มหันตภัยคุกคามจากจีนในมุมมองของ โอริตะ คูนิโอะ

โอริตะ คูนิโอะ แสดงความคิดเห็นว่าภายในปี 2025 จีนจะก่อสงครามใหญ่ เพื่อยึดครองไต้หวัน ควบคุมทะเลจีนใต้ ข้อวิพากษ์คืออย่างไรเป็นประโยชน์ต่อจีนมากกว่าระหว่างสงครามกับสันติภาพ

            เป็นคำถามมานานแล้วว่าจีนที่เติบโตทางเศรษฐกิจ ขยายอิทธิพลทุกด้านเป็นประโยชน์หรือเป็นภัยต่อนานาชาติ ในขณะที่รัฐบาลจีนยืนยันเสียงเดียวว่าจีนก้าวขึ้นอย่างสันติ
กลางเดือนมกราคม 2019 โอริตะ คูนิโอะ (Orita Kunio) อดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศญี่ปุ่น ฝ่ายสนับสนุนทางอากาศ (Air Support Commander) ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามร้ายแรง เพราะมียุทธศาสตร์แผ่ขยายอำนาจ ต้องการเป็นเจ้าในภูมิภาคเพียงผู้เดียว คาดว่าจีนจะผนวกไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศระหว่างช่วงปี 2020-2025
            จากนั้นจะเข้าควบคุมทะเลจีนใต้ให้ได้ภายในปี 2040 ถ้าจีนสามารถกัดสหรัฐออกจากทะเลจีนใต้ จีนจะควบคุมเส้นทางเดินเรือของเอเชียตะวันออกทั้งหมด ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเคยกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และอาหารจากต่างชาติเป็นประโยชน์สำคัญยิ่งของญี่ปุ่น ส่งผลต่อความปลอดภัยและการดำรงอยู่ของญี่ปุ่นอย่างร้ายแรงถ้าถูกตัด”
โอริตะอธิบายว่าจีนจะเริ่มด้วยการยึดหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ (Scarborough Shoal) ตั้งฐานที่มั่นที่นั่น พร้อมกับที่กองเรือจีนจะเข้าควบคุมติดตามเรือทุกลำที่แล่นเข้ามาในทะเลจีนใต้ ถ้าไต้หวันโดนยึด ฟิลิปปินส์จะถูกกดดันให้ยอมรับความเป็นเจ้าของจีน ผลคือเรือต่างชาติจะต้องเปลี่ยนเส้นทาง ไปใช้เส้นทางอ้อมตอนใต้ของฟิลิปปินส์
            จุดตัดสินคือหากวันใดจีนสามารถยึดครองหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์เท่ากับเป็นฝ่ายได้ชัยในเกมนี้ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นจะสามารถโจมตีทุกประเทศในภูมิภาค โจมตีฮาวายและย่านชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาด้วยนิวเคลียร์
จากนั้นจีนจะเข้ายึดครองหมู่เกาะเซนกากุ/เตียวหยู (Senkaku/Diaoyu Islands) และเกาะโอกินาวา (Okinawa) ภายในปี 2045

ผู้ควบคุมทะเลจีนใต้คือผู้เป็นเจ้าในภูมิภาค :
            โอริตะให้ภาพว่าผู้ควบคุมทะเลจีนใต้คือผู้เป็นเจ้าในภูมิภาค ถ้าทำได้จริงเป็นไปได้ว่าหลายประเทศในภูมิภาคจะหันเข้าหาจีนมากขึ้นด้วยเหตุผลหวังให้เรือของตนอาศัยเส้นทางผ่านทะเลจีนใต้ และยอมรับความเป็นเจ้าของจีนในย่านนี้
            ในอีกด้านจะหมายถึงสหรัฐกับญี่ปุ่นสูญเสียพันธมิตรย่านนี้ หลายประเทศจะตีตัวออกห่าง เป็นประเด็นที่ญี่ปุ่นกังวล
ผลกระทบในทางกว้างหากจีนใช้กำลังยึดไต้หวัน :
ผลโพลจาก Taiwanese Public Opinion Foundation (TPOF)  นำเสนอเมื่อ 22 มกราคม 2019 ระบุว่าคนไต้หวันร้อยละ 25 ยอมรับแนวคิด 1 ประเทศ 2 ระบบร้อยละ 68 ไม่ยอมรับ หลักการจีนเดียว(one-China principle) ที่น่าสนใจคือร้อยละ 47.5 เห็นว่าในอนาคตไต้หวันควรประกาศเอกราช  ผู้เห็นด้วยกับแนวทางประกาศเอกราชเพิ่มขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ใน 1 เดือน หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิงพูดทำนองข่มขู่ไต้หวัน พร้อมใช้กำลังเข้ายึดครองไต้หวันถ้าจำเป็น
            อันที่จริงแล้วรัฐบาลจีนยังไม่ได้คาดคั้น ข้อสำคัญคือไต้หวันต้องไม่ประกาศเอกราชเป็นรัฐอธิปไตย
            หากจีนใช้กำลังเข้ายึดไต้หวัน ต้องพิจารณาว่าทำเพราะรัฐบาลไต้หวันประกาศเอกราชหรือไม่ หากรัฐบาลไต้หวันไม่ได้ทำเช่นนั้นและจีนเข้ายึดดื้อๆ เช่นนี้ย่อมตีถูกตีความว่ารัฐบาลจีนทิ้งแนวทางการก้าวขึ้นอย่างสันติที่ประกาศเรื่อยมา จะเป็นแรงผลักดันหันไปอิงแอบกับสหรัฐฯ มากขึ้น สมดุลอำนาจภูมิภาคจะเปลี่ยนไป เป็นประโยชน์ต่อขั้วสหรัฐฯ มากขึ้น

จะเกิดสงครามใหญ่หรือไม่ :
            โอริตะเอ่ยถึงสงครามใหญ่จะเกิดขึ้นครั้งแรกในภายในปี 2025 ด้วยเหตุจีนยึดไต้หวัน
ปี 1954 รัฐบาลสหรัฐทำสนธิสัญญาป้องกันประเทศ (Mutual Defense Treaty) กับไต้หวัน กองทัพเรือที่ 7 เฝ้าระวังช่องแคบไต้หวัน ป้องกันมิให้จีนส่งกองทัพขึ้นบกไต้หวัน ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจำนวนมาก ความมั่นคงทหารทางของไต้หวันอยู่ในมือของกองทัพสหรัฐโดยแท้
แต่เมื่อสหรัฐกับจีนร่วมมือกันต้านสหภาพโซเวียตในทศวรรษ 1970 รัฐบาลนิกสันจะปรับเปลี่ยนนโยบายในปี 1972 ยอมรับว่า “ไม่ว่าจะฝั่งใดของช่องแคบไต้หวันเป็นจีนหนึ่งเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน สหรัฐจะไม่ท้าทายท่าทีดังกล่าว” เป็นการยอมรับนโยบายจีนเดียว (one China policy) ของจีน
เป็นต้นเหตุให้รัฐบาลสหรัฐตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐจีน หรือนิยมเรียกว่าประเทศไต้หวันตั้งแต่ปี 1979 ในสมัยประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter)
            ดังนั้น หากไต้หวันประกาศเอกราชฝ่ายสหรัฐอาจไม่ให้การปกป้องตามสนธิสัญญาป้องกันประเทศที่ทำไว้ก็เป็นได้ คำถามสุดท้ายคือรัฐบาลสหรัฐพร้อมสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลเพื่อเกาะไต้หวัน เพื่อชาวไต้หวัน 20 กว่าล้านคนหรือ
            การบรรยายฉากทัศน์สงครามเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดและมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่สุดเช่นกัน ที่เป็นไปได้มากกว่าคือก่อนที่รัฐบาลไต้หวันจะทำการยั่วยุใดๆ ไต้หวันจะหารือสหรัฐก่อน ดังนั้น จีนจะไม่ส่งกองทัพยึดไต้หวัน เช่นเดียวกับที่ไต้หวันจะไม่ประกาศเอกราช เพราะความสงบสันติคือสภาพที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์มากที่สุด สุ่มเสี่ยงน้อยที่สุด
            คำพยากรณ์ของโอริตะจะเป็นจริงหรือไม่ กาลเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์เอง
            อาจารย์โอริตะยังเอ่ยถึงจีนเข้ายึดโอกินาวาภายในปี 2045 เกาะโอกินาวาเป็นของญี่ปุ่นโดยชอบ เป็นที่ตั้งฐานทัพอเมริกา หากจีนรุกรานเกาะนี้ย่อมเกิดสงครามใหญ่ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นและสหรัฐจึงเป็นคำถามว่ารัฐบาลจีนต้องการเปิดฉากทำสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐหรือ
            การเอ่ยถึงโอกินาวาน่าจะเป็นปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อให้คนญี่ปุ่นตื่นตัว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นบนเกาะต่อต้านทหารอเมริกันแบบถวายหัว การเอ่ยถึงโอกินาวาน่าจะเป็นการกระตุ้นความรักชาติของคนญี่ปุ่นยุคนี้
โลกที่ต้องเลือกข้าง? :
            ประเด็นสุดท้ายที่โอริตะทิ้งท้ายคือขอให้นานาประเทศเลือกข้าง ตีตราว่าฝ่ายสหรัฐคือขั้วโลกเสรีตามคตินิยมสมัยสงครามเย็น คำถามคือแนวคิดนี้ยังใช้ได้มากน้อยเพียงไร เพราะความเข้าใจการเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบันกระจายตัวในหมู่ประชาชนมากขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นคือรัฐบาลในหมู่ประเทศอาเซียนจะต่อต้านจีนด้วยเหตุผลเรื่องโลกเสรีนิยมอีกหรืออีกทั้งได้ผลประโยชน์การค้ากับจีนซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่จับต้องได้เป็นที่ต้องการของทุกรัฐบาล ประเด็นนี้อาเซียนตัดสินใจมานานแล้วว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ของจีน
            โดยรวมแล้ว โอริตะ คูนิโอะ มองภาพจีนที่ขยายอิทธิพลทางทหารออกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะทะเลจีนใต้กับทะเลจีนตะวันออก แต่การพยากรณ์ว่าจะใช้กำลังเข้ายึดไต้หวัน เกาะโอกินาวา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจีนจะใช้วิธีที่สุ่มเสี่ยงเช่นนั้นหรือ คำถามที่ควรระลึกเสมอคืออะไรคือวัตถุประสงค์ของการขยายอิทธิพลจีน ไต้หวันที่อยู่ดีกินดี สงบรุ่งเรืองเป็นประโยชน์ต่อจีนมากกว่าหรือไม่ ทำนองเดียวกับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น จะมีประโยชน์อันใดหากเกิดสงครามนิวเคลียร์เพราะจีนใช้กำลังทหารรุกรานเกาะโอกินาวา
            อาจตีความว่าการคาดการสถานการณ์อย่างรุนแรงเลวร้ายเพื่อเรียกร้องให้นานาชาติถอยห่างจากจีน กระชับความสัมพันธ์กับฝ่ายสหรัฐและญี่ปุ่นแทน เป็นไปได้ว่าประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิกกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าควรปรับสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดฝ่ายสหรัฐมากขึ้นหากจีนไม่ได้ “ก้าวขึ้นมาอย่างสันติ”
            แต่ในมุมมองกลับกัน หากหลีกเลี่ยงการก้าวขึ้นมาของจีนไม่ได้ และเพื่อต่อรองกับความเป็นอภิมหาอำนาจของสหรัฐ การให้จีนก้าวขึ้นมาอาจเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน
            เป็นยุทธศาสตร์ของหมู่ประเทศที่เล็กกว่าที่พยายามสร้างสมดุลอำนาจในภูมิภาค
กรณีญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่เอ่ยถึง แท้จริงแล้วทุกประเทศในย่านนี้มีสภาพเป็นเช่นญี่ปุ่นไม่มากก็น้อย ต่างต้องอาศัยการขนส่งทางน้ำนำเข้า-ส่งออกสินค้าจำนวนมาก
            ดังที่รับรู้กันว่าผู้ควบคุมทะเลจีนใต้คือผู้ควบคุมภูมิภาค เพียงแค่สามารถควบคุมเส้นทางเดินเรือก็ได้ชัยชนะแล้ว
24 มีนาคม 2019
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ สถานการณ์โลกไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8169 วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562)
----------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง 
สหรัฐชอบธรรมที่จะยกเลิกนโยบายจีนเดียว
ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้ทบทวนนโยบายจีนเดียว หวังใช้เป็นเครื่องมือเจรจาแก้ปัญหาการค้าจีน  ฝ่ายจีนแสดงท่าทีแข็งกร้าวชี้ว่าเกี่ยวข้องกับอธิปไตยไต้หวัน เป็นเรื่องที่ยอมให้ไม่ได้ ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้รัฐบาลจีนได้ละเมิดนโยบายจีนเดียวมานานแล้ว ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐมีความชอบธรรมที่จะละเมิดหรือยกเลิก แต่จะได้ผลดีหรือผลเสียมากกว่า เพราะต้องคำนึงปัจจัยไต้หวันและอื่นๆ
เป็นครั้งแรกใน 65 ปีที่เจ้าหน้าที่รัฐไต้หวันกับเจ้าหน้าที่รัฐจีนได้ประชุมหารืออย่างเป็นทางการ หลังจาก 2 ฝ่ายได้กระชับความสัมพันธ์ในหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นถกเถียงลึกๆ ยังเป็นเรื่องการรวมชาติ แต่เรื่องเฉพาะหน้าที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันคือเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์มาโดยตลอด และเห็นว่าควรกระชับความสัมพันธ์ให้มากขึ้นกว่านี้ แม้ว่าไต้หวันจะเป็นผู้ออกหน้าก็ตาม
บรรณานุกรม :
1. China plans to take Taiwan by 2025, Okinawa by 2045: Fmr Japan Air Force Commander. (2019, January 15). Taiwan News. Retrieved from https://www.taiwannews.com.tw/en/news/3617624
2. China, Taiwan hold first direct talks since 1949 split. (2014, February 11). The Washington Post. Retrieved from http://www.washingtonpost.com/world/china-taiwan-hold-first-direct-talks-since-1949-split/2014/02/11/beea8a92-92f3-11e3-b3f7-f5107432ca45_story.html
3. Critics: What defines the conditions for military force? (2014, July 1). The Japan Times.  Retrieved from http://www.japantimes.co.jp/news/2014/07/01/national/politics-diplomacy/critics-restraints-overly-ambiguous/#.U7PEuZSSzck
4. Jakobson, Linda. (2013, February).  China's Foreign Policy Dilemma. Lowy Institute for International Policy. Retrieved from http://www.isn.ethz.ch/Digital-Library/Publications/Detail/?lng=en&id=159724
5. Jiu-Hwa Lo Upshur. (2008). Taiwan (Republic of China). In Encyclopedia of World History. (Vol. 6., pp. 411-412). New York: Infobase Publishing.
6. Taiwan rejects ‘one-China principle' as support for independence rises: poll. (2019, January 22). Taiwan News. Retrieved from https://www.taiwannews.com.tw/en/news/3622244
7. Trump draws rebukes after saying U.S. isn’t bound by One China policy. (2016, December 12). The Washington Post. Retrieved from https://www.washingtonpost.com/world/chinese-paper-calls-trump-as-ignorant-as-a-childafter-taiwan-comment/2016/12/12/d91fbaea-c02c-11e6-b20d-3075b273feeb_story.html
8. US report says rapidly modernizing Chinese military has set sights on Taiwan. (2019, January 15). CNN. Retrieved from https://edition.cnn.com/2019/01/15/politics/china-military-report/index.html
9. Zhang, Qingmin. (2011). China’s Diplomacy. Singapore: Cengage Learning Asia.
-----------------------------