ยุทธศาสตร์ 2 นายอำเภอประจำตะวันออกกลาง

เป็นธรรมดาที่จะมีผู้แข็งแรงกับอ่อนแอกว่า รัฐบาลสหรัฐอาศัยอิสราเอลกับซาอุฯ ที่แข็งแรงและเป็นพันธมิตรของตนช่วยควบคุมกำกับภูมิภาคตะวันออกกลาง

          นับแต่โบราณกาลแต่ละอาณาจักรมีพลังอำนาจไม่เท่ากันกัน มีผู้เหนือกว่ากับด้อยกว่า บางประเทศมีอิทธิพลเหนือประเทศรอบข้าง ในยุคปัจจุบันบางประเทศเป็นอภิมหาอำนาจ มหาอำนาจระดับภูมิภาคลดหลั่นกันไป

        ยุทธศาสตร์สหรัฐมักเอ่ยถึงความร่วมมือจากพันธมิตรและหุ้นส่วนที่มีความคิดคล้ายกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ปิดล้อม การครองระบบการเงินโลก การกำกับกติกาต่างๆ จำต้องอาศัยพันธมิตรหุ้นส่วน สหรัฐไม่อาจกระทำได้โดยลำพัง

        ในภูมิภาคตะวันออกกลางรัฐบาลสหรัฐใช้วิธีสนับสนุนบางประเทศเพื่อช่วยกำกับดูแลภูมิภาค อิสราเอลกับซาอุดีอาระเบียคือ 2 ประเทศดังกล่าว เปรียบเสมือนนายอำเภอประจำภูมิภาค เกิดความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนโดยมีสหรัฐเป็นแกนกลาง

การปรับสัมพันธ์และการถ่วงดุล :

       ประการแรก ทั้งคู่ต่างเป็นพันธมิตรสหรัฐ

        ทั้งซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลต่างเป็นพันธมิตรสหรัฐเนิ่นนาน 8 ทศวรรษ นับจากจากค.ศ.1945 เป็นต้นมารัฐบาลสหรัฐยึดมั่นข้อตกลงปกป้องราชวงศ์ซาอุฯ ภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียแลกกับการที่สหรัฐจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์น้ำมันซาอุฯ

        ทุกวันนี้รัฐบาลซาอุมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อภูมิภาคและโลกมุสลิม เป็นแกนนำองค์กรระหว่างประเทศสำคัญๆ ของโลกอาหรับอย่างคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) สันนิบาตอาหรับ องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)

        ความสัมพันธ์กับอิสราเอลยิ่งล้ำลึก อาจกล่าวว่าเริ่มตั้งแต่สถาปนารัฐอิสราเอลสมัยใหม่เมื่อค.ศ.1948 การเผชิญสงครามกับรัฐอาหรับในภูมิภาคหลายครั้งล้วนมีรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ รัฐบาลสหรัฐมีส่วนสำคัญทำให้นานาชาติยอมรับอิสราเอล สามารถกินดินแดนของปาเลสไตน์ท่ามกลางเสียงประณาม เมื่อไม่นานนี้ยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงประเทศอิสราเอลซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญอีกครั้งของอิสราเอลๆ ที่คงอยู่และเติบใหญ่คือความขมขื่นของชาวอาหรับ

        สังเกตว่า ซาอุฯ กับอิสราเอลมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในอดีตถึงขั้นทำสงครามต่อกันหลายรอบ ปัจจุบันยังมีเรื่องที่เห็นต่างแต่ทั้งคู่เป็นพันธมิตรและอยู่ภายใต้การสนับสนุนดูแลของสหรัฐ

       ประการที่ 2 ต่างซื้อใช้อาวุธของสหรัฐเป็นหลัก

        การซื้อขายอาวุธเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยตรง แสดงถึงการเป็นพันธมิตรเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน ทั้งอิสราเอลกับซาอุฯ ต่างซื้อใช้อาวุธสหรัฐเป็นหลัก โดยรวมแล้วอาวุธของอิสราเอลมักเหนือกว่า 1 ขั้น เช่น มี F-35 เป็นประเทศแรกในภูมิภาค ส่วนซาอุฯ ยังไม่มี รัฐบาลอิสราเอลไม่เห็นด้วย

        หลายปีแล้วที่ GCC ต้องการสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธของตน (The GCC’s anti-missile shield) มีข้อมูลว่ารัฐบาลสหรัฐเป็นผู้เสนอแนวคิดนี้ตั้งแต่ปี 1990 เมื่ออิรักรุกรานคูเวต

ปี 2012 แนวคิดนี้เป็นจริงเป็นจังอีกครั้งเมื่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่านคืบหน้า กระแสหวาดกลัวนิวเคลียร์อิหร่านแผ่ขยาย แผนคือให้เชื่อมโยงกับระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐ

        ล่าสุดการเยือนซาอุฯ ของประธานาธิบดีไบเดนเมื่อสัปดาห์ก่อนมีการเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง

        ระบบป้องกันขีปนาวุธดังกล่าวมีข้อวิพากษ์วิจารณ์หลายแบบ บ้างว่าใช้ป้องกันขีปนาวุธอิหร่าน บ้างว่าเพื่อป้องกันอาหรับจากขีปนาวุธอิสราเอล บ้างว่าระบบดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การกำกับของกองทัพสหรัฐและจะทำหน้าที่ป้องกันอิสราเอลไปในตัว คงเป็นเรื่องที่วิพากษ์ได้อีกนาน

        ด้านอิสราเอลใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของสหรัฐมานานแล้ว ต่อมาทั้งคู่ร่วมกันพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธและอิสราเอลพัฒนาระบบของตนเองจนสำเร็จ มีประสิทธิภาพสูงเป็นที่ยอมรับ

        เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์มีประเด็นที่ควรตระหนักว่าอาวุธสมัยนี้เป็นเครื่องจักรไฮเทคขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างเครื่องบินรบ F-35A มีความยาว 15.7 เมตร กว้าง 11 เมตร สูง 4.4 เมตร น้ำหนักสูงสุด 31 ตัน ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงมากมาย หลายส่วนเป็นความลับทางทหาร ไม่สามารถซื้อหาตามท้องตลาด หากซ่อมบำรุงไม่ได้เท่ากับเป็นแค่เศษเหล็ก

        ญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเจรจาได้สิทธิสร้างทั้งลำหรือสร้างชิ้นส่วนอะไหล่บางส่วน ทั้งนี้ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม มีเทคโนโลยีชั้นสูงเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้ญี่ปุ่นทำเช่นนั้นได้

        ดังนั้น การใช้อาวุธประเทศใดคือการที่ประเทศนั้นถูกควบคุมด้วยอาวุธจากประเทศเจ้าของผู้ผลิต ไม่แปลกใจที่ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายจะพยายามส่งออกอาวุธให้มากที่สุด ทั้งเพื่อผลกำไร การเมืองระหว่างประเทศและอื่นๆ

ยุทธศาสตร์ 2 นายอำเภอ :

        ยุทธศาสตร์สหรัฐต่อภูมิภาคตะวันออกกลางใช้ 2 ประเทศที่เป็นพันธมิตรของตนคอยกำกับดูแลภูมิภาค รวมถึงการที่อิสราเอลกับซาอุฯ ถ่วงดุลกันและกัน ปัจจุบันมีอิหร่านเป็นความท้าทายสำคัญ

        ย้อนหลังพิจารณาผลจากอาหรับสปริง (เริ่มเมื่อปี 2011) คือการจากไปของผู้นำหลายประเทศที่มีปากมีเสียง โดยเฉพาะฮอสนี่ มูบารัคแห่งอียิปต์ กัดดาฟีแห่งลิเบีย ซัดดัม ฮุสเซนแห่งอิรัก (อาจไม่เกี่ยวกับอาหรับสปริง) ตระกูลอัสซาดแห่งซีเรียยังต้องลุ้นต่อไป จะเห็นว่าผู้นำคนสำคัญเหล่านี้จากไปพร้อมกับที่ลิเบียกับอิรักกลายเป็นรัฐล้มเหลวแตกแยกไม่สิ้นสุด ซีเรียยังไม่จบแต่กลายเป็นซากปรักหักพังผู้คนล้มตายกว่า 200,000 คน อียิปต์ในวันนี้อยู่ได้เพราะพึ่งเงินช่วยเหลือจาก GCC กับองค์กรระหว่างประเทศ

        รวมความแล้ว GCC รอดพ้นจากอาหรับสปริง สมดุลอำนาจตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลง (ในที่นี้รวมอียิปต์ ลิเบีย) ประเทศที่ยังอยู่ดีเป็นปกติสุขคือผู้ได้ประโยชน์ บัดนี้เหลือเพียงอิหร่านประเทศเดียวที่ต้องจัดการ (อาจรวมตุรเคียหรือตุรกีเดิม)

นาโตแห่งตะวันออกกลาง? :

        ช่วงนี้มีการเอ่ยถึงพันธมิตรทางทหารในภูมิภาคตะวันออกกลาง “Middle East NATO” “Arab NATO” ที่รวมอิสราเอลด้วย สัปดาห์ก่อนกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 (King Abdullah II) แห่งจอร์แดนกล่าวว่าตนจะเป็นคนแรกที่ขอเข้าร่วม

        ถ้ามองในกรอบสมาชิก ผู้เป็นสมาชิกมั่นใจมากขึ้นว่าจะไม่ถูกเพื่อนบ้านชาติสมาชิกด้วยกันรุกราน (จอร์แดนเป็นตัวอย่าง) เป็นข้อตกลงสันติภาพที่ยกระดับอีกขั้นระหว่างหมู่ชาติอาหรับด้วยกันและกับอิสราเอล พัฒนาจาก Abraham Accords ที่ลงนามเมื่อปี 2020

        และหมายถึงรัฐบาลสหรัฐยกระดับกระชับอำนาจภูมิภาคโดยมีอิสราเอลกับซาอุฯ เป็นผู้ช่วย คำถามน่าคิดคืออิหร่านจะคิดเห็นอย่างไร จะตอบโต้อย่างไร จะยิ่งนำสู่การเผชิญหน้ามากขึ้นหรือไม่ สมาชิก GCC บางประเทศอาจยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ประชาชนแต่ละประเทศคิดเห็นอย่างไร

วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :

        จะเห็นว่าภูมิภาคตะวันออกกลางในยามนี้เหลือตัวแสดงสำคัญคือ อิสราเอล ซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ในภาพที่ใหญ่ขึ้นสหรัฐ จีนและรัสเซียยังคงให้ความสำคัญและมีบทบาทมากขึ้น สามารถวิเคราะห์โดยแยกภูมิภาคนี้เป็น 2 ขั้วคือฝ่ายสหรัฐกับอิหร่าน (ที่รัสเซียสนับสนุน) ยังเป็นภูมิภาคการแข่งขันของมหาอำนาจดังเช่นอดีต และอาจเผชิญหน้ารุนแรงทั้งจากประเด็นซีเรีย โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

        ไม่ว่าจะเกิดนาโตตะวันออกกลางหรือไม่ แนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับอาหรับดีขึ้นตามลำดับ ทั้งคู่เหลือปรปักษ์สำคัญคืออิหร่าน แต่การจัดการอิหร่านไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีมหาอำนาจหนุนหลัง เป็นการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจโลกในภูมิภาคนี้ที่ดำเนินต่อเนื่องเนิ่นนานตราบเท่าที่พลังงานฟอสซิลยังเป็นที่ต้องการของโลก

24 กรกฎาคม 2022
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 26 ฉบับที่ 9384 วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2565)

-------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง :
การยอมรับรัฐอิสราเอล ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยังมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่างจากปากของมกุฎราชกุมารซัลมาน จะนำสู่การพันธมิตรของ “อำนาจ 3 เส้าผู้หมายครองตะวันออกกลาง” อย่างเปิดเผย
บรรณานุกรม :

1. A 'Middle East NATO'? Why Iran is closely watching Biden's regional trip. (2022, July 15). CNN. Retrieved from https://edition.cnn.com/2022/07/15/middleeast/biden-saudi-iran-mime-intl/index.html

2. A 'NATO' for the Middle East? (2022, June 15). DW. Retrieved from https://www.dw.com/en/a-nato-for-the-middle-east/a-62305810

3. Gulf Military Cooperation: Tangible Gains or Limited Results? (2015, March 31). Al Jazeera. Retrieved from http://studies.aljazeera.net/en/dossiers/2015/03/201533164429153675.html

-----------------------