ในยามนี้หากเทียบกับอิหร่าน-อาหรับอาจตีความว่าอิสราเอลถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อเทียบกับอิหร่าน ยากที่ซาอุฯ จะคืนความสัมพันธ์กับอิสราเอลตราบเท่าที่ลัทธิไซออนิสต์ยังเป็นที่นิยม
ทั้งซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลต่างเป็นพันธมิตรสหรัฐเนิ่นนาน 8 ทศวรรษ นับจากค.ศ.1945 เป็นต้นมารัฐบาลสหรัฐยึดมั่นข้อตกลงปกป้องราชวงศ์ซาอุฯ ภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียแลกกับการที่สหรัฐได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์น้ำมันซาอุฯ
ความสัมพันธ์กับอิสราเอลยิ่งล้ำลึก
เริ่มตั้งแต่สถาปนารัฐอิสราเอลสมัยใหม่เมื่อค.ศ.1948 การเผชิญสงครามกับรัฐอาหรับ อียิปต์ หลายครั้งล้วนมีรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่
รัฐบาลสหรัฐมีส่วนสำคัญทำให้นานาชาติยอมรับอิสราเอล
สามารถกินดินแดนของปาเลสไตน์ท่ามกลางเสียงประณาม
เมื่อไม่นานนี้ยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญอีกครั้งของอิสราเอลๆ
ที่คงอยู่และเติบใหญ่คือความขมขื่นของอาหรับทั้งมวล
สังเกตว่า หลายทศวรรษแล้วที่พวกซาอุฯ
กับอิสราเอลขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นทำสงครามต่อกันหลายรอบ
ปัจจุบันยังมีเรื่องที่เห็นต่างแต่ทั้งคู่เป็นพันธมิตรและอยู่ภายใต้การสนับสนุนดูแลของสหรัฐ
ไม่ทิ้งสัมพันธ์อาหรับ-อิสราเอลและอาจดีขึ้น
:
ฟังดูอาจแปลกๆ เพราะซาอุฯ
จับมืออิหร่านแล้ว ทั้งมีความขัดแย้งกับอิสราเอลโดยเฉพาะเรื่องปาเลสไตน์
แต่ถ้าพิจารณาให้ดีซาอุฯ อาหรับร่วมมือทั้งทางตรงทางอ้อมกับอิสราเอลและกำลังฟื้นสัมพันธ์
ย้อนหลังปี 2018
มกุฎราชกุมารซัลมานกล่าวว่าอิสราเอลมี “สิทธิ” เหนือดินแดนมาตุภูมิของตน
คนยิวมีสิทธิแห่งการเป็นรัฐชาติ (nation-state)
ที่อยู่ร่วมกับชนชาติอื่นโดยสันติ ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยัง
“มีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่าง”
คำพูดนี้เท่ากับยอมรับรัฐชาติอิสราเอลปัจจุบัน
(ในเชิงหลักการ) ต่างจากอดีตที่ประกาศว่าอาหรับกับยิวอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
มกุฎราชกุมารอธิบายเพิ่มว่า
“ประเทศของเราไม่มีปัญหากับคนยิว ศาสดามุฮัมมัด (Muhammad)
ของเราแต่งงานกับหญิงยิว ไม่ใช่เพียงเป็นเพื่อนแต่แต่งงานกัน
เพื่อนบ้านของศาสดาก็เป็นพวกยิว ซาอุฯ ในปัจจุบันมีชาวยิวไม่น้อยทั้งจากอเมริกา
ยุโรป”
มีนาคม 2022 มกุฎราชกุมารซัลมานกล่าวว่าตนหวังว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะหมดไป
ซาอุฯ ไม่มองว่าอิสราเอลเป็นศัตรู ตรงกันข้ามคาดหวังว่าจะเป็นพันธมิตรต่อกัน
มีผลประโยชน์หลายอย่างที่ร่วมมือกันได้
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาชาติอาหรับบางประเทศปรับความสัมพันธ์กับอิสราเอล
ที่โดดเด่นมากคือ
Abraham Accords สิงหาคม 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอิสราเอลสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติ
เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ ก้าวย่างสำคัญของสันติภาพตะวันออกกลาง เดือนถัดมาบาห์เรนประกาศสถาปนาการทูตกับอิสราเอลเช่นกัน
เนื้อหาตอนหนึ่งใน Abraham
Accord ระบุชัดว่าทั้งอาหรับกับยิวต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัม (Abraham) ความจริงแล้วในภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยมุสลิม ยิว พวกนับถือคริสต์
และผู้นับถือศาสนาความเชื่ออื่นๆ แม้แตกต่างแต่ปรารถนาอยู่ร่วมกัน (spirit
of coexistence) ด้วยความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน
สรุปแล้ว Abraham Accords คือการประกาศยอมรับรัฐอิสราเอล
เริ่มติดต่อกันทุกด้านเหมือนประเทศทั่วไป ทั้งๆ ปัญหาปาเลสไตน์ยังคงอยู่
อิสราเอลยังคงลุกล้ำตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์มากขึ้นตามลำดับ
พูดให้ชัดคือบรรดาประเทศที่เคยต่อต้านอิสราเอลเพราะปาเลสไตน์ (ส่วนใหญ่คือประเทศในตะวันออกกลาง
นับถืออิสลามเป็นหลัก) ตอนนี้หันมาจับมือร่วมมือกัน นี่คือการทรยศหักหลังชาวปาเลสไตน์ใช่หรือไม่
มองภาพรวมอาหรับกำลังเป็นมิตรกับอิสราเอลและอิหร่านไล่เลี่ยกัน
ลดความขัดแย้งภูมิภาค ลดโอกาสทำสงครามใหญ่ที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐหวังและใช้มาตลอด
ทำลายทีละประเทศ เช่น อิรัก
ซีเรีย เยเมน คำถามคือใครเป็นรายต่อไป ทั้งหมดนี้มาจากการเปลี่ยนทัศนคติ หลักคิด
จนนำสู่นโยบายปรับสัมพันธ์
ต้องมีเส้นทางสันติภาพกับชาวปาเลสไตน์ด้วย :
ในอีกด้านซาอุฯ ไม่ยอมมีความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล
ยอมรับว่าถ้าซาอุฯ กับอิสราเอลปรับสัมพันธ์สู่ระดับปกติจะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาค
แต่ตั้งเงื่อนไขว่าต้องมีเส้นทาง (แผน) สันติภาพกับชาวปาเลสไตน์ด้วย
ให้พวกเขาได้รับความยุติธรรมมีอนาคต มีเส้นทางนำสู่ทวิรัฐ หาไม่แล้วสัมพันธ์ระดับปกติจะไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่
คิดว่าสหรัฐจะเห็นด้วยว่าเรื่องเหล่านี้สำคัญ
จุดยืนซาอุฯ คือความเป็นไปของปาเลสไตน์เป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพภูมิภาค
ประณามการกระทำรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ ย้ำต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างครอบคลุม
มองหาหนทางสู่สันติภาพตามแนวทางทวิรัฐ (two-state solution) อย่างที่นานาชาติเอ่ยถึง
ตามข้อเสนอรัฐอาหรับ สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
สร้างรัฐปาเลสไตน์อิสระโดยยึดเขตแดนเมื่อปี 1967 มีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง
ยุติการยึดครองดินแดนจากการรุกรานของอิสราเอล ผู้บ่อนทำลายความพยายามสู่สันติภาพ
ขอร่วมปกป้องเยรูซาเล็ม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รักษาสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ดังเดิม
หากเทียบกับอิหร่าน-อาหรับอาจตีความว่า
อิสราเอลถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อเทียบกับอิหร่าน
(อาหรับเป็นมิตรกับทั้งอิสราเอลและอิหร่าน แต่อาหรับทุกประเทศเป็นมิตรอิหร่าน
ต่างจากที่ซาอุฯ ยังไม่เป็นมิตรอิสราเอลอย่างเป็นทางการ
เมื่อเทียบกันแล้วอิสราเอลจึงถูกโดดเดี่ยวมากกว่าในเชิงเปรียบเทียบ)
ซึ่งเป็นสถานการณ์ใหม่ ผลจากประธานาธิบดีสี
จิ้นผิงเชื่อมความสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านเมื่อปี 2023 นี้เอง
ไม่นานหลังซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์
ต้นเดือนมิถุนายน 2023 Antony Blinken รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าสหรัฐหวังช่วยให้อิสราเอลมีความสัมพันธ์ระดับปกติกับซาอุฯ
หวังว่าจะเข้าร่วม
Abraham
Accords อันจะส่งเสริมให้ภูมิภาคมั่นคงยิ่งขึ้น ตระหนักว่าไม่ง่ายต้องใช้เวลาแต่หวังว่าจะสำเร็จในที่สุด ชี้ว่าการที่อิสราเอลเข้าไปตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์
การปรับแก้สถานศักดิ์สิทธิ์ส่งผลเสียต่อแนวทางทวิรัฐ
วิเคราะห์การปรับสัมพันธ์อิสราเอลไม่น่าจะเกิด
:
ประการแรก
พื้นที่ของปาเลสไตน์
ถ้าคิดให้ดียากที่อิสราเอลจะสามารถทำตามเงื่อนไขของซาอุฯ
แค่กลับไปยึดแนวเขตแดนเมื่อปี 1967 ก็ยากแล้ว
หลายสิบปีที่ผ่านมาอิสราเอลเข้าครองพื้นที่ของปาเลสไตน์จำนวนมาก
คนอิสราเอลหลายแสนเข้าไปตั้งถิ่นฐานและไม่น่าจะย้ายออกเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี
ทุกวันนี้ยังคงกินดินแดนปาเลสไตน์มากขึ้น เห็นชัดว่าลำพังข้อนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นตราบใดที่รัฐบาลซาอุฯ
ไม่เปลี่ยนข้อเรียกร้อง จะคืนความสัมพันธ์ได้อย่างไร
ประการที่
2 Greater Israel
แนวคิดไซออนิสต์ต่อปาเลสไตน์คือพื้นที่ของอิสราเอลแบ่งใครไม่ได้
ยึดว่าเขต Judea (พื้นที่อิสราเอลในขณะนี้) กับ Samaria (เวสต์แบงก์)
เป็นของอิสราเอลตามประวัติศาสตร์แต่ดั้งเดิม
ดังนั้นพื้นที่ประเทศอิสราเอลขณะนี้รวมกับเวสต์แบงก์จะต้องเป็นของอิสราเอลวันยังค่ำและผู้อาศัยส่วนใหญ่ต้องเป็นชาวยิว
จึงชอบธรรมที่จะผนวกเวสต์แบงก์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิสราเอล
ด้วยเหตุนี้บางคนคิดว่าเพราะไซออนิสต์นี่แหละอิสราเอลจึงมุ่งมั่นขยายดินแดนตามแนวทาง
Greater Israel (เป้าหมายขยายพื้นที่อิสราเอลในทุกทิศทางจนกว่าจะได้พื้นที่ครบซึ่งต้องขยายอีกมาก)
ทุกวันนี้ลัทธิไซออนิสต์ยังเป็นที่นิยม
เป็นลัทธินิกายหนึ่งที่ผู้คนศรัทธา Greater Israel เป็นเป้าหมายลัทธิ
นอกจากไม่คืนพื้นที่ยึดครองปัจจุบันยังต้องจะกินดินแดนเพิ่มอีก
การฟื้นฟูความสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านกลายเป็นนโยบายเชิงรุก
ส่วนสหรัฐกับอิสราเอลถอยร่น
รัฐบาลไบเดนต้องรีบออกหน้าแสดงตัวขอปรับสัมพันธ์แทนอิสราเอล
--------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :1. Abraham Accord signing: top
quotes from the signing ceremony. (2020, September 16). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/middle-east/two-states-settlements-not-part-of-israel-deals-with-uae-bahrain-642424
2. Blinken takes aim at Israeli
settlements; says US will press ahead with Israel-Saudi normalization. (2023,
June 5). AP. Retrieved from https://apnews.com/article/us-israel-palestinians-saudi-arabia-ccc8da5992301d9a95a4be29f1860808
3. Israel and the Kingdom of
Bahrain to establish 'full diplomatic relations,' Trump says. (2020,
September 11). CNN. Retrieved from
https://edition.cnn.com/2020/09/11/politics/israel-bahrain-trump/index.html
4. Mohammed bin Salman on Iran,
Israel, US and future of Saudi Arabia: Full transcript. (2022, March 3).
Al Arabiya. Retrieved
fromhttps://english.alarabiya.net/News/gulf/2022/03/03/Mohammed-bin-Salman-on-Iran-Israel-US-and-future-of-Saudi-Arabia-Full-transcript
5. Political / "Jeddah Declaration": Leaders of
Arab countries stress the importance of strengthening joint Arab action based
on foundations, values, common interests and one destiny. (2023, May 19). Saudi
Press Agency. Retrieved from https://www.spa.gov.sa/68a3f8bca6a
6. Saudi Crown Prince recognizes
Israel's right to exist. (2018, April 3). FRANCE 24. Retrieved from
http://www.france24.com/en/20180403-saudi-arabia-israel-crown-prince-right-homeland-exist
7. Saudi Crown Prince: Iran's
Supreme Leader 'Makes Hitler Look Good'. (2018, April 2). The Atlantic.
Retrieved from
https://www.theatlantic.com/international/archive/2018/04/mohammed-bin-salman-iran-israel/557036/
8. Saudi FM: Normalization with
Israel would have benefits, but less without two states. (2023, June 8). Times
of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/saudi-fm-normalization-with-israel-would-have-benefits-but-less-without-two-states/
-----------------------