สหรัฐยากจะสร้างสงครามในตะวันออกกลางอีก

การปรับสัมพันธ์อิหร่าน-ขั้วซาอุฯ ทำให้สถานการณ์ตะวันออกกลางเปลี่ยนครั้งใหญ่ ยากที่สหรัฐจะทำสงครามและดึงอาหรับรบอิหร่าน

            ต้นเดือนเมษายน 2023 อิหร่าน-ขั้วซาอุฯ ทั้ง 2 ประเทศแถลงร่วมกันว่าจะเปิดสถานทูตระหว่างกัน จะมีความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับเศรษฐกิจอีกครั้ง เรื่องนี้น่าสนใจมาก เป็นการตัดสินใจที่ห้าวหาญสวนหลักคิดเดิมที่ยึดมาหลายทศวรรษ หลังจากนั้นอีกหลายประเทศทยอยฟื้นความสัมพันธ์ปกติกับอิหร่าน

            เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น ควรทบทวนความบาดหมางในอดีต ย้อนหลังกุมภาพันธ์ 2018 นายอเดล อัล-จูเบียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้ว่าอิหร่านสนับสนุนผู้ก่อการร้ายหลายกลุ่ม ทั้งให้แห่งพักพิงแก่อัลกออิดะห์ ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากการปฏิวัติของอยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini)

            ในปี 1979 อยาตุลเลาะห์ โคไมนี ผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ นำการปฏิวัติอิสลามสู่ประเทศอิหร่าน โค่นล้มระบอบอำนาจเก่า เปลี่ยนแปลงระบอบปกครองเป็นระบอบ Islamic theocracy ยึดหลักศาสนาเป็นรากฐานการปกครอง และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน”

            การปฏิวัติสร้างความแบ่งแยกทางนิกายอย่างรุนแรง ระหว่างซุนนีที่มีซาอุฯ เป็นแกนนำกับชีอะห์ที่กำลังโด่งดังในอิหร่านขณะนั้น พร้อมกับส่งออกการปฏิวัติอิสลาม (ชีอะห์) ช่วงนั้นกระแสชีอะห์มาแรง เป็นเรื่องที่เพื่อนบ้านอาหรับยอมรับไม่ได้ (ไม่เพียงการเปลี่ยนนิกาย อาจส่งผลล้มระบอบปกครองจากระบอบกษัตริย์ของเหล่ารัฐอาหรับมาเป็นแบบผู้นำศาสนามีอำนาจสูงสุด)

            เมษายน 2018 มกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) กล่าวโจมตีผู้นำอิหร่านอย่างรุนแรงว่า “ผมเชื่อว่าผู้นำสูงสุดอิหร่านทำให้ฮิตเลอร์ดูดี ฮิตเลอร์ไม่ได้ทำอย่างที่ผู้นำสูงสุดอิหร่านกำลังทำ ฮิตเลอร์พยายามครอบครองยุโรป แต่ผู้นำสูงสุดพยายามครอบครองโลก เป็นฮิตเลอร์ของตะวันออกกลาง ... ตนไม่อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุโรปมาเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง”

            ในการตัดสินใจปรับสัมพันธ์นี้เจ้าชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีมีส่วนสำคัญ จะเห็นว่า นโยบายต่ออิหร่านเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ (ไม่คิดว่าผู้นำสูงสุดอิหร่านเป็นฮิตเลอร์อีกต่อไป) อย่างไรก็ตามการปรับความสัมพันธ์อาจยังไม่สนิทใจ รอเวลาทดสอบความสัมพันธ์นี้

            ควรเข้าใจว่าแต่ไหนแต่ไรรัฐบาลซาอุฯ ทำหน้าที่เป็นผู้นำซุนนีต่อต้านชีอะห์อิหร่าน อิสราเอลกับสหรัฐได้รับประโยชน์จากการนี้ รัฐบาลสหรัฐใช้หลักนิยมแบ่งแยกแล้วปกครอง (divide and rule) กับภูมิภาคตะวันออกกลาง การจับมือระหว่างซาอุฯ-อิหร่านทำลายหลักนิยมนี้

            ในกรณีภูมิภาคตะวันออกกลางคือยุยงปลุกปั่นให้แบ่งแยกด้วยศาสนานิกาย (ซุนนี-ชีอะห์) ระหว่างผู้ปกครองประเทศ เชื้อชาติ (อาหรับ-เปอร์เซีย-เติร์ก-เคิร์ด) ซึ่งบางส่วนแตกแยกอยู่แล้ว เช่นนิกายศาสนา เพียงแต่โหมไฟความแตกแยกให้ทวีความรุนแรง จนแสดงการกระทำที่รุนแรง สร้างผลกระทบวงกว้าง

ผลประโยชน์ของสหรัฐ :

            หลายทศวรรษที่ผ่านมา ย้อนหลังตั้งแต่สงครามอิรัก-อิหร่าน 1980-88 สหรัฐมีส่วนสำคัญสร้างความขัดแย้งตามวาระที่ตนกำหนด บังคับทิศทางราคาน้ำมัน ขายอาวุธมหาศาล ปกป้องอิสราเอล สำแดงอิทธิพลของตนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าปัจจุบันสหรัฐผลิตพลังงานใช้เองและส่งออกด้วย แต่ราคาน้ำมันก๊าซธรรมชาติเป็นราคาตลาดโลก ความเป็นไปของตะวันออกกลางจึงมีบทบาทต่อราคาที่ส่งผลดีหรือร้ายต่อทุกประเทศทั่วโลก ทั้งยังสามารถใช้น้ำมันควบคุมเศรษฐกิจสังคมประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นยุทธศาสตร์ใช้น้ำมันควบคุมโลกของสหรัฐ

            ประเด็นอยู่ที่ว่ารัฐบาลซาอุฯ แกนนำโอเปกจะให้ความร่วมมือหรือไม่ ร่วมมือมาจากเหตุผลใด เป็นความคิดเห็นร่วมหรือเป็นการกดดันจากสหรัฐ ซาอุฯ จำต้องยินยอมตามความต้องการของรัฐบาลอเมริกันเสียทุกเรื่องหรือไม่

            เรื่องขายอาวุธมักเป็นหัวข้อที่ชอบเอ่ยถึง ข้อมูลจาก SIPRI ระบุว่าช่วงปี 2016-2020 สหรัฐส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก มีซาอุฯ เป็นลูกค้ารายใหญ่อันดับแรก ซาอุฯ ประเทศเดียวนำเข้า 24% ของอาวุธที่สหรัฐส่งออกทั้งหมด

            คำถามที่ดีกว่านั้นคือกองทัพซาอุฯ จำต้องการอาวุธมากขนาดนั้นหรือ ภัยคุกคามรุนแรงแค่ไหน ซื้อเพราะหวังใช้จริงหรือด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกองทัพโดยตรง

พันธมิตรเก่าแก่ :

            กลับมาที่สถานการณ์ตะวันออกกลาง หากบริบทใหม่ไม่เอื้อให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลสหรัฐกับพวกมี 2 ทาง ลงทุนลงแรงมากขึ้นหรือละความพยายามที่จะสร้างสงคราม มีข่าวว่านักการเมืองอเมริกันหงุดหงิดหลังซาอุฯ-อิหร่านเป็นมิตรต่อกัน William Burns ผู้อำนวยการ CIA เผยคนในรัฐบาลหงุดหงิดเหมือนตนถูกทิ้ง

            แต่หากตีความว่าซาอุฯ ทิ้งพันธมิตรสหรัฐอันเก่าแก่ไม่น่าจะถูกต้อง ความเป็นพันธมิตรยังคงอยู่ กรกฎาคม 2022 ในโอกาสประธานาธิบดีโจ ไบเดนเยือนซาอุ ฯ อย่างเป็นทางการ รัฐบาลไบเดนกับซาอุฯ ลงนามความร่วมมือ 18 ข้อตกลง ทั้งด้านอวกาศ การลงทุน พลังงาน สุขภาพ การรายงานข่าวจากสื่อรัฐ

            นายอเดล อัล-จูเบียร์ (Adel al-Jubeir) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ กับสหรัฐ ว่า “2 ประเทศเป็นพันธมิตรกับหุ้นส่วนมานาน 8 ทศวรรษแล้ว มีผลประโยชน์ร่วมกันมหาศาล และมีความท้าทายมากมายที่จะต้องร่วมกันเผชิญ” การที่ประธานาธิบดีไบเดนเยือนซาอุฯ แสดงถึงความสำคัญที่มีต่อกัน เพื่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก 2 ประทศทำงานบนพื้นฐานยึดหลักการร่วม ให้มั่นใจว่าจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีก 8 ทศวรรษ ความจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไบเดนกับซาอุฯ นั้นเข้มแข็งมาก (very solid) ไม่ได้ขัดแย้งรุนแรงเหมือนที่หลายคนพูด

            อะไรที่ร่วมมือได้ยังทำต่อไป เพียงแค่ซาอุฯ หวังดำเนินนโยบายที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไม่ตกเป็นเหยื่อที่ถูกทำลาย ยึดแนวทางโลกหลายขั้ว มกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน ซัลมาน กล่าวในโอกาสไบเดนเยือนซาอุฯ ว่าเป็นธรรมดาที่ประเทศต่างๆ จะยึดถือคุณค่าต่างกันและควรเคารพความแตกต่างของอีกฝ่าย ถ้ารัฐบาลสหรัฐจะติดต่อกับประเทศที่คิดเห็นตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์อาจจะเหลือแค่นาโตเท่านั้น ซาอุฯ กับสหรัฐจะอยู่ร่วมกันทั้งๆ ที่ทั้งคู่แตกต่างกัน

เป็นผู้ดูแลความมั่นคง :

            ในด้านหนึ่งอิทธิพลลดลง แต่ความตั้งใจและการคงอยู่ของกองทัพสหรัฐในย่านนี้แข็งแกร่ง ย้ำเข้าพัวพัน (engage) ภูมิภาค ปลายเดือนพฤษภาคม 2023 กลาโหมสหรัฐปรับแผน ตอกย้ำเข้าพัวพันภูมิภาคตะวันออกกลาง ประกาศเป็นผู้ดูแลความมั่นคง ส่งเสริมประชาธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของตนในย่านนี้ โดยเฉพาะผลประโยชน์สำคัญยิ่ง (vital interests) พร้อมใช้กำลังถ้าจำเป็นและตนจะเป็นฝ่ายชนะ

            ที่ผ่านมากองทัพสหรัฐพยายามเชื่อมต่อระบบป้องกันของประเทศแถบนี้ที่มีซาอุฯ เป็นแกนนำ ทั้งยังขอให้ประเทศต่างๆ ช่วยกันลงทุน สนับสนุนงบประมาณ ใช้ระบบอาวุธที่ทันสมัยสอดรับกับกำลังรบของปรปักษ์ แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยคืบหน้าเนื่องจากยังต้องไว้ใจกันมากขึ้น ระบบร่วมอาจกลายเป็นระบบที่สหรัฐเป็นผู้ควบคุมหลัก ทำตามความต้องการของสหรัฐ สัมพันธ์กับที่ในระยะหลังชาติอาหรับในย่านนี้หันเข้าหาจีน รัสเซียมากขึ้นด้วย

            แม้รัฐบาลสหรัฐยากจะสร้างสถานการณ์ตึงเครียดหรือสงครามได้อีก แต่เนื่องจากมีอิทธิพลมานาน วางเครือข่ายความมั่นคงอย่างเหนียวแน่น สหรัฐจึงมีบทบาทสำคัญต่อไป และต้องติดตามว่ามีแผนใหม่ที่จะกระชับอำนาจหรือไม่

4 มิถุนายน 2023
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 27 ฉบับที่ 9698 วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2566)

----------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง :

ยุทธศาสตร์ 2 นายอำเภอประจำตะวันออกกลาง
เป็นธรรมดาที่จะมีผู้แข็งแรงกับอ่อนแอกว่า รัฐบาลสหรัฐอาศัยอิสราเอลกับซาอุฯ ที่แข็งแรงและเป็นพันธมิตรของตนช่วยควบคุมกำกับภูมิภาคตะวันออกกลาง

การยอมรับรัฐอิสราเอล ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยังมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่างจากปากของมกุฎราชกุมารซัลมาน จะนำสู่การพันธมิตรของ “อำนาจ 3 เส้าผู้หมายครองตะวันออกกลาง” อย่างเปิดเผย

บรรณานุกรม :

1. All legal measures taken over Khashoggi killing: Saudi Crown prince to Biden. (2022, July 16). Al Arabiya. Retrieved from https://english.alarabiya.net/News/gulf/2022/07/16/All-legal-measures-taken-over-Khashoggi-killing-Saudi-Crown-prince-to-Biden

2. Dargie, Richard. (2008). Iran. USA:  Arcturus Publishing.

3. Erlich, Reese. (2014). Inside Syria: The Backstory of Their Civil War and What the World Can Expect. New York: Prometheus Books.

4. INTERVIEW: Adel Al-Jubeir on why Biden’s Saudi visit is a success, and US commitment to Kingdom’s security. (2022, July 16). Arab News. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2123271/saudi-arabia

5. Iran must pay for regional meddling, Saudi minister says. (2018, February 18). The National. Retrieved from https://www.thenational.ae/world/mena/iran-must-pay-for-regional-meddling-saudi-minister-says-1.705759

6. Iran's Ayatollah Khamenei backs restoration of full diplomatic relations with Egypt. (2023, May 29). The National News. Retrieved from https://www.thenationalnews.com/mena/2023/05/29/irans-ayatollah-khamenei-backs-restoration-of-full-diplomatic-relations-with-egypt/

7. Israel Has Right to Land, Iran's Khamenei Makes Hitler Look Good – Saudi Prince. (2018, April 3). Sputnik News. Retrieved from https://sputniknews.com/middleeast/201804031063156343-israel-iran-saudi-prince-interview/

8. Myanmar Military Govt Files Cases Against Daw Aung San Suu Kyi, President. (2020, February 3). The Irrawaddy. Retrieved from https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-military-govt-files-cases-daw-aung-san-suu-kyi-president.html

9. Pentagon official outlines ‘paradigm shift’ in US defense approach to Middle East. (2023, May 25). Al Arabiya. Retrieved from https://english.alarabiya.net/News/middle-east/2023/05/24/US-national-security-interests-interwoven-in-Middle-East-Pentagon-official-says

10. Rogin, Josh. (2014, June 14). America's Allies Are Funding ISIS. The Daily Beast. Retrieved from http://www.thedailybeast.com/articles/2014/06/14/america-s-allies-are-funding-isis.html

11. Saudi Arabia, Iran formally restore ties, agree to travel visas for citizens. (2023, April 7). Arab News. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2282371/saudi-arabia

12. Saudi Arabia, US ink 18 agreements, including on space, investment, energy. (2022, July 16). Arab News. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2123196/business-economy

13. Saudi foreign minister says regional problems began with Khomeini revolution. (2018, February 18). Al Arabiya. Retrieved from http://english.alarabiya.net/en/News/gulf/2018/02/18/Saudi-foreign-minister-says-regional-problems-began-with-Khomeini-revolution.html

14. Stockholm International Peace Research Institute. (2021, March 15). International arms transfers level off after years of sharp growth; Middle Eastern arms imports grow most, says SIPRI. Retrieved from https://sipri.org/media/press-release/2021/international-arms-transfers-level-after-years-sharp-growth-middle-eastern-arms-imports-grow-most?utm_source=newsletter&utm_medium=email&utm_campaign=newsletter_axiosworld&stream=world

15. UN Envoy for Iraq: ISIL Militants Well-Funded. (2014, June 26). FNA. Retrieved from http://english.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13930405000725

16. Xinhua Commentary: U.S. politicians' "frustration" over Saudi-Iran deal exposes hegemonic mindset. (2023, April 10). Xinhua. Retrieved from https://english.news.cn/20230410/bf3d40257fff417d846fcdcc4c648b71/c.html

-----------------------