฟริกา
แม้ถูกปราบปรามและ ISIS สูญเสียพื้นที่ยึดครองในอิรักกับซีเรียแล้ว
ผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ ยังคงกระจายตัวอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ ในขณะที่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียให้ความร่วมมือและพยายามต่อต้านก่อการร้ายเต็มกำลัง
รัฐบาลของกลุ่มประเทศเหล่านี้เรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิมสายกลาง (moderate
Islam) ไม่สนับสนุนลัทธิสุดโต่ง การใช้ความรุนแรงล
อิหร่านสร้างความขัดแย้งและบ่อนทำลายผลประโยชน์สหรัฐในอัฟกานิสถาน
บาห์เรน อิรัก เลบานอนและเยเมน ที่เป็นประเด็นสำคัญในตอนนี้คือการปรากฏตัวของอิหร่านกับฮิซบอลเลาะห์ในซีเรีย
ระดมกองกำลังชีอะห์จากทั่วโลก (ส่วนใหญ่ระดมคนจากภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้)
และใช้คนเหล่านี้ปกป้องรัฐบาลอัสซาดแห่งซีเรีย
อิหร่านและผู้ก่อการร้ายในกลุ่มพยายามวางเครือข่ายกระจายทั่วโลก
รัฐบาลสหรัฐสามารถจับกุมสมาชิกฮิซบอลเลาะห์ผู้ต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุร้ายในประเทศ
ตั้งแต่ปี 1984
รัฐบาลสหรัฐตีตราว่าอิหร่านคือรัฐอุปถัมภ์ก่อการร้าย (State
Sponsors of Terrorism) จากการสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มก่อการร้ายในฉนวนกาซา
หลายกลุ่มในซีเรียกับอิรัก และอีกมากในภูมิภาคตะวันออกกลาง
พฤศจิกายน 2017
รัฐบาลทรัมป์ตีตราว่าเป็นรัฐอุปถัมภ์ก่อการร้าย
เพราะสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย มีพฤติกรรมลอบสังหารบุคคลที่อยู่ในต่างแดน
เอื้อให้ประเทศพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกล ในอดีตเมื่อปี 1988
รัฐบาลสหรัฐเคยตีตราเกาหลีเหนือเป็นรัฐอุปถัมภ์ก่อการร้ายครั้งหนึ่งแล้ว
จากเหตุเกี่ยวข้องกับการวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารเมื่อปี 1987 ได้รับการถอดชื่อเมื่อปี 2008 หลังเกาหลีเหนือเข้าข่ายปฏิบัติตามกฎ
ซูดานถูกตีตราเป็นรัฐอุปถัมภ์ก่อการร้ายตั้งแต่ปี
1993 สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายนานาชาติหลายกลุ่ม เช่น Abu Nidal
Organization, Palestine Islamic Jihad, Hamas, และ Lebanese
Hizballah อย่างไรก็ตามรัฐบาลซูดานให้ความร่วมมือกับสหรัฐต่อต้านก่อการร้าย
ประเทศที่ 4 คือซีเรีย
ถูกตีตราตั้งแต่ปี 1979 ด้วยเหตุผลสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายหลายกลุ่ม
ให้อาวุธแก่ฮิซบอลเลาะห์ อนุญาตให้อิหร่านติดอาวุธกลุ่มดังกล่าว
นอกจากนี้รัฐบาลอัสซาดสนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ฮิซบอลเลาะห์
วิพากษ์องค์รวม :
บทความนี้นำเสนอรายงานของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เขียนเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของตนเองโดยเฉพาะ
เนื้อหาบางส่วนบางประเทศอาจไม่ยอมรับ
และอาจกล่าวโทษว่ารัฐบาลสหรัฐคือรัฐอุปถัมภ์ก่อการร้ายเช่นกัน
ความเป็นไปในซีเรียกับอิรักอาจอธิบายว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายสูญเสียพื้นที่ยึดครอง
ล้มตายนับพันนับหมื่น ที่เหลือหลบซ่อนตัวหลีกเลี่ยงถูกจับกุม ในอีกมุมหนึ่งการเกิดขึ้นและดับสูญเป็นสภาวะที่ไม่นิ่ง
เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางคนวันนี้เป็นผู้ก่อการร้าย
วันรุ่งขึ้นกลับตัวกลับใจเป็นคนปกติ และในปีต่อไปอาจกลับไปเป็นผู้ก่อการร้ายอีก
ย้ายจากกลุ่มนี้ไปกลุ่มนั้น บทเรียนสำคัญคือ ประเทศที่ประชาชนไม่อาจอยู่เป็นเย็นเป็นสุข
จนเกิดความวุ่นวายรุนแรง รัฐบาลไม่อาจควบคุมสถานการณ์ มักเป็นบ่อเกิดและเป็นพื้นที่ก่อการของเหล่าผู้ก่อการร้าย
อิรัก ซีเรีย ลิเบีย ซูดานและอีกหลายประเทศเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด และคาดการณ์ได้ว่าผู้ก่อการร้ายจะยังไม่หมดจากประเทศเหล่านี้
(เปรียบเทียบกับประเทศอย่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสแม้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเป็นระยะแต่ไม่บานปลาย)
กลายเป็นเหตุให้ต่างชาติแทรกแซงเพื่อปราบผู้ก่อการร้าย เกิดความรุนแรงไม่รู้จบ การปล้นฆ่าข่มขืนโดยผู้ก่อการร้ายกลายเป็นเรื่องสามัญของประเทศเหล่านี้
21 เมษายน
2019
ชาญชัย
คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก”
ไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8197 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ.2562)
------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
1. ถอดรหัสสัมพันธ์แนบแน่นรัฐบาลสหรัฐกับซาอุฯ(1)
ในที่ประชุม “Arab Islamic American
Summit” ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีเป็นมิตรกับรัฐบาลซาอุฯ
ท่ามกลางผู้นำชาติอาหรับ ผู้นำมุสลิมประเทศอื่นๆ รวม 55 ประเทศ
วัตถุประสงค์หลักคือร่วมต่อต้านก่อการร้ายซึ่งหมายถึงมุสลิมสุดโต่งกับอิหร่าน
เป็นอีกครั้งที่ทรัมป์พูดถึงความดีความชั่ว ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือดำเนินนโยบาย ยอมรับว่าแนวทางศาสนาของซาอุฯ
เข้าได้กับนโยบายของตน
Pew Research Center
เสนอผลสำรวจภัยคุกคามต่างๆ ตามความคิดเห็นของประชาชน พบว่าผู้ก่อการร้าย IS/ISIL/ISIS กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก (global climate change) คือ 2 ประเด็นที่คนทั่วโลกเห็นว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดในขณะนี้
3. มาเลเซียประกาศเผชิญหน้าผู้ก่อการร้ายดาอิช (IS)
รัฐบาลนาจิบประกาศชัดว่าประเทศกำลังเผชิญภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย
IS หลังเผชิญการคุกคามต่อเนื่อง ประกาศหลักวะสะฏียะฮ์
ยึดความสมดุล ความพอดี ไม่สุดโต่งเป็นอุดมการณ์ต่อต้านอุดมการณ์ของผู้ก่อการร้าย
อย่างไรก็ตามประเด็นหลักอิสลามเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำคัญที่เมื่อ IS ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ ฝ่ายต่อต้าน IS
สามารถใช้และน่าจะมีพลังมากกว่า
เป็นเรื่องแปลกที่รัสเซียกับฝ่ายสหรัฐฯ
(รวมชาติตะวันตกกับรัฐอาหรับ) ต่างมีนโยบายปราบปรามผู้ก่อการร้าย IS/ISIL/ISIS แต่ต่างฝ่ายต่างทำ ฝ่ายสหรัฐฯ กล่าวหาว่ารัสเซียไม่ได้มุ่งทำลาย IS แต่มุ่งเป้าที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาดมากกว่า ในขณะที่รัสเซียปฏิเสธ
อีกทั้งมีประเด็นที่นักวิชาการหลายคนชี้ว่านโยบายปราบ IS ของฝ่ายสหรัฐฯ
ไม่ได้ผล ถ้ามองในกรอบแคบความแตกต่างนี้มาจากการสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนรัฐบาลอัสซาด
ถ้ามองในกรอบกว้างคือการเผชิญหน้าระหว่าง 2 มหาอำนาจ
บรรณานุกรม :
U.S. State Department. (2018, September). Country Reports on Terrorism 2017.
Retrieved from https://www.state.gov/documents/organization/283100.pdfที่มาของภาพ : https://aclj.org/united-nations/demanding-action-at-un-to-defend-persecuted-church-from-isis-genocide