‘อิซูโม’ ภาพสะท้อนความมั่นคงเอเชียแปซิฟิก การประชันกำลังระหว่างญี่ปุ่น จีนและสหรัฐฯ

ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทางการญี่ปุ่นเปิดตัวเรือรบลำใหม่ เรือลำดังกล่าวกล่าวมีลักษณะโดดเด่นหลายประการ เริ่มจากเป็นเรือรบที่ประเทศญี่ปุ่นต่อขึ้นเองและมีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา คือมีขนาดความยาว 248 เมตร มีระวางขับน้ำเต็มที่ 24,000 ตัน ตั้งชื่อเรือว่า อิซูโม (Izumo) ทางการญี่ปุ่นจัดให้เรือดังกล่าวเป็นเรือพิฆาต สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์จำนวน 9-14 ลำ คาดว่าจะเริ่มเข้าประจำการในปี 2015
            อาจย้อนอดีต ญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินมานานแล้ว เมื่อเริ่มสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1941 ญี่ปุ่นในขณะนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีกองเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก เป็นผู้สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสมัยนั้น คือเรือชินาโน (Shinano) มีระวางขับน้ำถึง 62,000 ตัน (หรือหนักกว่าเรือจักรีนฤเบศรกว่า 5 เท่า) กองทัพญี่ปุ่นอาศัยกองเรือบรรทุกเครื่องบินส่งเครื่องบินรุกรานหลายประเทศ รวมทั้งการโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกเต็มตัว
ข้อวิพากษ์เรืออิซูโม:
            นับจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมากองทัพญี่ปุ่นอยู่ในฐานะเป็นกองกำลังป้องกันตนเอง รัฐธรรมนูญจำกัดบทบาทกองทัพหวังไม่ให้เป็นผู้ก่อสงครามอีก การต่อเรืออิซูโมมีข้อวิพากษ์หลายประการ ดังนี้
            ประการแรกคือ ทางการญี่ปุ่นกำหนดให้เรืออิซูโมจัดอยู่ในชั้นเรือพิฆาต มีหน้าที่ตรวจตราเฝ้าระวังและเป็นเรือกู้ภัยเมื่อเกิดเหตุวิกฤต (surveillance and humanitarian assistance and disaster relied missions) แต่โดยหลักการเรือพิฆาตหมายถึงเรือที่มีภารกิจหลักเพื่อปราบเรือดำน้ำ ในขณะที่เรือพิฆาตสมัยใหม่สามารถปฏิบัติได้หลากหลายภารกิจทั้งเชิงรุกเชิงรับ เป็นข้อสงสัยเบื้องต้นว่าการจัดชั้นให้เป็นเรือพิฆาตนั้นตรงกับภารกิจที่ประกาศไว้หรือไม่

            ประการที่สอง เรืออิซูโมสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ราว 9-14 เครื่อง การที่เรือรบซึ่งมีศักยภาพกำหนดให้เป็นเรือพิฆาตแต่ต้องทำหน้าที่เป็นฐานบินลอยน้ำของอากาศยานเป็นเรื่องไม่สมเหตุผลและเข้ากันไม่ได้ หากจะทำหน้าที่เป็นเรือพิฆาตก็ไม่ควรทำหน้าที่เป็นฐานบินลอยน้ำ
            โดยทั่วไปเรือพิฆาตมีเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือเพียง 1-2 เครื่อง เป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับภารกิจของเรือพิฆาต ช่วยให้เรือมีความคล่องตัว ไม่ใหญ่เทอะทะ ทำหน้าที่เรือพิฆาตได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณเมื่อเทียบกับเรืออิซูโมซึ่งมีขนาดใหญ่ การสร้างเรืออิซูโมเพื่อภารกิจของเรือพิฆาตจึงเหมือนเป็นการสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากโดยใช่เหตุ
            มีข้อมูลที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับเรือหลวงจักรีนฤเบศรของไทย เรือหลวงจักรีนฤเบศรถูกจัดชั้นว่าเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมีขนาดเล็กกว่าอย่างชัดเจน คือมีความยาวตลอดลำเพียง 182.6 เมตร ระวางขับน้ำเต็มที่ 11,544 ตัน อากาศยานประจำเรือประกอบด้วยเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งแบบ AV-8S จำนวน 9 เครื่อง กับเฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B จำนวน 6 เครื่อง ส่วนเรืออิซูโมยาว 248 เมตร ระวางขับน้ำ 24,000 ตัน บรรทุกอากาศยานจำนวนใกล้เคียงกับหลวงจักรีนฤเบศร
            เมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นกับฝ่ายอักษะเป็นฝ่ายปราชัยพ่ายแพ้สงคราม เป็นธรรมดาที่ประเทศเหล่านี้จะถูกจำกัดขนาดกองทัพอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้ก่อสงครามขึ้นอีก ภายใต้รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นปัจจุบันจึงจำกัดให้กองทัพมีอาวุธเพื่อการป้องกันตนเองเท่านั้น เรือบรรทุกเครื่องบินให้ภาพของอาวุธเชิงรุกมากกว่าเชิงรับไม่เหมาะสมที่ญี่ปุ่นจะมีอาวุธดังกล่าว ข้อจำกัดจากรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องเลือกที่จะกำหนดให้เรืออิซูโมอยู่ในชั้นเรือพิฆาต ทั้งๆ ที่มีลักษณะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินมากกว่า

            ประการที่สาม ไม่ว่าญี่ปุ่นจะจัดชั้นเรืออิซูโมว่าเป็นเรือพิฆาตหรือเรืออะไรก็ตาม สมรรถนะของเรือคือสามารถบรรทุกอากาศยานระหว่าง 9-14 ลำ แม้ว่าในขณะนี้ทางการญี่ปุ่นจะอ้างว่าเพื่อบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนประเมินว่าเรือดังกล่าวสามารถบรรทุกเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งรุ่นล่าสุด F-35 ของสหรัฐฯ ที่ญี่ปุ่นกำลังเจรจาขอซื้อ
            เครื่องบิน F-35 Lightning II เป็นเครื่องบินรบเอนกประสงค์รุ่นล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเครื่องบินรบหลักที่พัฒนาเพื่อทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่าหลายชนิด (เช่น F-16, A-10, F/A-18, AV-8B) สามารถบินล่องหน หลบหลีกการตรวจจับของเรดาห์ สามารถปล่อยขีปนาวุธทั้งอากาศสู่อากาศกับอากาศสู่ภาคพื้นรุ่นล่าสุดหลากหลายชนิด ปฏิบัติภารกิจได้ทั้งเชิงรุกเชิงรับ
            ขีดความสามารถของเรืออิซูโมจึงขึ้นกับอาวุธที่ติดตั้ง โดยเฉพาะอากาศยานที่ประจำการบนเรือ หากบรรทุกเครื่องบิน F-35 จะส่งผลทำให้เรือมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เรื่องการบรรทุกเครื่องบิน F-35 เป็นเพียงสมมุติฐานที่รอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

            ประการที่สี่ ญี่ปุ่นอ้างว่าหวังใช้เรือดังกล่าวเพื่อลาดตระเวน ป้องกันหมู่เกาะเซนกากุที่กำลังมีข้อพิพาทกับจีน แต่ความจริงแล้วปัจจุบันเรือรบ เรือตรวจการยามฝั่งและเครื่องบินลาดตระเวนญี่ปุ่นได้ทำการเฝ้าระวังเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องระยะทาง ที่สำคัญคือหมู่เกาะเซนกากุอยู่ห่างจากหมู่เกาะโอกินาวา อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เพียง 225 ไมล์ทะเล (410 กิโลเมตร) เท่านั้น หากเกิดสงครามขนาดใหญ่ขึ้นจริง ฐานทัพที่โอกินาวาคือจุดที่ใกล้ที่สุดและมีศักยภาพสูงสุด

            การที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล้าที่จะต่อและประจำการเรือดังกล่าวจึงเป็นเรื่องน่าวิตกของจีน เพราะแม้ผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่สองเกือบ 7 ทศวรรษ ญี่ปุ่นสามารถสร้างเรือบรรทุกอากาศยานรุ่นใหม่ด้วยตนเองอีกครั้ง ดังนั้น ญี่ปุ่นจะต่อเรือชนิดดังกล่าวอีกกี่ลำย่อมสามารถทำได้ หรือจะสร้างเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่านี้ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน ด้วยการวิเคราะห์ตามแนวทางนี้ญี่ปุ่นในอนาคตอาจมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่โตไม่แพ้ชาติใดในโลกก็เป็นได้

จีนกำลังพัฒนากองเรือบรรทุกเครื่องบิน:
            เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบิน จำต้องพูดถึงเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนที่ชื่อ เหลียวหนิง’ (Liaoning) เดิมเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นคุซเนตซอฟของโซเวียต ที่เริ่มต่อตั้งแต่ปี 1988 แต่เนื่องจากติดปัญหาขาดแคลนงบประมาณจึงสร้างไม่แล้วเสร็จ ต่อมาจีนได้ขอซื้อและนำมาปรับปรุงกลายเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงในที่สุด
            เรือเหลียวหนิงมีระวางขับน้ำเต็มที่ราว 66,000 ตัน ความยาว 304 เมตร พิสัย 3,850 ไมล์ทะเล ออกปฏิบัติการได้เป็นเวลา 45 วัน คาดว่าบรรทุกเครื่องบินได้ 30 ลำ เฮลิคอปเตอร์อีก 24 ลำ ปัจจุบันเรืออยู่ระหว่างทำการทดสอบ เมื่อเทียบกับเรืออิซูโมแล้วเรือเหลียวหนิงมีน้ำหนักมากกว่าถึง 3 เท่าตัว บรรทุกอากาศยานได้มากกว่าราว 3 เท่าตัวเช่นกัน
            นอกจากนี้ มีข่าวว่าจีนกำลังอยู่ระหว่างต่อเรือบรรทุกเครื่องบินใหม่อีกลำ ที่ผ่านมาทางการจีนให้การปฏิเสธ แต่แหล่งข่าวเชื่อว่าการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่มีความเป็นไปได้เนื่องจากทางการจีนมักอ้างเสมอว่าเรือเหลียวหนิงเป็นเรือเพื่อการฝึกมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแสดงว่าในอนาคตจีนต้องมีเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างน้อยอีกหนึ่งลำสำหรับประจำการจริงๆ อย่างไรก็ตามข้อมูลเท่าที่ปรากฏยังไม่ชี้ชัดเรื่องดังกล่าว เพียงแต่การที่จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกแล้วย่อมสามารถมีเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง เป็นหลักการเดียวกับกรณีเรืออิซูโมของญี่ปุ่น
            การที่ญี่ปุ่นต่อเรืออิซูโมคือการตอบโต้ที่จีนมีเรือเหลียวหนิงหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่วิพากษ์ได้ แต่ท้ายที่สุดคือทั้งสองประเทศมีเรือบรรทุกอากาศยาน เป็นย่างก้าวการเสริมสร้างกำลังรบครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง

การปรับลดงบประมาณของสหรัฐฯ กับการก้าวขึ้นมาของญี่ปุ่น:
            การกล่าวถึงสถานการณ์ความมั่นคงเอเชียแปซิฟิกต้องกล่าวถึงสหรัฐฯ ด้วยเนื่องจากมีบทบาทสำคัญยิ่ง ดังที่ทราบกันทั่วไปว่ารัฐบาลโอบามามีแผนเคลื่อนย้ายกำลังรบจำนวนมากมาประจำภูมิภาคดังกล่าว ในขณะที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณ กระทรวงกลาโหมกำลังทบทวนปรับปรุงแผนต่างๆ เผื่อการปรับลดงบประมาณ
            ล่าสุดนายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมชี้ว่าผลการศึกษาก่อนหน้านี้กองทัพอเมริกันอาจปรับลดจำนวนทหารพร้อมรบให้เหลือ 490,000 นาย และคงกองหนุนอีก 555,000 นาย ส่วนผลการศึกษาล่าสุดแนวทางหนึ่งที่อาจเป็นไปได้คืออาจปรับลดจำนวนทหารพร้อมรบให้เหลือระหว่าง 420,000 ถึง 450,000 นาย ส่วนทหารกองหนุนจะคงเหลือ 490,000 ถึง 530,000 นาย และอาจยุบเครื่องบินทางยุทธการจำนวน 5 ฝูงบินกับฝูงเครื่องบินลำเลียง C-130 อีกหนึ่งฝูง รวมทั้งอาจลดจำนวนเรือบรรทุกเครื่องบินจาก 11 ลำให้เหลือเพียง 8-9 ลำ ทั้งนี้ขึ้นกับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศที่เลือกใช้
            ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการปรับลดกองกำลังดังกล่าวจะกระทบต่อกำลังรบสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือไม่ เพราะตามยุทธศาสตร์หวนคืนสู่เอเชียนั้นสหรัฐฯ จะเคลื่อนย้ายกำลังรบส่วนใหญ่มาประจำที่ภูมิภาคนี้ ดังนั้น การปรับลดกองกำลังจะกระทบต่อกองกำลังประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือไม่นั้นยังต้องติดตามต่อไป

            ในอีกมุมหนึ่ง ไม่ว่าสหรัฐฯ จะปรับขนาดกองกำลังอย่างไร เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลของนายอาเบะกำลังเพิ่มกำลังรบ เพิ่มบทบาทความมั่นคงของตน ด้วยเหตุผลหลายอย่างโดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาของจีน ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ นโยบายกลาโหมภายใต้รัฐบาลอาเบะมีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดหลายอย่าง
            ประการแรก ทบทวนนโยบายการใช้กำลัง ทุกวันนี้กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นสามารถโจมตีเป้าหมายทางทหารของศัตรูภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ แต่กองทัพญี่ปุ่นไม่มีอาวุธสำหรับปฏิบัติการดังกล่าวจำต้องให้สหรัฐฯ เป็นผู้โจมตี จึงมีความคิดทบทวนว่าญี่ปุ่นควรมีอาวุธเหล่านั้นหรือไม่เนื่องจากบริบทความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต นายชินโซ อาเบะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีความคิดแก้ไขกฎเกณฑ์เหล่านี้
            ประการที่สอง จัดตั้งหน่วยนาวิกโยธิน นับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองกองทัพญี่ปุ่นไม่มีหน่วยนาวิกโยธิน แต่นายกรัฐมนตรีอาเบะเห็นว่าญี่ปุ่นควรมีนาวิกโยธินเพื่อใช้ในกรณีที่ข้าศึกยึดครองหมู่เกาะต่างๆ มีแผนสั่งซื้อยานยนต์สะเทินน้ำสะเทินบกจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในการศึกษา นักวิเคราะห์คาดว่าในเบื้องต้นญี่ปุ่นควรมีนาวิกโยธินราว 3-400 นาย เพื่อใช้ในกรณียึดคืนหมู่เกาะเซนกากุหากจีนใช้กำลังเข้ายึดครอง
            ประการที่สาม การช่วยมิตรประเทศเสริมสร้างเขี้ยวเล็บ หากไม่นับรวมสหรัฐฯ กรณีฟิลิปปินส์เป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนว่าญี่ปุ่นไม่เพียงเสริมสร้างกำลังรบของตน ยังช่วยเสริมสร้างเขี้ยวเล็บแก่มิตรประเทศด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอาเบะกับรัฐบาลอากีโนได้ลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวรัฐบาลญี่ปุ่นจะมอบเรือยามฝั่งแก่ฟิลิปปินส์จำนวน 10 ลำ เป็นเรือขนาด 180 ตัน และจะจัดการซ้อมรบร่วมระหว่างสองประเทศและร่วมกับสหรัฐฯ
            เป็นที่ทราบกันว่าฟิลิปปินส์กำลังมีข้อพิพาทกับจีนเรื่องการอ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ การมอบเรือยามฝั่งดังกล่าวช่วยให้ฟิลิปปินส์มีเขี้ยวเล็บรุ่นใหม่เพื่อต่อกรกับจีน
            ปัญหาการติดขัดด้านงบประมาณกลาโหมสหรัฐฯ จะส่งผลต่อกองกำลังประจำเอเชียแปซิฟิกหรือไม่ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่รัฐบาลโอบามาให้ความสำคัญต่อภูมิภาคนี้อย่างมาก ส่วนบทบาทของญี่ปุ่นก็กำลังเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความร่วมมือกับสหรัฐฯ และมิตรประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์

            นับจากสิ้นสุดสงครามเย็นเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ หลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะในแถบยุโรปต่างพากันลดงบประมาณกลาโหม ปรับขนาดกองทัพให้เล็กลง แต่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลับตรงกันข้าม หลายประเทศในภูมิภาคเสริมกำลังรบ เสริมอาวุธรุ่นใหม่ แม้ว่ารัฐบาลโอบามามีข้อจำกัดด้านงบประมาณกลาโหม ยังคงพยายามเคลื่อนย้ายกำลังรบต่างๆ มาประจำการที่ภูมิภาคเอเชีย ส่วนรัฐบาลอาเบะมีนโยบายเพิ่มบทบาทของญี่ปุ่นด้านความมั่นคงอย่างชัดเจน ได้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม เพิ่มบทบาทของตนเองโดยร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ส่วนจีนนั้นได้พยายามพัฒนากองทัพให้ทันสมัยโดยมีเศรษฐกิจประเทศที่เติบโตต่อเนื่องเป็นกำลังสนับสนุน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบันจึงมีข่าวการเสริมสร้างกำลังรบเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง การปรากฏตัวของเรืออิซูโมเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของบรรยากาศดังกล่าว ชี้ให้เห็นทิศทางสถานการณ์ความมั่นคงในอนาคต
15 สิงหาคม 2013
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ได้รับการเผยแพร่ผ่าน ศูนย์โลกสัมพันธ์ไทย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2556, http://www.thaiworld.org/thn/thailand_monitor/answera.php?question_id=1285)
------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ทฤษฎีสัจนิยมให้ความสำคัญกับความมั่นคงแห่งชาติมากที่สุด รัฐต้องระแวดระวัง เตรียมการรับมือภัยคุกคามทุกชนิด พร้อมเผชิญหน้าฝ่ายตรงข้าม แต่ภายใต้แนวคิดนี้นโยบายความมั่นคงแห่งชาติเต็มด้วยความหวาดระแวง ความไม่เชื่อใจ กลายเป็นดาบสองคมให้ประเทศเพื่อนบ้านมองด้วยความหวาดระแวง มองอย่างเป็นภัยคุกคามเช่นกัน นโยบายความมั่นแห่งชาติญี่ปุ่นสะท้อนลักษณะดังกล่าวอย่างชัดเจน
เหตุเรือยามฝั่งฟิลิปปินส์ยิงลูกเรือไต้หวันเสียชีวิตในเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ กลายเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างสองฝ่าย แต่เนื่องจากผลความบาดหมางทำให้สองฝ่ายเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อีกทั้งรัฐบาลฟิลิปปินส์ไม่ประสงค์เป็นศัตรูกับไต้หวัน สองรัฐบาลจึงหาทางประนีประนอมยุติข้อพาท โดยที่ปัญหาการทำประมงยังไม่ได้รับการแก้ไข

บรรณานุกรม:
1. Japan navy unveils biggest warship since WWII, AFP, 7 August 2013, http://sg.news.yahoo.com/japan-navy-unveils-biggest-warship-since-wwii-105903206.html
2. Wikipedia, Japanese cruiser Izumo, http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_cruiser_Izumo, accessed 7 August 2013
3. Raul Colon, Japan Aircraft Carriers of World War 2, http://www.world-war-2-planes.com/japan_aircraft_carriers.html, accessed 7 August 2013
4. เรือหลวงจักรีนฤเบศร, http://www.navy.mi.th/cvh911/web-page/about%20ship%20attribute.html, accessed 7 August 2013
5..อ.วรชาติ สัตยเลขา, เครื่องบินรบในอนาคต (Future Fighters), http://www.dae.mi.th/JN01_future%20fighters_TH.htm, accessed 7 August 2013
6. Multi-Mission Capability for Emerging Global Threats, https://www.f35.com/about/capabilities, accessed 7 August 2013
7. Wikipedia, Chinese aircraft carrier Liaoning, http://en.wikipedia.org/wiki/Chinese_aircraft_carrier_Liaoning, accessed 7 August 2013
8. “Liaoning (Varyag) Aircraft Carrier, China”, http://www.naval-technology.com/projects/varyag-aircraft-carrier-china/
9. Images suggest China’s first carrier is under construction, Jane’s Defence Weekly, 7 August 2013
10. Pentagon review could presage major cutbacks, Jane’s Defence Weekly, 7 August 2013
11. DEFENSE OF JAPAN 2013, Japan Ministry of Defense, http://www.mod.go.jp/e/publ/w_paper/2013.html, accessed 9 July 2013
12. Japan unveils largest-ever helicopter carrier, Jane’s Defence Weekly, 14 August 2013
-------------------------------------------