70 ปีนาโตกับเอกภาพที่สั่นไหว

นาโตเป็นตัวอย่างองค์การระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงยาวนานถึง 70 ปี แต่นาโตปัจจุบันไม่เป็นเอกภาพดังเดิม เป็นอีกตัวอย่างแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันซับซ้อน การบั่นทอนต่อสู้กันภายใน

ปีนี้เป็นปีที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation) หรือที่นิยมเรียกว่าองค์การนาโตฉลองครบรอบ 70 ปี ก่อตั้งในยุคเริ่มสงครามเย็นซึ่งหมายถึงการรวมตัวของชาติประชาธิปไตยตะวันตกต่อต้านค่ายคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น ในสมัยนั้นชาติสมาชิกตื่นตัวมาก เป็นยุคที่กลัวความแตกต่างทางอุดมการณ์การเมือง สงครามนิวเคลียร์
นาโตตื่นตัวอีกครั้งจากเหตุก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ที่สหรัฐ มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย รัฐบาลจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชประกาศทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายทั่วโลก ในช่วงแรกบรรดาชาติสมาชิกให้ความร่วมมือคึกคัก เข้าทำสงครามอัฟกานิสถาน โค่นล้มรัฐบาลตาลีบัน ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์
2 ปีต่อมาเมื่อรัฐบาลบุชส่งกองทัพบุกอิรักกลับโดนวิพากษ์อย่างหนักว่ารัฐบาลอิรักเกี่ยวข้องกับก่อการร้ายหรือไม่ หรือเพียงเพราะรัฐบาลสหรัฐหวังผลประโยชน์ในตะวันออกกลาง ชาติสมาชิกนาโตส่วนใหญ่จึงไม่เข้าร่วมทำสงครามโค่นล้มรัฐบาลอิรักในปี 2003 พร้อมกับตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ที่รัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนเป็นภัยคุกคามโลกตามคำกล่าวหาหรือเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่หยิบยกขึ้นมา
ในที่สุดโลกได้คำตอบว่ารัฐบาลซัดดัมไม่ได้เป็นภัยตามข้อกล่าวหา Paul Wolfowitz รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐในขณะนั้นยอมรับว่าจำต้องอ้างเรื่องที่อิรักมีอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (weapons of mass destruction) เพราะเป็นข้ออ้างที่สามารถโน้มน้าวนานาชาติร่วมมือจัดการอิรัก
รัฐบาลบุชกลายเป็นอีกตัวอย่างของรัฐบาลสหรัฐที่โกหกคนทั้งโลก ทำสงครามเข่นฆ่าคนนับแสน เพื่อผลประโยชน์ของตน เป็นช่วงที่ภาพพจน์อเมริกาตกต่ำอย่างมาก
America First กับ Europe First :
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ตั้งอยู่บนหลักคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) หมายถึงการบริหารประเทศที่ถือผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง แม้จะขัดแย้งประเทศอื่น ขัดแย้งศีลธรรมคุณธรรม ตั้งอยู่บนหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบสัจนิยม (Realism) สุดขั้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่ารัฐบาลทุกประเทศเป็นเช่นนี้ที่ต้องบริหารประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตน ด้วยเหตุนี้แม้เป็นสมาชิกนาโตเหมือนกัน รัฐบาลสหรัฐดำเนินนโยบายหลายอย่างที่ขัดแย้งชาติสมาชิกอื่นๆ กลายเป็นนโยบายที่ดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว บางเรื่องบั่นทอนผลประโยชน์สมาชิกฝั่งยุโรปโดยตรง เช่น การคว่ำบาตรรัสเซีย ขอให้หยุดซื้อก๊าซธรรมชาติรัสเซีย ล้มข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) กระทบนักลงชาวยุโรปที่ไปลงทุนในอิหร่าน ขอให้ร่วมมือปิดล้อมจีน เป็นตัวอย่างที่ฝั่งยุโรปคิดเห็นแตกต่างจากสหรัฐอย่างชัดเจน
ประเด็นงบประมาณกลาโหมเป็นอีกเรื่องที่ขัดแย้ง ประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดว่าสหรัฐเสียงบประมาณสนับสนุนมากเกินไป ไม่ยุติธรรมต่อสหรัฐ หากชาติสมาชิกนาโตไม่ช่วยแบกรับภาระค่าใช้จ่าย จะพิจารณาถอนตัวออกจากนาโต และถ้าการทำเช่นนี้เป็นเหตุให้นาโตแตกก็ให้แตกไปเลย
อันที่จริงแล้วฝั่งยุโรปทยอยขึ้นงบกลาโหมหลังรัสเซียผนวกไครเมียเมื่อปี 2014 (สมัยรัฐบาลโอบามา) กำหนดเป้าว่าภายในปี 2024 จะตั้งงบกลาโหมให้ถึงอย่างน้อยร้อยละ 2 ของ GDP ในยุคทรัมป์หลายประเทศทยอยเพิ่มงบกลาโหมอีกแต่ยังไม่ถึงเป้าที่กำหนด
เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันแถลงว่าจะคงงบประมาณกลาโหมในสัดส่วนร้อยละ 1.25 ของจีดีพีต่อไปอีก 5 ปี (จนถึง 2024) อาจตีความว่าไม่โอนอ่อนต่อรัฐบาลสหรัฐ เป็นแม่แบบแก่ประเทศสมาชิกอื่นๆ
ก่อนหน้านี้นายกฯ แมร์เคิลโต้ว่าเยอรมันเป็นรัฐอธิปไตย ตัดสินใจโดยอิสระ การที่ฝั่งยุโรปเพิ่มงบประมาณไม่ใช่เพราะทำตามคำพูดของทรัมป์แต่ประการใด
ความเห็นต่างเรื่องภัยจากรัสเซีย :
Jens Stoltenberg เลขาธิการนาโตกล่าวว่าภัยคุกคามจากรัสเซียกำลังเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเรื่องระงับสนธิสัญญานิวเคลียร์พิสัยกลาง เช่นเดียวกับที่ฝ่ายความมั่นคงสหรัฐมองรัสเซียเป็นศัตรูตัวสำคัญ ย้ำให้สมาชิกชาติอื่นๆ ถอยห่างจากรัสเซีย แต่ตุรกีเป็นอีกตัวอย่างที่ไม่เห็นด้วย เมฟเลิต ชาวูโชลู  (Mevlut Cavusoglu) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าตุรกีไม่ต้องเลือกข้าง ว่าจะอยู่ฝ่ายรัสเซียหรือฝ่ายใด ไม่ว่าประเทศใดก็ไม่อาจถามว่าเราควรคบใคร ตุรกีหวังมีความสัมพันธ์ที่สมดุลกับทุกฝ่าย
อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่ว่าฝั่งยุโรปจะไม่กังวลรัสเซียเลย กรณีการผนวกไครเมียเป็นตัวอย่าง แต่หากมองให้รอบด้าน เกิดคำถามว่าสหรัฐที่เป็นพันธมิตรนาโตด้วยกันคือตัวภัยคุกคามด้วยหรือไม่ จะดีกว่าไหมหากอยู่กับรัสเซียอย่างเป็นมิตร ลดความหวาดระแวงต่อกัน และให้รัสเซียช่วยถ่วงดุลสหรัฐ เช่นนี้น่าจะดีกว่าปล่อยให้รัฐบาลสหรัฐกินรวบแต่ฝ่ายเดียว

ความสัมพันธ์ที่มากกว่าความมั่นคงทางทหาร :
แม้บทความนี้มุ่งนำเสนอมิติความมั่นคงทางทหาร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครอบคลุมทุกมิติและสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศเป็นอีกประเด็นที่ควรเอ่ยถึง ปี 2018 รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีเหล็กกับอลูมิเนียมจากยุโรป พร้อมขู่ว่าอาจขึ้นภาษีรถยนต์จากอียู ด้านอียูเตือนว่าหากขึ้นภาษีรถยนต์ อียูจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐเช่นกัน
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐทำสงครามการค้ากับยุโรป ฝั่งยุโรปเพิ่มการค้าการลงทุนกับจีน ลงนามสัญญามูลค่ามหาศาล หลายประเทศสนับสนุนการริเริ่มแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)
ยกตัวอย่างปลายเดือนมีนาคม รัฐบาลอิตาลีลงนาม MOU กับจีนสนับสนุน BRI เชื่อมโยงท่าเรือ สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้า หวังว่าจะส่งสินค้าไปขายตลาดจีนได้มากขึ้น ลดการขาดดุลกับจีน ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวจีนจะช่วยปรับปรุงท่าเรืออิตาลีให้ทันสมัย รัฐบาลอิตาลีย้ำว่าตนยังเป็นสมาชิกนาโตกับอียูไม่เปลี่ยนแปลง แต่จำต้องดูแลเศรษฐกิจของตน “เหมือนที่สหรัฐอเมริกาพูดว่าอเมริกาต้องมาก่อน” (America first) ตอนนี้ขอพูดว่า “อิตาลีต้องมาก่อน” (Italy first) ในด้านการค้าเช่นกัน
รัฐบาลสหรัฐพยายามกีดกันไม่ให้นานาชาติเข้าร่วม BRI อ้างเหตุผลหลายเรื่อง เช่น โครงการไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร ติดหนี้สินจีนอย่างหนัก แม้บางโครงการส่งผลเสียจริง แต่ล่าสุดกว่า 150 ประเทศสนับสนุน BRI
เป็นเรื่องแปลกที่สหรัฐลงทุนและค้าขายกับจีนเป็นล่ำเป็นสันจนขาดดุลมหาศาล แต่กีดกันไม่ให้ประเทศอื่นๆ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน

รวมความแล้ว หากเทียบสมัยเริ่มองค์การนาโตกับปัจจุบัน ชาติสมาชิกฝั่งยุโรปแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เมื่อมี America Frist ยุโรปจึงของมี Europe First เช่นกัน องค์การนาโตจะยังคงอยู่ต่อไปเพราะต่างมีผลประโยชน์ร่วมมหาศาล แต่ต้องแยกแยะว่าเรื่องใดเป็นผลประโยชน์ของใครด้วย ความเป็นเอกภาพของนาโตขึ้นกับความเห็นชอบร่วมกัน ไม่ขึ้นกับสหรัฐเป็นหลักเช่นเคย
ความเป็นไปขององค์การนาโตให้ข้อคิดว่าความเป็นพันธมิตรไม่ได้หมายความว่าทุกประเทศจะคิดเห็นตรงกันเสมอ ทุกประเทศพยายามรักษาผลประโยชน์ของตน เมื่อบริบทเปลี่ยนไปสหภาพโซเวียตกลายเป็นรัสเซีย ชาติยุโรปหวังเป็นมิตรกับรัสเซียมากกว่ามองว่าเป็นศัตรู ปัญหาจึงเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลสหรัฐตีตราว่ารัสเซียคือภัยคุกคามตัวร้ายที่ต้องจัดการ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างชาติสมาชิกฝั่งยุโรปกับสหรัฐ และอีกหลายประเด็นที่เห็นต่าง เพราะผลประโยชน์ที่ได้ต่างกัน
หลักอเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอีกหลักฐานที่ชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐไม่ได้มองความเป็นพันธมิตรที่ “เท่าเทียม” พยายามแสวงหาประโยชน์ให้มากที่สุดโดยอ้างว่าทุกประเทศล้วนเป็นเช่นนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาติสมาชิกยุโรปเพิ่มงบกลาโหมใช้จ่ายกับนาโตเพื่อความ “เท่าเทียมและยุติธรรม”
กลายเป็นที่มาของความสั่นไหวของนาโตในขณะนี้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกที่ฝ่ายหนึ่งอยู่ข้างสหรัฐกับอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม องค์การนาโตที่ครบ 70 ปีจึงต่างจากยุคแรกๆ แม้ตัวนาโตจะยังอยู่ก็ตาม
7 เมษายน 2019
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ สถานการณ์โลกไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8183 วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ.2562)
--------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
การปล่อยให้นาโตแตกไม่ใช่เรื่องที่ผู้นำประเทศจะตัดสินใจได้โดยลำพัง แม้มีความขัดแย้งมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีฝ่ายใดปล่อยให้นาโตแตก เพราะต่างได้ผลประโยชน์มากมายจากนาโต
'นาโตล้าสมัย' หรือ 'ไม่ตามใจสหรัฐ'?
คำว่านาโตล้าสมัยเป็นคำพูดที่บิดเบือน เพราะนาโตปรับปรุงเรื่อยมา แต่ที่พูดว่าล้าสมัยเป็นเพราะไม่ตรงตามความต้องการของรัฐบาลสหรัฐ เป็นโจทย์ที่ฝั่งยุโรปต้องหาคำตอบว่าควรพึ่งพาสหรัฐหรือควรเป็นอิสระมากขึ้น แต่เนื่องจากสมาชิกปัจจุบันแตกต่างหลากหลาย ไม่อาจให้คำตอบง่ายๆ และไม่ตรงความต้องการสหรัฐเต็มร้อย ที่สุดแล้วนาโตน่าจะคงอยู่ต่อไป เพราะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า
บรรณานุกรม :
1. Boros-McGee, Anna. (2008). North Atlantic Treaty Organization, Origins and Formation of. In The Encyclopedia of the Cold War: A Student Encyclopedia. (pp.1514-1516). USA: ABC-CLIO.
2. Cleveland, William L. & Bunton, Martin. (2013). A History of the Modern Middle East (Fifth Edition). USA: Westview Press. P.1485.3
3. FULL TEXT: President Donald Trump's Inauguration Speech. (2017, January 20). ABC News. Retrieved from http://abcnews.go.com/Politics/full-text-president-donald-trumps-inauguration-speech/story?id=44915821
4. Hall, Mitchell K. (2018). Opposition to War: an encyclopedia of U.S. peace and antiwar movements. USA: ABC-CLIO, LLC.
5. IMF warns tariffs could come at ‘significant economic cost’. (2018, September 20). Al Arabiya. Retrieved from https://english.alarabiya.net/en/views/business/economy/2018/09/20/IMF-warns-tariffs-could-come-at-significant-economic-cost-.html
6. Italy, China sign memorandum deepening economic ties. (2019, March 23). AP. Retrieved from https://www.apnews.com/dae5c72c5cf94e6cb3dce96f9ba9c62f
7. Mike Pence: ‘Turkey must choose’ between NATO and Russia. (2019, April 3). Washington Examiner. Retrieved from https://www.washingtonexaminer.com/policy/defense-national-security/mike-pence-turkey-must-choose-between-nato-and-russia
8. NATO chief cites Russia threat in address to US Congress. (2019, April 4). Al Arabiya. Retrieved from https://english.alarabiya.net/en/News/world/2019/04/04/NATO-chief-cites-Russia-threat-in-address-to-US-Congress.html
9. Patience Wears Thin with Germany's NATO Spending. (2019, April 2). Spiegel Online. Retrieved from http://www.spiegel.de/international/germany/patience-wears-thin-among-germany-s-nato-allies-a-1260366.html
10. The EU Is Preparing Enormous New Tariffs on U.S. Goods if Trump Follows Through on His Cars Threat. (2018, July 2). Fortune. Retrieved from http://fortune.com/2018/07/02/eu-300-billion-tariffs-trump-auto-threat/
11. Transcript: Donald Trump Expounds on His Foreign Policy Views. (2016, April 26). The New York Times. Retrieved from http://www.nytimes.com/2016/03/27/us/politics/donald-trump-transcript.html
12. Trump, Merkel clash at NATO summit. (2018, July 11). AFP. Retrieved from https://www.afp.com/en/news/205/trump-merkel-clash-nato-summit-doc-17h0oi3
13. Trump predicts "very massive recession" in U.S. (2016, April 3). CNBC/Reuters. Retrieved from http://www.cnbc.com/2016/04/03/trump-predicts-very-massive-recession-in-us.html
14. Trump urges even more defense spending by NATO allies. (2019, April 3). AP. Retrieved from https://www.apnews.com/fbe650ad26bf41c6945d598b3c3d4db5
-----------------------------

unsplash-logoCalvin Hanson