สงครามใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ภายใต้หลักคิดของรัฐบาลสหรัฐมองว่ากำลังถูกคุกคาม ประเทศตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงจำแก้ไข เกิดความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์
ประการแรก
สนธิสัญญานิวเคลียร์หลายฉบับถูกฉีก
เช่น
ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง
(Intermediate Nuclear Forces treaty) Open Skies Treaty (ยอมให้เครื่องบินลาดตระเวนของอีกประเทศบินเหนือน่านฟ้า
ไม่มีพื้นที่ยกเว้น เพื่อลาดตระเวนถ่ายรูป การจัดวาง การเคลื่อนย้ายกำลังพลอีกฝ่าย
รวมทั้งที่ตั้งนิวเคลียร์)
เป็นหลักฐานว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคมหาอำนาจนิวเคลียร์ต่างคนต่างคิด ต่างสะสมอาวุธนิวเคลียร์
ประการที่ 2 การปิดล้อมจีน
ยุทธศาสตร์ในสมัยทรัมป์ประกาศชัดว่าจีนคือรัฐปรปักษ์ ความบาดหมางลงลึกไปถึงระดับประชาชน
คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยเกลียดชังคนจีนด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเป็นคนจีน
ทรัมป์ฉีกทิ้งสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางเพียงฝ่ายเดียว อ้างว่ารัสเซียละเมิดสนธิสัญญามานานแล้ว
(สนธิสัญญานี้เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้าด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป)
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับจีนโดยตรง มีข่าวหลายชิ้นบอกว่ารัฐบาลทรัมป์หวังติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในแถบเอเชียแปซิฟิกด้วย
(ไม่ใช่แค่ยุโรปอีกแล้ว) รัฐบาลสหรัฐอยากติดตั้งในออสเตรเลีย สมาชิกอาเซียน แม้รัฐบาลออสเตรเลียกับฟิลิปปินส์ปฏิเสธไปแล้วแต่รัฐบาลสหรัฐไม่ลดละความพยายาม
ยังเสาะหาประเทศในเอเชียที่ยอมให้ติดตั้งนิวเคลียร์ของตน
ล่าสุดรายงานกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่นำเสนอเมื่อต้นเดือนกันยายนเผยจีนมีแผนเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์เท่าตัว
มีขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงใส่อเมริกาได้ทุกจุดและใกล้จะสามารถยิงอาวุธนิวเคลียร์จากภาคพื้นดิน
อากาศและทะเล ครบ 3 วิธีแต่จีนปฏิเสธแผนเพิ่มหับรบนิวเคลียร์เท่าตัว
ไม่ว่าเหตุผลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เห็นชัดว่ารัฐบาลสหรัฐมุ่งที่จีนเป็นภัยคุกคามมากขึ้นซึ่งเป็นจริงอยู่ไม่น้อย
John
Mearsheimer จาก University of Chicago ชี้ว่านโยบายบรรทัดสุดท้ายของสหรัฐคือจะไม่ปล่อยให้จีนเป็นมหาอำนาจเทียบเคียงตน
ภายในแนวคิดนี้จีนกำลังก้าวขึ้นมาสุ่มเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น
ประการที่ 3 การฟื้นฟูกองกำลังนิวเคลียร์รัสเซีย
เมื่อสหภาพโซเวียตแตกและเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยขณะนั้นอ่อนแอมาก
อาวุธจำนวนมากถูกทิ้งร้าง มีคำถามว่าอาวุธนิวเคลียร์ยังเก็บมิดชิดปลอดภัยหรือไม่ การก้าวขึ้นมาของประธานาธิบดีปูติน
นำประเทศค่อยๆ ฟื้นตัว ไม่กี่ปีหลังนี้พัฒนาอาวุธใหม่ๆ เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอแวนกาจด์
(Avangard) ที่บอกว่าสามารถหลบรอดระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐ
ในมุมมองของสหรัฐ
การฟื้นตัวของรัสเซีย ความร่วมมือทางทหารระหว่างจีนกับรัสเซียเพิ่มความกังวลเป็น 2
เท่า
ประการที่
4 สหรัฐปรับยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ครั้งใหญ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลจีน
รัสเซีย การคงความเป็นเจ้าของสหรัฐ เหล่านี้เป็นเหตุผลมากพอที่รัฐบาลประกาศพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่
ยุทธศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ (Nuclear Posture Review: NPR) ฉบับล่าสุดปี
2018 ประกาศชัดว่า รัฐบาลมีหน้าที่คงกำลังอาวุธนิวเคลียร์ให้เหนือทุกประเทศใดโลก
ด้วยความเชื่อว่านอกจากปลอดภัยแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเจรจา
เรื่องนี้สัมพันธ์กับเศรษฐกิจประเทศโดยตรง
บริบทโลกในขณะนี้และอนาคตอันใกล้ล้วนชี้ว่าชาติมหาอำนาจทั้ง
3 เผชิญหน้าทางทหารมากขึ้น แน่นอนว่าหมายถึงอาวุธนิวเคลียร์ด้วย
ประการที่
5 สหรัฐมีนโยบายยิงก่อนถ้าจำเป็น
รัฐบาลสหรัฐรวมทั้งนักวิชาการหลายคนพยายามพูดว่าสหรัฐจะไม่เป็นฝ่ายยิงก่อน
โอกาสที่จะใช้นิวเคลียร์มีน้อยมากและปกติไม่คิดจะใช้เลย คำอธิบายทำนองนี้ชี้ว่าโอกาสใช้น้อยมากแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช้เลย
รวมถึงเป็นฝ่ายใช้ก่อนด้วย
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่านับจากโลกมีอาวุธนิวเคลียร์ถูกใช้ไปแล้ว
2 ลูก สหรัฐใช้ระเบิดนิวเคลียร์ 2 ลูกเพื่อหยุดญี่ปุ่น
คนอเมริกันสมัยนั้นส่วนใหญ่เห็นด้วย สงครามเกาหลี (1950-53)
เป็นอีกครั้งที่สหรัฐคิดใช้ระเบิดนิวเคลียร์ นายพลดักลาส แมกอาร์เธอร์ (Douglas
MacArthur) เสนอให้โจมตีจีนด้วยอาวุธนิวเคลียร์
แต่ประธานาธิบดีทรูแมนไม่เห็นชอบ
โอกาสที่จะใช้จึงมีและเคยทำมาแล้ว
ประการที่
6 กระแสสงครามล้างโลก
มีกลุ่มคนที่คิดถึงเรื่องสงครามล้างโลกอยู่เสมอ
เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์
คนเหล่านี้มักจะพูดในทำนองว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้ว เช่น กรณีอิรักในสมัยซัดดัม
ฮุสเซน ความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถาน การทดลองนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
ปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้าย รวมทั้งการเผชิญหน้าระหว่างชาติมหาอำนาจในขณะนี้
ถ้าติดตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่างๆ ย้อนหลัง 10 ปี 20 ปี 30
ปีหรือไกลกว่านั้น (ยุคสงครามเย็น) แทบทุกปีจะมีคนพูดว่าจะเกิดสงครามล้างโลกแล้ว การเอ่ยถึงสงครามล้างโลกบ่อยๆ
ทำให้เกิดกระแสคิดว่าสงครามนิวเคลียร์ใกล้แล้ว หลายคนพลอยคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้ไม่อยากให้เกิดแต่ยอมรับว่าวันหนึ่งเป็นเช่นนั้น
โดยรวมแล้ว ชาติมหาอำนาจขัดแย้งกันมากขึ้น เผชิญหน้ากันมากขึ้น หลายคนชี้ว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคสงครามเย็นใหม่อีกครั้ง
จึงไม่แปลกถ้าจะพูดว่าโลกเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์เหมือนยุคสงครามเย็นที่ต่างฝ่ายต่างสะสมนิวเคลียร์จำนวนมาก
แสดงท่าทีพร้อมใช้ถ้าจำเป็น เกิดวิกฤตใกล้นิวเคลียร์เป็นระยะ
ต้องจับตาท่าทีรัฐบาลสหรัฐเพราะมีแนวโน้มว่าสหรัฐจะเป็นฝ่ายข่มขู่ยั่วยุก่อน
รัฐบาลสหรัฐจะแสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้น
จับตาการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์ปี 2021 :
New
Strategic Arms Reduction Treaty (New START) เป็นสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐกับรัสเซียฉบับเกิดเมื่อปี
2010 จำกัดการเก็บสะสมนิวเคลียร์ สนธิสัญญานี้จะหมดอายุในกุมภาพันธ์ 2021
รัฐบาลทรัมป์แสดงท่าทีชัดเจนว่าการเจรจารอบใหม่จะต้องมีจีนร่วมโต๊ะเจรจา
เป็นไปได้ว่าสหรัฐต้องการปรับเงื่อนไขนิวเคลียร์ใหม่หมด
(เป็นที่มาของการฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์พิสัยกลางกับ Open Skies Treaty ก่อนหน้านี้) ซึ่งจีนแสดงท่าทีเรื่อยมาว่าไม่เห็นด้วย ตั้งเงื่อนไขว่าจะเข้าร่วมเจรจาหากจีนเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์เท่ากับสหรัฐ
หรือสหรัฐจะปรับลดจำนวนหัวรบให้เท่ากับจีน (ปัจจุบันสหรัฐกับรัสเซียมีประเทศละ 6
พันหัวรบ ส่วนจีนมี 300 หัวรบ)
อีกแนวทางคือจีนพร้อมเจรจานิวเคลียร์ในหมู่
5 สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (สหรัฐ รัสเซีย จีน
สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส) ไม่ใช่แค่ 3 ประเทศตามที่เสนอมา
ประเด็นอยู่ที่จีนต้องการเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ยืนได้ด้วยขาตัวเอง
ไม่พึ่งความมั่นคงจากรัสเซีย เป็นไปได้ว่าจีนจะค่อยๆ เพิ่มกำลังรบนิวเคลียร์ตามหลักคิดประเทศที่ก้าวขึ้นมาต้องก้าวขึ้นมาทุกด้าน
ไม่เฉพาะเศรษฐกิจเท่านั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าจีนพัฒนาและขยายแสนยานุภาพทางทหาร
รัฐบาลจีนไม่ยอมให้ก้มหัวให้ใคร จีนมีศักยภาพที่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ให้มากเท่าสหรัฐ
อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่
เป็นไปได้ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจใช้เรื่องนี้ยกเลิกสนธิสัญญาดังกล่าว
เปิดทางสร้างสะสมอาวุธนิวเคลียร์ตามใจชอบ ปี 2021 จะเป็นปีแห่งความวิตกกังวลเมื่อชาติมหาอำนาจขัดแย้งเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
เป็นส่วนหนึ่งของการเผชิญหน้าการบั่นทอนบ่อนทำลายอีกฝ่าย
6 กันยายน
2020
ชาญชัย
คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน
คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่
24 ฉบับที่ 8700 วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563)
--------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
วิพากษ์ความคิดรัฐบาลสหรัฐผู้ล้างสัญญานิวเคลียร์
INF
การล้มสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF)
เปิดโอกาสให้รัฐบาลสหรัฐสามารถยกเครื่องกองกำลังนิวเคลียร์ของตนใหม่ทั้งหมด
คงความเป็นเจ้าโลกด้านอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปอีกนาน
การป้องปรามนิวเคลียร์ (Nuclear Deterrence)
นับจากหลายประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์ก็ไม่มีใครใช้อีก
นับว่าการป้องปรามได้ผล แต่ความสำเร็จในอดีตไม่เป็นเหตุจะรักษาไว้ได้ตลอดไป
โอกาสเกิดสงครามนิวเคลียร์จึงมีอยู่เสมออยู่ตราบเท่าที่โลกมีอาวุธชนิดนี้
โลกเข้าสู่ยุคสงครามนิวเคลียร์ สหรัฐจะชิงลงมือก่อน?
โอกาสเกิดสงครามล้างโลกนิวเคลียร์เป็นไปได้น้อยมาก
ที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นคือสหรัฐจะเป็นผู้ลงมือใช้ก่อนกับประเทศเล็กๆ
เหตุผลที่โลกไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์
ทุกวันนี้การเปิดฉากทำสงครามเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับนานาชาติ ไม่อาจเกิดขึ้นง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ชั่ววูบภายใต้การตัดสินใจของไม่กี่คน ยิ่งเป็นสงครามนิวเคลียร์ยิ่งเป็นไปได้ยากมาก
1. Australia
rules out hosting US missiles. (2019, August 5). Arab News. Retrieved
from http://www.arabnews.com/node/1535676/world
2. Beal, Tim. (2005). North Korea: The Struggle Against
American Power. London: Pluto Press.
3. Beijing to Join US-Russia Talks If
US Cuts Nukes to Chinese Level, China's Foreign Ministry Says. (2020,
July 8). Sputnik News. Retrieved from https://sputniknews.com/world/202007081079824464-beijing-to-join-us-russia-talks-if-us-cuts-nukes-to-chinese-level-chinas-foreign-ministry-says/
4. China firmly opposes U.S. report on Chinese military. (2020, September 2). Xinhua. Retrieved
from http://www.xinhuanet.com/english/2020-09/02/c_139338038.htm
5. China planning to double its
stockpile of nuclear warheads: Pentagon. (2020, September
1). Fox News. Retrieved from https://www.foxnews.com/politics/china-double-nuclear-warheads-pentagon
6. Dockrill, Michael L., Hopkins, Michael F. (2006). The
Cold War 1945-91 (2nd Ed.). New York: Palgrave Macmillan.
7. Huge gap between Chinese and US
nuclear arsenals causes concerns. (2020, July 7). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/content/1193892.shtml
8. INTERVIEW/ John Mearsheimer: U.S.-China rift runs real
risk of escalating into a nuclear war. (2020, August 17). The Asahi Shimbun. Retrieved from http://www.asahi.com/ajw/articles/13629071
9. New START talks cannot include China.
(2019, April 29). Global Times.
Retrieved from http://www.globaltimes.cn/content/1147895.shtml
10. ‘The
end of us all!’ Duterte will NEVER let US deploy nukes & mid-range missiles
in the Philippines. (2019, August 7). Al Arabiya. Retrieved from
https://www.rt.com/news/465940-manila-no-us-nukes-inf/
11. U.S.
Department of Defense. (2018). Nuclear Posture Review 2018. Retrieved from
https://media.defense.gov/2018/Feb/02/2001872886/-1/-1/1/2018-NUCLEAR-POSTURE-REVIEW-FINAL-REPORT.PDF
12. Wirtz, James J., Larsen, Jeffrey A. (2005). Nuclear
Transformation: The New Nuclear U.S. Doctrine. New York: PALGRAVE MACMILLAN.
--------------------------