ศัตรูซาอุดิอาระเบียกับอิสราเอลผู้เป็นมิตร

หากมองว่ายิวไม่ใช่ศาสนาหรือชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้ ซาอุฯ ในยุคนี้กำลังประกาศว่าสามารถอยู่ร่วมกับทุกศาสนาทุกเชื้อชาติ เป็นไปตามคำสอนอิสลาม

        เป็นธรรมดาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะมีทั้งมิตรกับศัตรู แม้ปรารถนาจะเป็นมิตรกับทุกประเทศแต่หลายครั้งอยู่ในบริบทที่ไม่เอื้ออำนวย อีกฝ่ายไม่ต้องการเป็นมิตร ศัตรูเป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติแต่อาจมองว่ามีคุณประโยชน์ต่อความมั่นคงแห่งชาติเช่นกันขึ้นกับการใช้ประโยชน์ บริบทของแต่ละประเทศ

        ซาอุดิอาระเบียเป็นอีกประเทศที่ประกาศความเป็นมิตรกับศัตรูอย่างชัดเจน

ความชั่วร้าย 3 เส้า :

        เมษายน 2018 มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) กล่าวว่าซาอุฯ มีศัตรูที่เรียกว่า ความชั่วร้าย 3 เส้า” (triangle of evil) ประกอบด้วยอุดมการณ์ชีอะห์ (Shiite ideology) เป็นอุดมการณ์สุดโต่ง พวกชีอะห์เชื่อว่าถ้าพยายามเผยแพร่อุดมการณ์จะกระตุ้นให้ Hidden Imam (Muhammad al-Mahdi) ปรากฏตัวและปกครองโลก เป็นคำสอนที่ขัดแย้งกับซุนนี

        ศัตรูตัวที่ 2 คือ กลุ่มภารดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) มีแนวคิดสุดโต่งเช่นกัน กลุ่มนี้อาศัยการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อเข้าถึงอำนาจ หวังสร้างระบอบเคาะลีฟะฮ์แฝงตัว (shadow caliphates – มีความเป็นรัฐอิสลาม) ในรัฐบาลประชาธิปไตย จากนั้นจะขยายอาณาจักรของตนจนเต็มโลก

        ศัตรูตัวที่ 3 คือ พวกผู้ก่อการร้ายอย่างอัลกออิดะห์กับ ISIS

        มกุฎราชกุมารซัลมานอธิบายเพิ่มเติมว่าศัตรูทั้ง 3 มีเป้าหมายตรงกันข้อหนึ่งคือสร้างระบอบเคาะลีฟะฮ์ในรูปแบบต่างๆ ศาสดามุฮัมมัด (Muhammad) ไม่ได้สอนให้ตั้งเคาะลีฟะฮ์ แต่ให้เผยแพร่คำสอนเท่านั้นซึ่งปัจจุบันสำเร็จแล้ว เพราะคนในโลกปัจจุบันมีเสรีในการนับถือศาสนา สามารถซื้อหาตำราศาสนามาอ่าน

        แนวคิด “ความชั่วร้าย 3 เส้า” ไม่ใช่ของใหม่เสียทีเดียว ในที่ประชุม “Arab Islamic American Summit” เมื่อพฤษภาคม 2017 ต่อหน้าผู้นำมุสลิม 55 ประเทศ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุล อาซิซ (Salman Bin Abdul Aziz) ตรัสว่า การประชุมแสดงให้เห็นชัดว่าชาติอาหรับกับผู้นำมุสลิมผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอด 55 ประเทศ อันประกอบด้วยประชากรกว่า 1,500 ล้าคน ร่วมต่อสู้ลัทธิสุดโต่ง (extremism) กับลัทธิก่อการร้าย (terrorism) เพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพโลกเราจะยืนเคียงข้างต่อสู้พลังความชั่ว (forces of evil) กับลัทธิสุดโต่ง ทุกวันนี้เราเห็นบางคนที่คิดว่าตัวเขาเป็นมุสลิมพยายามบิดเบือนภาพลักษณ์ศาสนา พยายามเชื่อมโยงศาสนาอันยิ่งใหญ่นี้เข้ากับความรุนแรงซึ่งขัดแย้งกับหลักศาสนา

        จะเห็นว่ามีการเอ่ยถึงลัทธิสุดโต่ง มุสลิมที่บิดเบือนศาสนาและผู้ก่อการร้าย

        รัฐบาลซาอุฯ อียิปต์ จอร์แดน บาห์เรน โอมาน คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเยเมนจะร่วมกันต่อต้านพวกสุดโต่งเหล่านี้

สัมพันธ์ใหม่มุสลิมอาหรับไม่มีปัญหากับยิว :

        ปี 2018 มกุฎราชกุมารซัลมานกล่าวว่าอิสราเอลมี “สิทธิ” เหนือดินแดนมาตุภูมิของตน คนยิวมีสิทธิแห่งการเป็นรัฐชาติ (nation-state) ที่อยู่ร่วมกับชนชาติอื่นโดยสันติ ทั้งยังเสนอข้อตกลงสันติภาพเพื่อนำสู่ความสัมพันธ์ตามปกติ ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยัง “มีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่าง”

        คำพูดนี้เท่ากับยอมรับประเทศอิสราเอลปัจจุบัน เป็นท่าทีที่ต่างจากอดีตที่เห็นว่าอาหรับกับยิวอยู่ร่วมโลกไม่ได้ กลุ่มชาติอาหรับเคยทำสงครามกับประเทศอิสราเอล (สมัยใหม่) หลายครั้ง

        มกุฎราชกุมารอธิบายเพิ่มว่า “ประเทศของเราไม่มีปัญหากับคนยิว ศาสดามุฮัมมัด (Muhammad) ของเราแต่งงานกับหญิงยิว ไม่ใช่เพียงเป็นเพื่อนแต่แต่งงานกัน เพื่อนบ้านของศาสดาก็เป็นพวกยิว ซาอุฯ ในปัจจุบันมีชาวยิวไม่น้อยทั้งจากอเมริกา ยุโรป”

        แต่ไหนแต่ไรตำราเรียนกระแสหลักจะสอนว่ารัฐบาลซาอุฯ เป็นศัตรูกับอิสราเอลตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอลหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อค.ศ.1948 ชาวอาหรับเห็นว่าปาเลสไตน์เป็นพื้นที่ๆ บรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยมานานแล้วดังเช่นพื้นที่อื่นๆ ของอาหรับ การก่อตั้งรัฐอิสราเอลสมัยใหม่กลายเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอาหรับอย่างรุนแรง บรรดารัฐอาหรับต่างไม่ยอมรับรัฐอิสราเอล แสดงความเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยรุนแรงชนิดอยู่ร่วมโลกไม่ได้ เกิดสงครามถึง 5 ครั้ง จนกระทั่งปี 1993 ทุกฝ่ายจึงเริ่มหันหน้าเจรจา แม้ความขัดแย้งทุเลาลงบ้างแต่แสดงอาการเป็นระยะๆ หนักบ้างเบาบ้าง

การมีอยู่ของรัฐอิสราเอลกลายเป็นความขมขื่นของโลกมุสลิม คนมุสลิมจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ส่งต่อความเกลียดชังอิสราเอล เรื่องราวในอดีตคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ส่วนเรื่องราววันนี้คือหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ที่บัดนี้ดูเหมือนว่ามกุฎราชกุมารซัลมานกำลังลบล้างและ/หรือเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ รัฐอิสราเอลกับอาหรับจะเป็นมิตร ละทิ้งความเป็นศัตรูคู่อาฆาต

        ลึกกว่าการเมืองระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับตะวันออกกลางมักดึงศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายซุนนีกับชีอะห์ นักการศาสนามุสลิมหลายสำนักพร่ำสอนว่ามุสลิมกับยิวเป็นปรปักษ์ต่อกัน จึงเกิดคำถามใหญ่ว่าจะอธิบายในเชิงศาสนาอย่างไร มุสลิมจับมือกับยิวแล้วใช่หรือไม่ 2 ศาสนิกจะอยู่ร่วมกันโดยสันติแล้วใช่หรือไม่ ไม่ว่ายิวผู้นั้นจะเป็นพวกไซออนิสต์หรือไม่ก็ตาม

        มีนาคม 2022 มกุฎราชกุมารซัลมานกล่าวว่าตนหวังว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะหมดไป ซาอุฯ ไม่มองว่าอิสราเอลเป็นศัตรู ตรงกันข้ามคาดหวังว่าจะเป็นพันธมิตรต่อกัน มีผลประโยชน์หลายอย่างที่ร่วมมือกันได้ จะเห็นว่าท่าทีของมกุฎราชกุมารซัลมานต่างจากกษัตริย์ซาอุฯ ในอดีต เป็นจุดยืนใหม่ในศตวรรษที่ 21 หลับขับเคี่ยวหลายสิบปีนับตั้งแต่เกิดรัฐอิสราเอล

Abraham Accord ความสัมพันธ์รูปธรรม :

        บางแนวคิดอธิบายว่าแท้จริงแล้วรัฐบาลซาอุฯ ร่วมมือกับอิสราเอลมานานแล้ว เป็นความร่วมมือในทางลับ แต่ถ้าจะอธิบายการปรับสัมพันธ์ ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในศตวรรษนี้ควรเอ่ยถึง Abraham Accord

        13 สิงหาคม 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอิสราเอลประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติตามข้อตกลง Abraham Accords Peace Agreement แถลงการณ์ร่วมระบุว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ ก้าวย่างสำคัญของสันติภาพตะวันออกกลาง เดือนถัดมาบาห์เรนประกาศสถาปนาการทูตกับอิสราเอลเช่นกัน

        เนื้อหาตอนหนึ่งใน Abraham Accord ระบุว่าทั้งอาหรับกับยิวต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัม (Abraham) ความจริงแล้วในภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยมุสลิม ยิว พวกนับถือคริสต์ และผู้นับถือศาสนาความเชื่ออื่นๆ แม้แตกต่างแต่ปรารถนาอยู่ร่วมกัน (spirit of coexistence) ด้วยความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน

        นับจากนั้นเป็นต้นมาความร่วมมือต่างๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ธันวาคม 2021 นาฟทาลี เบนเน็ตต์ (Naftali Bennett) นายกฯ อิสราเอลเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นครั้งแรกนับจากก่อตั้งรัฐอิสราเอลที่ผู้นำอิสราเอล “เหยียบแผ่นดินอาหรับ” อย่างเป็นทางการภายใต้การต้อนรับอันอบอุ่น

วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :

        มีข้อสังเกตว่าความชั่วร้าย 3 เส้าที่รัฐบาลซาอุฯ เอ่ยถึงเกี่ยวข้องศาสนาโดยตรง เกี่ยวข้องกับนิกายที่แตกต่าง แม้กระทั่งผู้ก่อการร้ายที่เอ่ยถึงก็สัมพันธ์กับศาสนาเช่นกัน อันที่จริงแล้วศัตรูของซาอุฯ อาจมีมากกว่านี้แต่ศัตรูตัวสำคัญคือนิกายศาสนาที่แตกต่าง ศัตรูเหล่านี้อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน

        ด้วยหลักคิดเดียวกัน น่าจะเป็นเรื่องแปลกถ้ามองอิสราเอลที่ครั้งหนึ่งเป็นศัตรูแล้วตอนนี้มาเป็นมิตร แต่หากมองว่ายิวไม่ใช่ศาสนาหรือชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้ ซาอุฯ ในยุคนี้กำลังประกาศว่าสามารถอยู่ร่วมกับทุกศาสนาทุกเชื้อชาติ เป็นไปตามคำสอนอิสลาม เว้นแต่กลุ่มสุดโต่งที่รับไม่ได้จริงๆ

17 เมษายน 2022
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 26 ฉบับที่ 9286 วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2565)

--------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง : 
ซาอุฯ จะปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ตามแนวทางอิสลามต่อไป คงอยู่คู่อิสลาม ยึดมั่นหลักศาสนาอย่างถูกต้องไม่บิดเบือน พัฒนาประเทศสู่ความทันสมัยที่ไม่ขัดหลักศาสนา
การปรับความสัมพันธ์ระหว่างอาหรับกับอิสราเอลอาจช่วยแก้ปัญหาปาเลสไตน์ นำสันติภาพสู่ตะวันออกกลาง แต่อีกมุมที่ชัดเจนคือนับจากนี้ชาติอาหรับกับอิสราเอลจะร่วมกันเล่นงานอิหร่านอย่างเปิดเผย
บรรณานุกรม :

1. Abraham Accord signing: top quotes from the signing ceremony. (2020, September 16). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/middle-east/two-states-settlements-not-part-of-israel-deals-with-uae-bahrain-642424

2. ‘Iran at forefront of global terrorism,’ says King Salman. (2017, May 21). Al Arabiya. Retrieved from http://english.alarabiya.net/en/News/gulf/2017/05/21/-Iran-at-forefront-of-global-terrorism-says-King-Salman.html

3. Israel and the Kingdom of Bahrain to establish 'full diplomatic relations,' Trump says. (2020, September 11). CNN. Retrieved from https://edition.cnn.com/2020/09/11/politics/israel-bahrain-trump/index.html

4. King Salman: Iran spearheading global terror. (2017, May 22). Arab News. Retrieved from http://www.arabnews.com/node/1103121/saudi-arabia

5. Mohammed bin Salman on Iran, Israel, US and future of Saudi Arabia: Full transcript. (2022, March 3).

Al Arabiya. Retrieved fromhttps://english.alarabiya.net/News/gulf/2022/03/03/Mohammed-bin-Salman-on-Iran-Israel-US-and-future-of-Saudi-Arabia-Full-transcript

6. Saudi Crown Prince recognizes Israel's right to exist. (2018, April 3). FRANCE 24. Retrieved from http://www.france24.com/en/20180403-saudi-arabia-israel-crown-prince-right-homeland-exist

7. Saudi Crown Prince: Iran's Supreme Leader 'Makes Hitler Look Good'. (2018, April 2). The Atlantic. Retrieved from https://www.theatlantic.com/international/archive/2018/04/mohammed-bin-salman-iran-israel/557036/

8. Saudi Prince’s White House Visit Reinforces Trump’s Commitment to Heir Apparent. (2018, March 20). The New York Times. Retrieved from https://www.nytimes.com/2018/03/20/us/politics/saudi-crown-prince-arrives-at-white-house-to-meet-with-trump.html

9. UAE-Israel trade has ‘limitless’ potential, says PM Naftali Bennett during visit. (2021, December 13). The National. Retrieved from https://www.thenationalnews.com/uae/government/2021/12/13/potential-for-further-uae-trade-unlimited-says-israeli-pm-bennett/

-----------------------