อาเซียนมองสถานการณ์โลก 2023

 อาเซียนหวังให้ทุกประเทศทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยสันติ ก้าวข้ามความขัดแย้งทุกรูปแบบ ไม่แบ่งเป็นขั้ว นำสู่ความเจริญรุ่งเรืองอยู่ดีกินดีทั่วทุกคน

  พฤษภาคม 2023 ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 42 ประเทศอินโดนีเซีย แถลงการณ์หลังประชุมได้สรุปนโยบายต่างประเทศและมุมมองสถานการณ์โลก มีสาระสำคัญพร้อมข้อมูลประกอบดังนี้

นโยบายต่างประเทศอาเซียน :

ประการแรก ย้ำอาเซียนเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลาง

หมายถึงเมื่อพิจารณาประเด็นต่างๆ หารือกับประเทศต่างๆ จะยึดหลักอาเซียนเป็นแกนกลาง เป็นผู้กำหนดวาระ นโยบายและเป็นผู้ขับเคลื่อนความร่วมมือ โดยเฉพาะเรื่องของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเด็นทะเลจีนใต้ ความมั่นคงภูมิภาคนี้ โดยมุ่งสร้างความไว้วางใจต่อกันผ่านกลไกอาเซียน เช่น ASEAN-Plus One, ASEAN Plus Three (APT), East Asia Summit (EAS), ASEAN Regional Forum (ARF) เป็นเวทีหารือ แสวงหาความร่วมมือ วางสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นศูนย์กลางที่เปิดกว้าง ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ตั้งอยู่บนกติกา ยึดมั่นกฎหมายระหว่างประเทศ

ประการที่ 2 เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ

เช่น ผู้นำญี่ปุ่น ผู้นำซาอุฯ คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ เป็นกลไกที่ชาติสมาชิก 10 ประเทศหารือกับคู่เจรจาโดยตรงสม่ำเสมอ

ประการที่ 3 การเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) 

หวังสร้างความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวทนต่อการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นหัวข้อสำคัญ และจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้น มีผลต่อความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามระดับโลกและโลกเตรียมตัวรับมือน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับความเสี่ยงอื่นๆ ในอีกปีสองปีข้างหน้าสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงจะเป็นความเสี่ยงอันดับ 2 ทั้งน้ำท่วม คลื่นความร้อนสูง ภัยแล้งจะพบถี่ขึ้นรุนแรงขึ้น การปรับตัวเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อลดความสูญเสีย รัฐควรเพิ่มงบประมาณเพื่อการปรับตัวดังกล่าว ความล่าช้าจะยิ่งเพิ่มต้นทุน

ประการที่ 4 การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก 

ยืนยันบทบาทของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) เป็นเวทีหารือยุทธศาสตร์รอบด้าน รวมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ส่งเสริมสันติภาพเสถียรภาพ อยู่ดีกินดีด้วยกันทั้งภูมิภาคภายใต้การขับแคลื่อนโดยอาเซียน ให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยายกาศสันติภาพ มีเสถียรภาพและพัฒนา ด้วยการหารือและร่วมมมือกัน

ประการที่ 5 ความสำคัญของ ARF

การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum: ARF) หารือสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปลี่ยนแปลงไป ชาติมหาอำนาจกำลังแข่งขันช่วงชิงอย่างเข้มข้นและน่าจะเข้มข้นยิ่งขึ้นอีก ประเด็นหลังโรคโควิด-19ระบาด เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ความมั่นคงร่วม มีระบบติดตามความคืบหน้า


ประเด็นภูมิภาคกับระดับโลกที่สำคัญ  :

ความมั่นคง เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคสำคัญยิ่ง ทั้งสมาชิกอาเซียนและประเทศนอกกลุ่ม ใช้อาเซียนกับกลไกอาเซียนเป็นช่องทางนำทุกฝ่ายเข้าหารืออย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกันแข็งขัน มีส่วนช่วยวางสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างครอบคลุม สอดคล้องกับมุมมองแบบอาเซียน

กรณีทะเลจีนใต้ ให้ความสำคัญกับประเด็นที่ชาติสมาชิกกังวล การอ้างความเป็นเจ้าของพื้นที่ทับซ้อน พื้นที่เกิดเหตุตึงเครียด สิ่งแวดล้อมทางทะเลที่เสียหาย ซึ่งสร้างความหวาดระแวงต่อคู่กรณี ส่งผลทั้งภูมิภาค จึงขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจไม่ทำกิจกรรมที่ยั่วยุให้ขัดแย้ง ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นอีก ขอให้หาทางออกด้วยสันติวิธี ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea: UNCLOS) ฉบับปี 1982 ยึด“แนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้” (Declaration on the conduct of Parties in the South China Sea: DOC)

สาระสำคัญส่วนหนึ่งของข้อตกลง DOC คือประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์จะต้องไม่เข้าไปครอบครองหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ สมาชิกอาเซียนที่อ้างกรรมสิทธิ์มองถึงความเป็นไปได้ในการเจรจากับจีนเรื่องการพัฒนาหมู่เกาะร่วมกันและแบ่งปันผลประโยชน์ 

กรณีการเดินเรือ การบินเหนือน่านฟ้าทะเลจีนใต้ จีนอ้างความเป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ซึ่งนานาชาติไม่ยอมรับและเป็นห่วงว่าการเดินเรือ การบินเหนือน่านฟ้าทะเลจีนใต้ในอนาคตจะไม่เสรี อาเซียนสนับสนุนแนวทางของนานาชาติหวังว่าจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย DOC มีจุดยืนเรื่องพวกนี้

อาเซียนหวังว่าหากทุกชาติยึด DOC จะป้องกันความขัดแย้ง ชาติมหาอำนาจ “ไม่ใช้กำลัง” และหันมาพัฒนาเศรษฐกิจแทน 

ร่วมมือกับจีนต่อไป เพื่อความร่วมมือต่างๆ เช่น แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้” (Code of Conduct on South China Sea: COC) ยินดีกับความคิดเร่งเจรจา COC ข้อเสนอเร่งกระบวนการเจรจาให้ได้ข้อสรุป ย้ำเตือนว่าต้องสร้างบรรยากาศสร้างสรรค์เอื้อการเจรจา ลดความเข้าใจผิด สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้มากขึ้น

แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้มีผลผูกพันให้เหล่าชาติสมาชิกต้องปฏิบัติตาม จัดทำสอดคล้องกับ UNCLOS กฎหมายระหว่างประทศต่างๆ ผ่านมาหลายปีมีความคืบหน้าบ้างแต่ไม่ได้ข้อสรุป ทุกวันนี้จึงใช้ DOC ที่ยึดปฏิบัติโดยสมัครใจ

กรณีคาบสมุทรเกาหลี อาเซียนคาดหวังให้คาบสมุทรเกาหลีมีสันติ มีเสถียรภาพและปลอดนิวเคลียร์ จึงสนับสนุนการหารือแก้ปัญหา การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปและขีปนาวุธต่างๆ เมื่อไม่นานนี้มีแต่สร้างแรงกดดัน กระทบการสร้างสันติภาพ ขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจถึงที่สุด ไม่ยั่วยุและไม่ตอบโต้ ให้หันกลับมาเจรจาอีกครั้ง สร้างสันติภาพถาวร ให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ อาเซียนจะปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติอย่างแข็งขัน สร้างบรรยากาศสู่การเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ยินดีใช้กลไกอาเซียน เช่น ARF เพื่อการเจรจา

สถานการณ์ตะวันออกกลาง หวังให้ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์มีทางออกที่ยุติธรรม ยั่งยืน ครอบคลุมทุกด้าน ขอให้ทั้งสองฝ่ายเข้ากระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพ อาเซียนสนับสนุนสิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์สร้างรัฐอธิปไตย (an independent State of Palestine) ยอมรับหลักทวิรัฐ ทั้งปาเลสไตน์กับอิสราเอลอยู่เคียงกันด้วยสันติยึดหลักเขตแดนก่อนปี 1967

กรณียูเครน ยึดมั่นอธิปไตยยูเครน การเมืองอิสระ มีบูรณภาพแห่งดินแดน อาเซียนยึดมั่นกฎบัตรสหประชาชาติกับกฎหมายระหว่างประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายหยุดความเป็นปรปักษ์ทันที สร้างบรรยากาศนำสู่สันติภาพ สถานการณ์ตอนนี้ส่งผลเสียต่อพวกเรา ดังนั้นจึงต้องพยายามลดผลกระทบ ให้เศรษฐกิจอาเซียนโตต่อไป

กรณีเมียนมา ยืนยันจุดยืนฉันทามติ 5 ข้อของที่ประชุมผู้นำอาเซียน (Five-Point Consensus) เพื่อนำสู่สันติภาพถาวร ขอให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งนี้เมียนมาต้องสร้างบรรยากาศสร้างสรรค์นำสู่การเจรจาระดับชาติ ที่ผ่านมาอาเซียนให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมจำนวนหนึ่ง ขอประนามกลุ่มผู้โจมตีขบวนส่งของบรรเทาทุกข์และจะให้ความช่วยเหลือต่อไป

ในการประชุมรอบนี้เป็นอีกครั้งที่อาเซียนพยายามให้เมียนมามีสันติภาพแม้ยังไม่คืบหน้า เป็นจุดยืนตั้งแต่ต้น ร้องขอให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรงทันที เปิดทางสู่การเจรจา 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่คืบหน้า อาจตีความว่าฝ่ายรัฐบาลทหารไม่แพ้ยังกุมอำนาจไว้ได้ ฝ่ายต่อต้านไม่ถอย การคว่ำบาตรกดดันของประเทศต่างๆ ไม่มีผลเท่าไรนัก ความขัดแย้งดำเนินต่อไป

โดยรวมแล้ว อาเซียนหวังให้ทุกประเทศทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยสันติ ก้าวข้ามความขัดแย้งทางเชื้อชาติศาสนา หยุดการแก่งแย่งโดยเฉพาะหากนำสู่ความขัดแย้งไร้เสถียรภาพ ไม่แบ่งขั้ว ทั้งนี้จะพยายามส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ยึดมั่นกฎบัตรสหประชาชาติกับกฎหมายระหว่างประเทศ คาดหวังบรรยากาศสร้างสรรค์ส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงร่วม นำสู่ความเจริญรุ่งเรืองอยู่ดีกินดีทั่วทุกคน 

21 พฤษภาคม 2023
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 27 ฉบับที่ 9684 วันอาทิตย์ที่ 21 พฤกษภาคม พ.ศ. 2566)

---------------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง :

ความก้าวหน้าและจุดยืนอาเซียน 2021
เรื่องสำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังเผชิญโรคระบาดโควิด-19 ประเด็นทะเลจีนใต้ที่นับวันจะทวีความตึงเครียด ขอให้เมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของที่ประชุมผู้นำอาเซียน
อาเซียนเสนอเอกสาร “มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก” หวังนำอนุทวีปอินเดียเข้ามาเชื่อมต่อกับเอเชียแปซิฟิกให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น คงหลักอาเซียนเป็นแกนกลาง เน้นความร่วมมือแทนการทำลายล้าง

บรรณานุกรม :

1. ASEAN. (2023, May). CHAIRMAN’S STATEMENT OF THE 42ND ASEAN SUMMIT, 10-11 MAY 2023. Retrieved from https://asean.org/wp-content/uploads/2023/05/FINAL-Chairmans-Statement-42nd-ASEAN-Summit-1.pdf

2. ASEAN will not give up on Myanmar peace despite no progress--minister. (2023, May 11). The Asahi Shimbun. Retrieved from https://www.asahi.com/ajw/articles/14905567

3. Ponnudurai, Parameswaran. (2014, February 9). US Draws Own Line Over South China Sea Dispute. Retrieved from http://www.rfa.org/english/commentaries/east-asia-beat/claim-02092014205453.html

4. World Economic Forum. (2023, January). Global Risk Report 2023. Retrieved from https://www.weforum.org/reports/global-risks-report-2023

-----------------------