RCEP ความสำเร็จของภูมิภาคเหนือความแตกต่างหลากหลาย

RCEP เป็นการริเริ่มของหลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายการเมืองการปกครอง ระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาเร็วช้าต่างกัน บางประเทศเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศด้วยซ้ำ

อะไรคือ RCEP Agreement :

            ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) เป็นข้อตกลงระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา อันได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ เป็นเขตการค้าเสรีที่ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ภายใต้กติกาที่เปิดเผยโปร่งใส

            ปัจจุบัน RCEP ครอบคลุมจีดีพี 30% และประชากร 1 ใน 3 ของโลก ส่งเสริมพหุภาคีนิยม เพิ่มโอกาสการค้าการลงทุนในหมู่ชาติสมาชิก ในเบื้องต้นคาดว่าจะลดภาษี 92% ของสินค้าที่ค้าขายระหว่างกัน ให้มาตรการที่มิใช่ภาษี (Non – Tariff Measures: NTMs) โปร่งใสมากขึ้น ส่งเสริมการค้าชายแดน อี-คอมเมิร์ซ ระบบการจัดส่งสินค้ายุคดิจิทัล ยกระดับมาตรฐานการค้าระหว่างประเทศ

ประวัติการจัดตั้ง RCEP :

            การเจรจาจัดตั้ง RCEP เริ่มต้นเมื่อปี 2012 ประกอบด้วยชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ กับอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สังเกตว่าหลายประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันอยู่แล้ว

            ในมุมมองอาเซียนแนวคิด RCEP เป็นไปตามวัตถุประสงค์การสร้างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่บูรณาการเศรษฐกิจในหมู่สมาชิก ยกชูรักษาบทบาทอาเซียนในการเป็นแกนกลางขับเคลื่อนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น

            แนวคิดตั้งแต่แรกไม่ได้มุ่งหวังว่า RCEP จะเป็นเขตการค้าเสรีตามอุดมคติขั้นสูง หวังเพียงช่วยลดกำแพงภาษี ส่งเสริมการลงทุน ยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตระหนักว่าระบบและการพัฒนาเศรษฐกิจของสมาชิกนั้นหลากหลาย RCEP คือความร่วมมือบนพื้นฐานเหล่านี้ ข้อตกลงระบุชัดว่าบางประเทศ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนามได้รับสิทธิพิเศษ ข้อตกลงมีความยืดหยุ่นสามารถเลือกปฏิบัติ (หรือไม่ปฏิบัติ) บางข้อตามความพร้อม สอดคล้องกับความเป็นอาเซียนโดยแท้


(ชมคลิป)

วิเคราะห์ RCEP :

          ประการแรก เน้นอยู่ใกล้กัน อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน

            เป้าหมาย RCEP ไม่ใช่ความร่วมมือระดับโลกหรือเปิดโอกาสให้ทุกประเทศเข้าร่วม แต่เน้น “การอยู่ใกล้กัน” ในภูมิภาคเดียวกัน สมาชิกจึงประกอบด้วยชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศกับอีก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นความร่วมมือของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก (แต่เดิมตั้งใจรวมอินเดียด้วยแต่ถอนตัวก่อน)

          ประการที่ 2 ความสำเร็จเหนือการเมืองระหว่างประเทศ

            ในแง่การเมืองระหว่างประเทศต้องถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะคือความร่วมมือของหลากหลายการเมืองการปกครอง บางประเทศเป็นปรปักษ์ทางการเมืองและความมั่นคงทางทหาร โดยเฉพาะกรณีจีนกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ต่างฝ่ายต่างพยายามรักษาผลประโยชน์ของตน มีประเด็นต้องขบคิดมาก เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้การเจรจากินเวลาหลายปีและอินเดียถอนตัวในตอนท้าย

            รัฐบาลสหรัฐมองว่า RCEP อยู่ใต้อิทธิพลจีน ถ้าคิดตามกรอบนี้จะตีความว่าญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ที่เป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐอยู่ใต้อิทธิพลจีนด้วยหรือไม่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ในแง่ความมั่นคงทางทหารญี่ปุ่นยังมองจีนเป็นภัยคุกคามอันดับต้นเช่นเดิม

            ไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้วยมุมมองใดเป็นหลักฐานอีกชิ้นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความขัดแย้งคู่ความร่วมมือเสมอ การขัดแย้งในด้านใดด้านหนึ่งไม่เป็นเหตุให้ร่วมมือกันไม่ได้เลย แท้จริงแล้วทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ต่างมีจีนเป็นคู่ค้าสำคัญ RCEP จะกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดกว่าเดิม มีผู้ประเมินว่าเมื่อถึงปี 2030 RCEP จะช่วยเพิ่มยอดการค้าโลกอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเฉพาะจะเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

            ถ้าพูดให้ครบถ้วนกว่านั้นสหรัฐไม่ว่าจะรัฐบาลชุดก่อนชุดปัจจุบันยังคงค้าขายกับจีน แม้จะเห็นจีนเป็นความท้าทายสำคัญหรือเป็นปรปักษ์ ใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อม นักลงทุนอเมริกันจำนวนมากยังคงทำธุรกิจในจีนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

            บางครั้งถ้อยคำจากปากนักการเมืองอาจไม่ตรงความจริง บางครั้งเป็นเรื่องของการหาเสียงมากกว่า หวังให้ชนะเลือกตั้งก่อนเป็นพอ

            RCEP เป็นหลักฐานที่บอกว่าประเทศในภูมิภาคจะไม่ทำสงครามใหญ่ต่อกัน ยิ่งใกล้ชิดกันมากเพียงไร ยิ่งสัมพันธ์กันมาก โอกาสทำสงครามใหญ่ยิ่งน้อย

          ประการที่ 3 เขตการค้าที่ส่งเสริมกันและกัน

            แม้มีสมาชิกเพียง 15 ประเทศ RCEP คือเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในขณะนี้ มีขนาดเท่ากับ 30% ของจีดีพีโลก (รองลงมาคือเขตการค้าอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่มีขนาด 28% ของจีดีพีโลก อียู 17%) ข้อตกลงครั้งนี้จะเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เดิมมากอยู่แล้วจะมากขึ้นไปอีก

            นักวิชาการหลายคนชี้ว่าศตวรรษที่ 21 เป็นปีทองของเอเชียแปซิฟิก RCEP คืออีกกลไกที่เชิดชูความโชติช่วงของภูมิภาคนี้

          ประการที่ 4 สัมพันธ์ใกล้ชิดกับ BRI

            ถ้ามองจากมุมจีน RCEP ส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) อย่างชัดเจน สมาชิก RCEP หลายประเทศมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ BRI อยู่แล้ว (โดยเฉพาะอาเซียน) ทั้ง 2 กรอบสนับสนุนซึ่งกันและกัน ประเทศอย่างญี่ปุ่นที่ไม่อยู่ใน BRI จะได้ประโยชน์ผ่านการค้าการลงทุนในกรอบ RCEP ด้วย

            ทุกประเทศจะได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงทวีปเอเชีย-ยุโรป-แอฟริกาภายใต้ BRI

            สี จิ้นผิงผู้นำจีนชี้ว่า RCEP คือชัยชนะของพหุภาคีนิยม การค้าเสรี

          ประการที่ 5 ในแง่ของอาเซียน

            อาเซียนเป็นการรวมตัวของประเทศในภูมิภาคเดียวกันเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างกัน ประสานพลังในโลกที่ปลาใหญ่มักกินปลาเล็ก ตั้งแต่เริ่มเจรจาประกาศชัดว่าอาเซียนคือศูนย์กลางของคู่เจรจา

            เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สามารถนำชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่และเป็นคู่ค้าสำคัญให้ทำมาค้าขายภายใต้กติกาเดียวกัน ร่วมกันเขียนตั้งแต่ต้น เสริมการค้าเสรีเดิมที่มีอยู่แล้วในกลุ่มประเทศเหล่านี้ อาจตีความว่า RCEP คือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ขยายตัวเป็น AEC-Plus รัฐบาลกับประชาชนในกลุ่มนี้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

          ประการที่ 6 มีทั้งได้กับเสีย

            ถ้ามองแง่บวก RCEP ส่งเสริมการส่งออก ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าหลากหลายมากขึ้น ถ้ามองในแง่ลบการลดกำแพงภาษีเท่ากับเปิดทางให้สินค้าคู่แข่งจากสมาชิก RCEP มากขึ้น เป็นอีกเหตุผลที่อินเดียถอนตัว (มีผู้ประเมินว่าหากอินเดียเข้า RCEP จะกระทบอุตสาหกรรมอินเดีย การจ้างงานในประเทศ โดยเฉพาะพวกสิ่งทอ เกษตร หมวดอาหาร เนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตต่ำกว่าจีน ทำนองสหรัฐขาดดุลจีน)

            การค้าเสรีอาจส่งเสริมการอยู่ดีกินดีในภาพรวม แต่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากต้องปรับตัว เพราะการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น เขตการค้าเสรีใช่ว่าจะมีแต่ได้ ทุกภาคส่วนจำต้องผลักดันตัวเองให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโลกยุคโลกาภิวัตน์

            ในอดีตเมื่อพูดถึงการค้าเสรีจะนึกถึงชาติตะวันตก ประเทศประชาธิปไตย RCEP เป็นการริเริ่มของหลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายการเมืองการปกครอง ระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาเร็วช้าต่างกัน บางประเทศเป็นคู่ขัดแย้งด้วยซ้ำ เป็นวิถีความร่วมมือบนความแตกต่างที่น่าสนใจและน่าจับตาว่าจะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไร ส่งผลต่อภูมิภาคและโลกอย่างไร

6 ธันวาคม 2020 
ชาญชัย คุ้มปัญญา 
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 25 ฉบับที่ 8791 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563)

-------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง: 

เขตการค้าเสรีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การประลองหลักการระหว่างจีนกับสหรัฐ
สมาชิกเอเปกประกาศว่า FTAAP จะยอมรับแนวทางเขตการค้าเสรีแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น TPP RCEP เท่ากับชี้ว่าที่ประชุมเอเปกปฏิเสธว่า TPP คือมาตรฐานเขตการค้าเสรีของภูมิภาค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้เหตุผลว่าเขตการค้าเสรีอื่นๆ ที่กำลังเจรจาทั้งหมด ทั้งในระดับทวิภาคีหรือพหุภาคี ล้วนสนับสนุนเป้าหมายของ FTAAP
มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก
อาเซียนเสนอเอกสาร “มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก” หวังนำอนุทวีปอินเดียเข้ามาเชื่อมต่อกับเอเชียแปซิฟิกให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น คงหลักอาเซียนเป็นแกนกลาง เน้นความร่วมมือแทนการทำลายล้าง
บรรณานุกรม :

1. ASEAN. (2013, October 9). CHAIRMAN’S STATEMENT OF THE 16TH ASEAN-CHINA SUMMIT. Retrieved from http://www.asean.org/images/archive/23rdASEANSummit/chairmans%20statementfor%20the%2016th%20asean-china%20summit%20-%20final%203.pdf

2. ASEAN. (2020, November). Summary of the Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement. Retrieved from https://asean.org/storage/2020/11/Summary-of-the-RCEP-Agreement.pdf

3. China, Japan and South Korea Are 'the Big Winners' As Major Trade Deal is Signed, Economist Explains. (2020, November 19). Sputnik News. Retrieved from https://sputniknews.com/analysis/202011191081211711-china-japan-and-south-korea-are-the-big-winners-as-major-trade-deal-is-signed-economist-explains/

4. China, Japan, 14 other Asian nations to start trade talks. (2013, April 26). Japan Today. Retrieved from http://www.japantoday.com/category/politics/view/china-japan-14-other-asian-nations-to-start-trade-talks

5. Commentary: RCEP agreement victory for multilateralism, free trade. (2020, November 16). Xinhua. Retrieved from http://www.xinhuanet.com/english/2020-11/16/c_139519866.htm

6. Commentary: The RCEP will change the economics and politics of the region. (2020, November 18). Channel News Asia. Retrieved from https://www.channelnewsasia.com/news/commentary/asean-rcep-trade-agreement-cptpp-japan-china-us-summit-diplomacy-13577546

7. India has good reason to reject the RCEP. (2020, November 15). Asia Times. Retrieved from https://asiatimes.com/2020/11/india-has-good-reason-to-reject-the-rcep/

8. RCEP will boost Asia Pacific economies, aid Covid recovery. (2020, November 16). New Strait Times. Retrieved from https://www.nst.com.my/opinion/letters/2020/11/641570/rcep-will-boost-asia-pacific-economies-aid-covid-recovery

9. U.S. underscores commitment to Indo-Pacific region after RCEP deal. (2019, November 5). Yonhap. Retrieved from https://en.yna.co.kr/view/AEN20191105000252325?section=national/diplomacy

10. World’s largest trade pact signed by ASEAN countries and five partners. (2020, November 15). Vietnam News. Retrieved from https://vietnamnews.vn/economy/806645/worlds-largest-trade-pact-signed-by-asean-countries-and-five-partners.html

--------------------------