เกาะติดประเด็นร้อน “ความขัดแย้งในประเทศซีเรีย” (12)
สรุปสถานการณ์: (อัพเดท
1 ก.ย. 20.40 น.) นายกรัฐมนตรีคาเมรอนประกาศยกเลิกแผนร่วมโจมตีเนื่องจากรัฐสภาอังกฤษไม่เห็นชอบ
ทำเนียบขาวพูดเป็นนัยว่าสหรัฐฯ อาจโจมตีซีเรียตามลำพัง ด้านรัฐบาลฝรั่งเศสกลับเยอรมันเรียกร้องให้เลื่อนปฏิบัติการทางทหาร
จนกว่าคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติได้ทบทวนหลักฐานที่เก็บรวมรวมจากเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ
คืบหน้าล่าสุด: (อัพเดท
1 ก.ย. 20.40 น.)
นายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (30
สิงหาคม) ประกาศว่ารัฐบาลมีหลักฐานว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนของตนเอง
พร้อมเอกสารรายงานจากทำเนียบขาว หน่วยงานความมั่นคง “มีความมั่นใจอย่างยิ่ง” (high
confidence)
ว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นผู้อาวุธเคมีที่ชานกรุงดามัสกัสจากพยานบุคคลและการดักฟังการสนทนาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีเรีย
พร้อมกับพูดเป็นนัยว่าสหรัฐฯ จะต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบสหประชาชาติจะเดินทางออกจากซีเรียในวันเสาร์ (31
สิงหาคม) นาย Martin Nesirky โฆษกสหประชาชาติชี้ว่าไม่สามารถตอบได้ว่าสหประชาชาติจะต้องใช้เวลากี่วันเพื่อตรวจสอบหลักฐานที่ได้มา
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเห็นว่าต้องใช้เวลาราว 1 สัปดาห์
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ท้าทายให้สหรัฐฯ นำหลักฐานที่อ้างว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีมาพิสูจน์ในเวทีสหประชาชาติ
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวอย่างท้าทายว่า “ถ้ามีหลักฐานก็ควรแสดงออกมา
ถ้าไม่แสดงก็เท่ากับว่าไม่มีหลักฐานจริง”
ประธานาธิบดีบารัก
โอบามา กล่าวเมื่อวันเสาร์ (31 ส.ค.) ว่า “ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว่าสหรัฐฯ
ควรโจมตีรัฐบาลซีเรีย” เห็นว่าตนมีสิทธิอำนาจตามกฎหมายสามารถสั่งการโจมตีโดยไม่ต้องปรึกษารัฐสภา
แต่ด้วยตระหนักว่าเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
จึงเห็นว่าควรทำเป็นตัวอย่างด้วยการ “ขออนุญาตใช้กำลังจากตัวแทนของชาวอเมริกันในรัฐสภา”
คาดว่าสภาจะเปิดประชุมเพื่อให้มีการอภิปรายก่อนลงมติ
อย่างเร็วคือเริ่มวันที่ 9 กันยายน
วิเคราะห์: (อัพเดท 1
ก.ย. 20.00 น.)
(เกาะติดประเด็นร้อนฉบับนี้จะมุ่งติดตามคืบหน้าสถานการณ์ล่าสุด และกับรายงานผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน)
วิเคราะห์ประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ:
1.ยุทธการการเมืองระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดีปูตินได้โอกาสบ่อนทำลายความนิยมของโอบามา
ดึงบทบาทของตนให้โดดเด่นขึ้น แน่นอนว่าทั้งภายในและต่างประเทศจะชื่นชม
เพราะหลายประเทศไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของรัฐบาลอเมริกัน
แต่เนื่องจากเป็นประเทศเล็กไม่กล้าแสดงออกชัดเจน
ดังที่เคยวิเคราะห์ไว้ว่า
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สหประชาชาติได้รับรายงานการใช้อาวุธเคมีในซีเรียทั้งหมด 13
ครั้ง (รวมวันที่ 21 สิงหาคมจะเป็น 14 ครั้ง) เจ้าหน้าที่สหประชาชาติกับรัฐบาลปูตินเคยรายงานว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้
ภายใต้ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ประเมินได้ว่าแท้ที่จริงแล้วยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้ใช้แน่นอน
หรือว่าเคยใช้ทั้งสองฝ่าย
ส่วนหลักฐานวันที่
21 ค่อนข้างชัดว่าคือการใช้อาวุธเคมี จุดสำคัญคือเจ้าหน้าที่สหประชาชาติชุดที่เข้าไปตรวจสอบไม่มีหน้าที่สรุปว่าฝ่ายใดเป็นผู้ใช้
ดังนั้น ที่สุดแล้วผลสรุปของสหประชาชาติคือสรุปว่ามีการใช้ แต่ไม่อาจสรุปว่าใครเป็นผู้ใช้
ส่วนหลักฐานที่รัฐบาลโอบามากล่าวอ้างนั้นเป็นที่น่าสงสัย
เพราะแต่ไหนแต่ไรรัฐบาลโอบามก็ฟันธงว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นผู้ใช้ คาดว่ารัฐบาลโอบามาจะไม่ยอมทำตามข้อเสนอที่ให้นำเสนอต่อเวทีสหประชาชาติเพื่อพิสูจน์ว่าหลักฐานดังกล่าวน่าเชื่อถือหรือไม่
ประธานาธิบดีโอบามาคงไม่ยอมเสี่ยงให้ประเทศชาติมหาอำนาจโลกต้องขายหน้ากลางเวทีสหประชาติ
นี่คือยุทธการการเมืองระหว่างประเทศอันน่าชื่มชมของประธานาธิบดีปูติน
2.ประธานาธิบดีโอบามาหาทางลงจากหลังเสือหรือไม่
ช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม
เมื่อรัฐสภาอังกฤษไม่เห็นชอบที่รัฐบาลจะโจมตีซีเรีย นายกรัฐมนตรีคาเมรอนประกาศยกเลิกแผนร่วมโจมตี
ณ ขณะนั้นทำเนียบขาวพูดเป็นนัยว่าสหรัฐฯ อาจโจมตีซีเรียตามลำพัง เพราะเห็นว่าสหรัฐฯ
จะได้ประโยชน์มากกว่าถ้าเลือกที่จะโจมตี อีกทั้งดังที่เคยวิเคราะห์ไว้แล้วว่ากองทัพอเมริกันเข้มแข็งพอที่จะโจมตีซีเรียตามลำพัง
แต่หลังจากแสดงท่าทีดังกล่าวได้เพียงสองสามวัน
ประธานาธิบดีโอบามาเปลี่ยนท่าทีอีก โดยโยนให้รัฐสภาเป็นผู้ตัดสินใจ ทั้งๆ
ที่โดยรัฐธรรมนูญแล้วประธานาธิบดีในฐานะผู้บัญชาการทหารของประเทศมีอำนาจสามารถสั่งโจมตี
ตีความได้ว่าประธานาธิบดีโอบามา
กังวลเรื่องแรงต้านจากชาวอเมริกัน จากรัฐสภาเช่นกัน
สิ่งที่เป็นไปได้ในช่วงนี้คือ
หากรัฐบาลโอบามายังคิดจะโจมตีอีกจะต้องล็อบบี้ขอคะแนนเสียงจากรัฐสภาให้มากที่สุด ต้องขอจากพรรครีพับลิกันพรรคฝ่ายค้านด้วย
เพื่อความชอบธรรมเต็มเปี่ยม
แต่หากนี่คือวิธีการลงจากหลังเสือ
นับว่าประธานาธิบดีได้แสดงความเชี่ยวชาญทางการเมืองอีกครั้งแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง นับว่าเป็นความสำเร็จของประชาชนชาวอเมริกัน และอาจต้องขอบคุณรัฐสภาอังกฤษด้วยที่ไม่เห็นชอบให้รัฐบาลเข้าร่วมโจมตี
สำแดงกระแสต่อต้าน ทำให้รัฐบาลอเมริกันต้องคิดหนัก
ผลกระทบต่อตลาดทุน:
(ข้อมูลส่วนนี้จะปรับตามเวลา เพื่อแสดงสถานะล่าสุด)
ราคาน้ำมันดิบ
WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า NYMEX ที่สหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ (30 ส.ค.) อ่อนตัวเป็นวันที่สองหลังจากที่ไม่มีสัญญาณว่าสหรัฐฯ
กำลังจะโจมตีซีเรียในเวลาอันใกล้นี้ ราคาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 107-109
ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับยุโรปยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
Addison
Armstrong ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการตลาดจาก Tradition Energy กล่าวว่า “การที่รัฐสภาอังกฤษไม่อนุญาตให้นายกรัฐมนตรีประกาศแทรกแซงทางทหารต่อซีเรียทำให้ตลาดคลายความคาดหวังว่าจะเกิดการโจมตีในระยเวลาอันใกล้”
ความกังวลเรื่องอุปทานขาดแคลนในช่วงนี้จึงคลายตัว
นอกจากนี้
นาย Stephen Schork ประธานของ Schork Group Inc เชื่อว่าหากสหรัฐฯ โจมตีซีเรียอย่างจำกัด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงมีอย่างจำกัดด้วย ไม่น่าจะดึงให้อิหร่านเข้าร่วมสมรภูมิ
หรือทำการปิดอ่าวเปอร์เซีย “เนื่องจากอิหร่านอยู่ระหว่างที่ต้องการขายน้ำมันเช่นกัน”
วิเคราะห์:
ดังที่วิเคราะห์แล้วว่าขณะนี้สัญญาณการโจมตีเปลี่ยนแปลงอีก
กลับมาอยู่ในจุดเดิมคือ อาจ “โจมตี” หรือ “ไม่โจมตี”
ทั้งนี้ขึ้นกับการลงมติของรัฐสภา และน่าจะเป็นสัญญาณตัดสินใจสุดท้ายแล้ว คาดว่ารัฐสภาอเมริกันจะประชุมอย่างเร็วคือวันที่
9 สิงหาคม (ต้องติดตามกำหนดวันประชุมอีกที)
ที่อาจเป็นไปได้คือ การประชุมรอบนี้อาจยังไม่มีข้อสรุปก็เป็นได้
หากที่ประชุมขอดูผลการตรวจสอบหลักฐานจากเจ้าหน้าที่สหประชาชาติซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะสรุปรายงานได้เมื่อไหร่
(บางกระแสบอกว่า 1 สัปดาห์ บางกระแสบอกว่า 1 เดือน) ก่อให้เกิดภาวะอึมครึม
สัปดาห์นี้หรือระหว่างนี้จึงต้องติดตามกระแสการเมืองภายในประเทศอเมริกัน
การเมืองระหว่างประเทศ ผลการตรวจสอบของสหประชาชาติ เพื่อประเมินว่ารัฐสภาน่าจะมีมติในทางใด
อนึ่ง
การวิเคราะห์นี้มุ่งอธิบายสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรีย
ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุน
ณ
วันนี้สัญญาณการโจมตีเปลี่ยจาก “ชัดเจน” มาเป็นจุดเดิมคืออาจโจมตีหรือไม่โจมตีก็เป็นได้
และมีแนวโน้มว่าหากเป็นการโจมตีคงต้องรออีกเป็นสัปดาห์
สถานการณ์จะอยู่ในภาวะอึมครึมยาวนาน
1 กันยายน 2013
ชาญชัย คุ้มปัญญา
----------------------
บทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง:
(อัพเดท 27 ส.ค. 20.00 น.)
นานาชาติพุ่งเป้าให้ความสำคัญกับการใช้อาวุธเคมีที่ชานกรุงดามัสกัส
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศสเชื่อว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลอัสซาด
และกำลังพิจารณาใช้กำลังทหารในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
(อัพเดท 28 ส.ค. 17.30 น.)
กระแสข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศล้วนชี้ว่าอเมริกากำลังเตรียมการโจมตี
ล่าสุดทางการรัสเซียเริ่มอพยพคนของตนออกจากซีเรีย การวิเคราะห์ผลยุทธการต่อตลาดทุน
ราคาน้ำมัน ควรแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงก่อนโจมตี ช่วงระหว่างโจมตี
และช่วงหลังโจมตี
(อัพเดท 29 ส.ค. 18.30 น.) ณ
วันนี้ยังมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะโจมตีหรือไม่โจมตีซีเรียก็ได้
ตลาดเงินตลาดทุนกำลังรอดูสัญญาณ เพื่อทิศทางที่ชัดเจนกว่านี้
การถอนตัวของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติกับการประกาศพร้อมโจมตีของกองทัพฝรั่งเศสคือสัญญาณล่าสุด
(อัพเดท 30 ส.ค. 10.25 น.) ณ วันนี้ยังมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะโจมตีหรือไม่โจมตีซีเรียก็ได้
แม้ว่าอังกฤษจะถอนตัวออกจากการโจมตี เพราะรัฐบาลโอบามาเตรียมใจแต่ต้นแล้ว
1. White House releases report
detailing Syria chemical attack, USA Today, 31 August 2013, http://www.usatoday.com/story/news/politics/2013/08/30/kerry-syria-chemical-weapons-obama/2742369/
2. U.N. Inspectors to Leave Syria Saturday, The Wall
Street Journal, 30 August 2013, http://stream.wsj.com/story/syria/SS-2-34182/SS-2-313211/
3. Russia's Vladimir Putin challenges US on Syria claims, BBC,
31 August 2013, http://www.bbc.co.uk/news/world-middle-east-23911833
4. Obama to ask Congress to approve strike on Syria, Market
Watch, 31 August 2013, http://www.marketwatch.com/story/obama-to-ask-congress-to-approve-strike-on-syria-2013-08-31
5. WTI Falls a Second Day as Concern Eases on Syria Strike, Bloomberg,
31 August 2013, http://www.bloomberg.com/news/2013-08-30/wti-falls-after-u-k-lawmakers-reject-syria-action.html
----------