การประกาศเอกราชอาจอยู่ในแผนที่ต้องดำเนินตามขั้นตอน ดังผู้เชี่ยวชาญตะวันตกบางคนวิเคราะห์ว่ากองทัพจีนจะบุกไต้หวันในสมัยรัฐบาลไล่ชุดนี้
ระบอบเสรีประชาธิปไตยส่งเสริมเสรีภาพทางความคิด เปิดโอกาคิดต่างเห็นต่าง สามารถประพฤติตามความต้องการส่วนตนตามกฎหมาย ด้วยความคิดว่ามนุษย์มีความคิดอ่านจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ตัวเอง สังคมจะปรับสมดุลในความคิดต่างเห็นต่าง ได้สิ่งดีที่สุดเมื่อเป็นเช่นนี้
ระบบเลือกผู้แทนเข้าสภาแสดงความต้องการของสังคม มีการปรับสมดุลในตัวเอง ฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้านจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ มีกรอบรัฐธรรมนูญ กฎหมาย รวมทั้งข้อตกลงต่างๆ ที่ทำไว้กับนานาชาติ
ในทางทฤษฎีนโยบายพรรคสะท้อนความต้องการของประชาชน พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party) หรือ DPP ชี้ว่าคนไต้หวันไม่ใช่คนจีน คนไต้หวันคือคนไต้หวัน สามารถกำหนดอนาคตตัวเอง ด้วยเหตุนี้ไต้หวันที่เป็นไทมีอธิปไตยจึงตอบโจทย์คนไต้หวันได้ดีที่สุด และควรเป็นเช่นนั้นตามหลักเสรีประชาธิปไตย พรรค DPP จึงชูนโยบายไต้หวันที่เป็นตัวเองตัวเอง
มกราคม 2019 ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) ผู้นำไต้หวันจากพรรค DPP ประกาศไม่ยอมรับข้อเสนอรวมชาติ หลังผู้นำจีนชี้การรวมเป็นชาติจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนไม่วันใดวันหนึ่ง เสนอ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” แก่ไต้หวัน ดังที่ใช้กับฮ่องกงและมาเก๊าในขณะนี้
ข้อดีจุดยืนพรรค DPP คือเปิดทางให้คนไต้หวันมีทางเลือกมากขึ้น ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ประธานาธิบดีคนที่ 16 จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party) เดินตามแนวทางนี้
ผูกความมั่นคงทางทหารกับสหรัฐ:
ในสุนทรพจน์รับตำแหน่งใช้คำว่า “ไต้หวันตั้งอยู่ตรงแนวห่วงโซ่เกาะแรก” (first island chain) เป็นที่รับรู้กันว่าคำนี้คือยุทธศาสตร์ความมั่นคงเอเชีย-แปซิฟิกที่รัฐบาลสหรัฐใช้เรื่อยมา เป้าหมายคือปิดล้อมจีนทางทหาร เป็นหลักฐานชี้ว่ารัฐบาลนี้ผูกความมั่นคงทางทหารกับสหรัฐอย่างชัดแจ้ง ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ต้านจีนของอเมริกา ประธานาธิบดีไช่ลดตัวเอง ลดไต้หวันให้เป็นเบี้ย (a pawn) ของสหรัฐ เป็นของด้อยค่ามากกว่าของล้ำค่า
น่าเห็นใจที่กองทัพไต้หวันไม่อาจเทียบกองทัพมหึมาของจีน ยิ่งในระยะหลังกองทัพจีนพัฒนาต่อเนื่องกระทั่งสหรัฐยังเกรงขาม นักวิชาการบางคนตีความว่าสหรัฐอาจสู้จีนไม่ได้ นับวันกองทัพสหรัฐจะอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับจีน (ประเด็นนี้มีหลายมุมมอง บางคนตีความว่ากองทัพสหรัฐยังอานุภาพสูงสุด จีนต้องพัฒนาอีกมาก ขาดประสบการณ์รบแบบใหม่) ดังนั้นการพึ่งพาสหรัฐจึงจำเป็น ยิ่งหากรัฐบาลไต้หวันคิดประกาศเอกราชดังที่พรรค DPP ใฝ่ฝัน ยิ่งต้องคิดถึงการปกป้องจากสหรัฐในวันที่กองทัพจีนบุกไต้หวันหลังประกาศเอกราช
เรื่องนี้กลับสู่คำถามยอดฮิต หากไต้หวันกับจีนรบกันสหรัฐจะส่งกองทัพเข้าช่วยหรือไม่
ผลโพลของ Taiwanese Public Opinion Foundation (TPOF) เมื่อมีนาคม 2022 พบว่าคนไต้หวัน 10.5% เท่านั้นที่ “มั่นใจมาก” ว่าสหรัฐจะปกป้องไต้หวันหากจีนรุกราน 24% คิดว่าน่าจะช่วย 26.5% ไม่ค่อยเชื่อ และ 29.4% ไม่เชื่อเลย
คนไต้หวันน้อยกว่าครึ่งที่มั่นใจหรือคิดว่ารัฐบาลสหรัฐจะปกป้องไต้หวัน แม้มีสนธิสัญญา แม้นักการเมืองอเมริกันคนแล้วคนเล่ารับปากว่าจะปกป้องไต้หวัน เรื่องนี้มาจากฐานความคิดว่าถ้าสหรัฐปกป้องไต้หวันจะหมายถึง 2 มหาอำนาจรบกันโดยตรง อาจนำสู่สงครามนิวเคลียร์
หรือหากไม่ใช้นิวเคลียร์แต่รบหนัก เกิดความสูญเสียมหาศาล เศรษฐกิจอเมริกันปั่นป่วนหนัก คนอเมริกันตกงานหลายล้านคน นำสู่คำถามว่าทำไมสหรัฐต้องหายนะหรือสูญเสียมหาศาลเพื่อคนไต้หวัน คนอเมริกันยอมเสียหายหนักเพื่อปกป้องเสรีภาพประชาธิปไตยไต้หวันหรือ ประธานาธิบดีสหรัฐจะอธิบายต่อคนของเขาอย่างไร
หรือจะเป็นยูเครนโมเดลที่สหรัฐกับพวกส่งให้แต่อาวุธ ชี้แจงว่าขอไม่ร่วมรบโดยตรงเพราะหากรบกับจีนโดยตรงจะกลายเป็นสงครามล้างโลก สุดท้ายไต้หวันยิ่งรบยิ่งพัง เพื่ออนาคตของฝ่ายประชาธิปไตย ดังที่ยูเครนเป็นอยู่
ล่าสุดต้นเดือนมิถุนายน 2024 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ยืนยันอีกครั้งว่าสหรัฐไม่ส่งเสริมให้ไต้หวันเป็นอิสระ และอาจใช้กองทัพปกป้องไต้หวันถ้าจีนเปลี่ยนสถานภาพช่องแคบไต้หวัน (status quo) เช่น กองทัพจีนโจมตีไต้หวัน ทุกวันนี้ได้ปรึกษาหารือกับพันธมิตรในภูมิภาคเป็นระยะ
เสี่ยงพาประเทศเข้าสงคราม?:
ตั้งแต่สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน มักพูดแบบสองแง่สองง่าม ส่อเจตนาต้องการไต้หวันที่เป็นอิสระ (Taiwan independence) พรรคนี้มักพูดเรื่องนี้แบบสองแง่สองง่าม ไม่พูดโดยตรงว่าต้องการประกาศเอกราชแต่ตีความได้เช่นนั้น เมื่อมาถึงรัฐบาลไล่ยังคงพูดแบบเดิม
รัฐบาลจีนยืนยันเรื่อยมาว่าหากไต้หวันประเทศเอกราช กองทัพจีนจำต้องบุกไต้หวันเพื่อรักษาอธิปไตยจีน คำพูดที่ชวนคิดว่าต้องการแบ่งแยกดินแดนจึงอันตราย เสี่ยงนำประเทศเข้าสู่สงคราม ชาวไต้หวัน 23 ล้านคนไม่อาจใช้ชีวิตสงบสุข ไม่สามารถเสพสุขจากระบบเสรีทุนนิยมอย่างสบายใจอีกต่อไป น่าคิดว่ารัฐบาลกับคนไต้หวันจะตัดสินใจอย่างไร
สุดท้ายการจะตัดสินใจว่ารัฐบาลไล่ต้องการสงครามหรือสันติภาพ ต้องดูที่พฤติกรรมมากกว่านโยบายหรือคำพูดสวยหรู
ไม่ง่ายที่จะฟันธงว่าสุดท้ายคือสงครามหรือสันติภาพ เพราะนโยบายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นความลับ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นเพียงบางส่วนและอาจไม่ตรงตามแผนลับทั้งหมด แต่หากศึกษาวิเคราะห์รอบด้านจะเห็นแนวโน้ม สถานการณ์จะบ่งชี้ทิศทาง ยิ่งใกล้สงครามจะยิ่งเห็นภาพดังกล่าว
ก่อนจะถึงวันนั้น:
อย่างไรก็ตามต้องตระหนักว่าแม้สมัยไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) จะพูดทำนองว่าต้องการประกาศอิสรภาพ แต่ 2 สมัยของรัฐบาลไช่ไม่ได้ทำเช่นนั้น เป็นท่าทีหรือจุดยืนอนาคตมากกว่า และตีความได้ว่าเป็นวาทกรรมเพื่อเป้าหมายทางการเมือง เพื่อชนะเลือกตั้ง ซึ่งทำได้ดีจนพรรค DPP เป็นรัฐบาล 3 สมัยติดกันแล้ว นักวิเคราะห์การเมืองไต้หวันบางคนถึงกับชี้ว่าพรรคนี้ใช้วาทกรรมเอกราชกลบเกลื่อนความผิดสมาชิก (เช่น คอร์รัปชัน) ความบกพร่องของรัฐบาล
และต้องเข้าใจว่าแม้พรรค DPP เป็นรัฐบาล 3 สมัยติดต่อกันแล้วแต่ใช่ว่าคนไต้หวันทั้งหมดจะเห็นด้วยกับการประกาศเอกราช ยิ่งถ้าเอ่ยถึงการสงครามกับจีนคนไต้หวันยิ่งไม่ต้องการ ไม่สนใจว่ารัฐบาลสหรัฐต้องการใช้ไต้หวันทำสงครามตัวแทนกับจีนหรือไม่
หากสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นตามลำดับ ก่อนถึงวันสงครามจีนคงใช้หลายมาตรการกดดัน เช่น กีดขวางเส้นทางการบินการเดินเรือ สร้างความวุ่นวายทางเศรษฐกิจสังคม ให้ชีวิตอยู่ยาก เพื่อให้ชาวไต้หวันกดดันรัฐบาลตัวเองอีกที พรรคฝ่ายค้านคงได้โอกาสเคลื่อนไหว เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นธาตุแท้ของรัฐบาลไล่มากขึ้นว่าต้องการเอกราชหรือสันติภาพ
รวมความแล้วแนวทางประกาศเอกราชของประธานาธิบดีไล่ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อน นั่นคือแสดงท่าทีไต้หวันต้องการเอกราชและต้องการสันติภาพ อยู่กับจีนอย่างสันติ 2 ข้อนี้ย้อนแย้งกันเอง เพราะเส้นทางสู่เอกราชคือการเดินเข้าสู่สงคราม ถ้าต้องการสันติจะต้องเลี่ยงไม่ทำสงคราม ภายใต้แนวคิดว่าจีนจะไม่บุกไต้หวันตราบเท่าที่ไต้หวันไม่ประกาศเอกราชหรือทำการอื่นใดที่คุกคามอธิปไตยจีนจนรับไม่ได้ (เช่น กองทัพสหรัฐตั้งฐานทัพที่ไต้หวัน ติดตั้งระบบขีปนาวุธ)
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์นี้ใช้ข้อมูลจนถึงเมื่อประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อรับตำแหน่ง การประกาศเอกราชอาจอยู่ในแผนที่ต้องดำเนินตามขั้นตอน ดังผู้เชี่ยวชาญตะวันตกบางคนวิเคราะห์ว่ากองทัพจีนจะบุกไต้หวันในสมัยรัฐบาลไล่ชุดนี้
-----------------------
บรรณานุกรม :
1. 'Lai-style Taiwan independence' agenda is a dead-end: Global Times editorial. (2024, May 21). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/page/202405/1312690.shtml
2. Taiwanese pessimistic about prospect of US sending troops to help defend nation in case of war: Pollster. (2022, March 22). Taiwan News. Retrieved from https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4481985
3. Tsai blasts ‘one country, two systems’. (2019, January 3). Taipei Times. Retrieved from http://www.taipeitimes.com/News/front/archives/2019/01/03/2003707244
4. US would defend Taiwan, Biden says. (2024, June 6). Taipei Times. Retrieved from https://www.taipeitimes.com/News/front/archives/2024/06/06/2003818938
-----------------