รัฐบาลเนทันยาฮูล่าสุดกับประเด็นอ่อนไหว

เนทันยาฮูเป็นนายกฯ มาแล้วหลายสมัยแต่รอบนี้แตกต่างเพราะพรรคร่วมเป็นขวาจัด ส่อแววขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดใหม่วางแผนล่วงหน้า

            หลังรัฐบาลของนาฟทาลี เบนเน็ตต์ (Naftali Bennett) ประกาศยุบสภา เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย รอบนี้ต่างจากเดิมเพราะพรรคร่วมเป็นสายขวาจัด

ดินแดนปาเลสไตน์หดตัวต่อเนื่อง :

            เป็นที่คาดหมายว่าเนทันยาฮูจะกลับมาเพื่อเรื่องตั้งถิ่นอาศัยในปาเลสไตน์ บรรดาพรรคที่สนับสนุนเรื่องนี้รวมตัวกันตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เป็นเหตุผลที่พรรคขวาจัด (เป็นไซออนิสต์เหมือนกันแต่เข้มกว่า) ยอมจับมือร่วมรัฐบาลด้วย (ที่ผ่านมาแม้ได้ชื่อว่ายึดแนวไซออนิสต์เหมือนกันแต่จุดยืนวิธีการไม่ตรงกัน)

            นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่ารัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญกับการตั้งถิ่นฐานเป็นอันดับแรก พร้อมดูแลความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในย่านนี้

            ในบรรดาประเด็นอ่อนไหวทั้งหลายเรื่องขยายดินแดนเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญ บ้านที่อยู่อาศัยเป็นความจำเป็นพื้นฐานสืบเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งรัฐสมัยใหม่เมื่อพฤษภาคม 1948 และยังคงสำคัญตราบเท่าที่ประชากรอิสราเอลเพิ่มขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลลูกหลานเกิดใหม่หรือผู้อพยพต่างแดนที่ย้ายเข้ามาใหม่

            ปัจจุบันชาวอิสราเอล 600,000 - 750,000 อาศัยอยู่ในเขตเวสต์แบงก์กับเยรูซาเล็มตะวันออกซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศแต่ไม่มีใครห้ามได้ มีแนวโน้มว่าจะกินพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์มากขึ้น

            นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่าการที่อิสราเอลกลับมาครอบครองเขตเวสต์แบงก์ไม่ผิด เพราะแต่เดิมดินแดนแห่งนี้เป็นของชนชาติอิสราเอลมาแต่โบราณ ไม่ได้บุกยึดหรือแย่งของใคร เช่นเดียวกับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ไม่มีอำนาจใดสามารถคัดค้านแม้กระทั่งสหประชาชาติ เยรูซาเล็มคือ “Holy City of Jerusalem” ถ้อยคำเหล่านี้เนทันยาฮูพูดซ้ำทุกปี

            ด้านรัฐบาลไบเดนประกาศจะจับตานโยบายและการดำเนินนโยบายของอิสราเอล ทั้งนี้อาจเป็นเพราะรู้ดีว่า Religious Zionism Party ที่เป็นพรรคร่วมปฏิเสธแนวทางทวิรัฐ (Two-State Solution) การขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่อาจรุนแรงกว่ารัฐบาลก่อนๆ

            ข้อวิพากษ์คือแม้รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนแนวทางทวิรัฐ หลายประเทศต่อต้านการรุกล้ำของอิสราเอลเรื่อยมา พวกอาหรับ อิหร่านต่อต้านอย่างรุนแรง แต่ความจริงคือพื้นที่ของปาเลสไตน์นับวันจะหดหาย ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ต่อเนื่อง เป็นเช่นนี้เนิ่นนานจนผู้อพยพปาเลสไตน์ออกหลานเหลนในค่ายอพยพตามที่ต่างๆ และไม่เห็นวี่แววว่าจะได้กลับบ้านเกิดตัวเอง

            สุดท้ายคำว่าทวิรัฐอาจเป็นเพียง “นโยบายโลกสวย” ที่ไม่เกิดขึ้นจริง กระทั่งศูนย์อพยพอาจเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำหากกองทัพอิสราเอลยาตราทัพเข้าประเทศเพื่อนบ้านแถวนั้น เพราะต้องการดินแดนเพิ่มเติมตามแนวทาง Greater Israel และทำให้อิสราเอลมีแต่ประชากรที่เป็นยิวหรือจงรักภักดีต่อรัฐบาลที่ยิวเป็นแกนนำ เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปิดลับ เป็นนโยบายหรือแนวทางที่บางพรรคบางกลุ่มเอ่ยถึงตลอดเวลา ทั้งนี้จะค่อยเป็นค่อยไปตามยุทธศาสตร์ “ยึดทีละคืบกินทีละคำ” สร้างรัฐอิสราเอลที่เป็นของยิว

            เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเพื่อนบ้านด้วยโดยเฉพาะรัฐอาหรับ ประเทศที่พรมแดนติดกัน

จะล้ำเส้นต้องห้ามหรือไม่ :

            ปลายปีที่แล้วกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 (King Abdullah II)  แห่งจอร์แดนเตือนรัฐบาลใหม่อิสราเอลไม่ล้ำเส้นต้องห้าม (red lines) ที่เกี่ยวกับสถานศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเล็ม พรรคขวาจัดอาจชักนำให้รัฐบาลประกาศครอบครองสถานศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นของยิวเท่านั้น พระองค์ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากอิสราเอลกระทำการไม่สมควร

            พระองค์กังวลว่าจะเกิดการลุกฮืออีกครั้ง (intifada) ซึ่งเล็งถึงการลุกฮือต่อต้านการยึดครองเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาที่เคยเกิดในอดีต ตนพร้อมรับมือหากเกิดวันนั้น ย้ำว่าอิสราเอลจะเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคก็ต่อเมื่อชาวปาเลสไตน์อยู่อย่างมีอนาคต

            อันที่จริงแล้วถ้าเนทันยาฮูคือตัวแทนของไซออนิสต์ (Zionism) ต้องเข้าใจต่อว่าพรรคลีคูต (Likud) ของเนทันยาฮูเป็นพรรคใหญ่สุด ที่น่าสนใจกว่านั้นคือมีพรรคที่ยึดแนวทางไซออนิสต์เข้มข้นยิ่งกว่า ที่เอ่ยถึงมากตอนนี้คือ Religious Zionist Party ซึ่งแต่เดิมไม่เป็นที่นิยมได้ไม่กี่ที่นั่ง เพิ่งจะได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ได้ถึง 14 ที่นั่ง (จากเดิม 6) แสดงถึงความนิยมชมชอบที่เพิ่มขึ้นมาก (พรรคลีคูตได้ 32 ที่นั่ง - บางคนแบ่งพรรคสายไซออนิสต์เป็นฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาและพวกกึ่งกลาง ต่างมีจุดยืนรายละเอียดต่างกันบางข้อ)

            เนทันยาฮูเป็นนายกฯ มาแล้วหลายสมัย แนวนโยบายของท่านเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว แต่เมื่อรัฐบาลชุดใหม่มีส่วนผสมของไซออนิสต์เข้มข้นกว่าเดิม เป็นชาตินิยมเข้มข้น จึงน่าคิดว่ารัฐบาลใหม่นี้จะดำเนินนโยบายที่ขัดใจมุสลิมหรือไม่ จะยั่วยุยิ่งกว่าเดิมหรือไม่ ไม่แปลกที่หลายฝ่ายเตือนล่วงหน้าเพราะรู้จุดยืนของพรรคสุดโต่งเหล่านั้น คำถามสำคัญคือ “จะล้ำเส้นต้องห้าม” หรือไม่

ความสัมพันธ์กับอาหรับจะดีขึ้นหรือเลวลง :

            นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอลสมัยใหม่ อิสราเอลเคยทำสงครามใหญ่ถึง 5 ครั้งกับเพื่อนบ้าน เพราะไม่ยอมรับการสถาปนารัฐอิสราเอล แต่เรื่องนี้กลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ เมษายน 2018 มกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) กล่าวว่าอิสราเอลมี “สิทธิ” เหนือดินแดนมาตุภูมิของตน คนยิวมีสิทธิ์แห่งการเป็นรัฐชาติ (nation-state) ที่อยู่ร่วมกับชนชาติอื่นโดยสันติ ซาอุฯ “ไม่มีปัญหากับคนยิว” ทั้งยัง “มีผลประโยชน์ร่วมกัน”

            ความอีกตอนกล่าวว่า “ประเทศของเราไม่มีปัญหากับคนยิว ศาสดามุฮัมมัด (Muhammad) ของเราแต่งงานกับหญิงยิว ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนแต่แต่งงานกัน เพื่อนบ้านของศาสดาก็เป็นพวกยิว ซาอุฯ ในปัจจุบันมีชาวยิวไม่น้อยทั้งจากอเมริกา ยุโรป”

            ถ้อยคำของมกุฎราชกุมารซัลมานในตอนนั้นกำลังบ่งบอกว่ารัฐอิสราเอลกับอาหรับกำลังจะเป็นมิตร ละทิ้งความเป็นศัตรูคู่อาฆาต

            สิงหาคม 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอิสราเอลประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติตามข้อตกลง Abraham Accords Peace Agreement แถลงการณ์ร่วมระบุว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ ก้าวย่างสำคัญของสันติภาพตะวันออกกลาง เดือนถัดมาบาห์เรนประกาศสถาปนาการทูตกับอิสราเอลเช่นกัน

            เนื้อหาตอนหนึ่งใน Abraham Accord ระบุชัดว่าทั้งอาหรับกับยิวต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัม (Abraham) ความจริงแล้วภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยมุสลิม ยิว พวกนับถือคริสต์ และผู้นับถือศาสนาความเชื่ออื่นๆ แม้แตกต่างแต่ปรารถนาอยู่ร่วมกัน (spirit of coexistence) ด้วยความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน

            Abraham Accord คือรูปธรรมการปรับความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ เป็นจุดเริ่มหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ แต่หากวันใดอิสราเอลล้ำเส้นต้องห้าม สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป

            ถ้าเทียบอิสราเอลเมื่อสถาปนารัฐสมัยใหม่ 1948 กับปัจจุบัน ไม่อาจปฏิเสธว่าอิสราเอลมั่นคงขึ้นมาก สัมพันธ์กับเพื่อนบ้านดีขึ้นตามลำดับ เหลือเพียงอิหร่านที่ยังเป็นปรปักษ์สำคัญ มีการปะทะกันเนืองๆ ในซีเรีย พร้อมกับข่าวอิสราเอลจะโจมตีอิหร่านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (ที่เป็นข่าวซ้ำๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา)

            Yair Lapid อดีตนายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลชุดใหม่ไม่ยึดมั่นประชาธิปไตย ทำลายรากฐานสังคม ทำลายระบบการศึกษาเพราะเน้นแนวทางเคร่งศาสนาสุดโต่ง ทำให้กองทัพสังกัดการเมือง บรรจุนายพลที่อิงการเมืองเข้านั่งตำแหน่งสำคัญ เวสต์แบงก์จะปั่นป่วนวุ่นวาย สุดท้ายรัฐบาลชุดนี้จะจบอย่างเลวร้าย ทั้งยังกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากเนทันยาฮูแต่มาจากพวกพรรคสุดโต่ง เป็นแผนของพวกเขาที่จะยืมมือเนทันยาฮู

            ถ้อยคำข้างต้นเป็นข้อกล่าวหาส่วนจะเป็นจริงหรือไม่อนาคตจะเป็นผู้ให้คำตอบ

ชาญชัย คุ้มปัญญา
8 มกราคม 2023
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 27 ฉบับที่ 9552 วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566)

----------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง : 
หากมองว่ายิวไม่ใช่ศาสนาหรือชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้ ซาอุฯ ในยุคนี้กำลังประกาศว่าสามารถอยู่ร่วมกับทุกศาสนาทุกเชื้อชาติ เป็นไปตามคำสอนอิสลาม
การปรับความสัมพันธ์อิสราเอลกับชาติอาหรับเป็นกรณีน่าศึกษา จากศัตรูที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้แต่นับวันความเป็นศัตรูหดหาย อุดมการณ์เปลี่ยนได้ เป้าหมายเปลี่ยนไป เปิดเผยชัดเจนกว่าเดิม
บรรณานุกรม :

1. Abraham Accord signing: top quotes from the signing ceremony. (2020, September 16). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/middle-east/two-states-settlements-not-part-of-israel-deals-with-uae-bahrain-642424

2. Blinken does not rule out dealing with far-right figures in new Israeli government. (2022, December 6). Middle East Eye. Retrieved from https://www.middleeasteye.net/news/blinken-does-not-rule-out-dealing-far-right-figures-new-israeli-governmen/

3. EXPLAINER: Why is Israel always holding elections? (2022, June 21). AP. Retrieved from https://apnews.com/article/why-is-israel-always-holding-elections-e671cfe22f9b045d2be3e65c5a60be61

4. Far-right Ben-Gvir, Smotrich win big in Israel elections. (2022, November 2). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/israel-elections/article-721229

5. Housing Minister promises to help Israelis settle in West Bank. (2023, January 1). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/israel-news/article-726379

6. Israel and the Kingdom of Bahrain to establish 'full diplomatic relations,' Trump says. (2020, September 11). CNN. Retrieved from https://edition.cnn.com/2020/09/11/politics/israel-bahrain-trump/index.html

7. Israel to dissolve parliament, call 5th election in 3 years. (2022, June 20). AP. Retrieved from https://apnews.com/article/israel-coalition-dissolves-5e4d652663e41aaa964ac01911c336a4

8. Israel’s Netanyahu reaches coalition deal with far-right party. (2022, December 1). Al Jazeera. Retrieved from https://www.aljazeera.com/news/2022/12/1/israels-netanyahu-reaches-coalition-deal-with-far-right-party

9. Jordan's king warns of 'breakdown of law and order' between Israelis and Palestinians. (2022, December 28). Middle East Eye. Retrieved from https://www.middleeasteye.net/news/jordanian-warns-breakdown-law-and-order-between-israelis-palestinians

10. King Abdullah warns incoming Israeli government not to cross Jordan’s ‘red lines’. (2022, December 28). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/king-abdullah-warns-incoming-israeli-government-not-to-cross-jordans-red-lines/

11. Lapid: New government not committed to democracy, dismantles foundations of society. (2022, December 16). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/lapid-new-government-not-committed-to-democracy-dismantles-foundations-of-society/

12. Netanyahu gov’t says West Bank settlement expansion top priority. (2022, December 28). Al Jazeera. Retrieved from https://www.aljazeera.com/news/2022/12/28/netanyahu-govt-says-west-bank-settlement-expansion-top-priority

13. Netanyahu pans ‘despicable’ UN vote, says Jews cannot be occupiers in their own land. (2022, December 31). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/netanyahu-pans-despicable-un-vote-says-jews-cannot-be-occupiers-in-their-own-land/

14. Saudi Crown Prince recognizes Israel's right to exist. (2018, April 3).
FRANCE 24. Retrieved from http://www.france24.com/en/20180403-saudi-arabia-israel-crown-prince-right-homeland-exist

15. Saudi Crown Prince: Iran's Supreme Leader 'Makes Hitler Look Good'. (2018, April 2). The Atlantic. Retrieved from https://www.theatlantic.com/international/archive/2018/04/mohammed-bin-salman-iran-israel/557036/

-----------------------