โดนัลด์ ทรัมป์ชูแนวคิด America First พร้อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ประเทศ แต่หลายนโยบายที่ยึดแนวทางนี้ส่งผลให้สหรัฐโดดเดี่ยวตัวเอง
โลกกำลังก้าวสู่ความเป็นพหุภาคีมากขึ้น
บรรณานุกรม :
หลักนโยบายแม่บทของประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ (Donald Trump) หรือ “หลักนิยมทรัมป์”
(Trump’s Doctrine) ตั้งอยู่บนแนวคิด “America First” (อเมริกาต้องมาก่อน) หมายถึงการบริหารประเทศที่ถือผลประโยชน์ของชาติกับพลเมืองเป็นที่ตั้ง
แม้จะขัดแย้งประเทศอื่นๆ ละเมิดศีลธรรมคุณธรรม
ตั้งอยู่บนหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบสัจนิยม (Realism) แบบสุดขั้ว ระบบโลกเหมือนป่าดงดิบที่สัตว์ป่าทั้งหลายต่างดิ้นรนหาทางอยู่รอดโดยไม่คำนึงกฎใดๆ
ยึดอธิปไตยชาติเป็นสำคัญ
รัฐบาลทุกประเทศมีสิทธิ์และมีความรับผิดชอบต่อพลเมืองของตน เป็นลัทธิอเมริกานิยม (Americanism) ไม่ใช่โลกนิยม (globalism)
บทความนี้เขียนขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์บริหารประเทศกว่าปีครึ่งแล้ว ความเป็น
“อเมริกาต้องมาก่อน” ปรากฏชัดเจนมากขึ้น
ในที่นี้จะนำเสนอบางตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจหลักการดังกล่าวและปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
ไม่สนกติกาองค์การค้าโลกอีกต่อไป :
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโจมตีองค์การค้าโลกเมื่อมีนาคม
2018 ว่า “WTO สร้างหายนะแก่ประเทศนี้” เป็นคำพูดก่อนกระแสขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างชาติ
ละเมิดกติกาองค์การค้าโลก
สิ่งที่รัฐบาลทรัมป์ทำกับองค์การค้าโลกในขณะนี้เหมือนกับการขอเจรจา
NAFTA ใหม่ คือละทิ้งหรือยกเลิกข้อตกลงเดิมที่เห็นว่าเสียเปรียบแล้วเจรจาใหม่เพื่อให้กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
เหมือนที่ทำกับหลายประเทศในขณะนี้
ทั้งหมดนี้คือแผนแก้ปัญหาตามแนวทาง
“อเมริกาต้องมาก่อน” ที่ทรัมป์พูดตั้งแต่ช่วงหาเสียง
อย่างไรเรียกว่าพันธมิตร :
องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty
Organisation) หรือนาโตเป็นกรณีที่ควรเอ่ยถึง เป็นพันธมิตรด้านการทหาร
การป้องกันประเทศ สัมพันธ์กับสงครามเย็นโดยตรง ในขณะเดียวกันวัตถุประสงค์อีกข้อคือเรื่องการเมือง
ต่อต้านสังคมนิยม ส่งเสริมให้ยึดมั่นประชาธิปไตย การค้าเสรี เป็นเสาหลักของฝ่ายโลกเสรีที่มีสหรัฐเป็นแกนนำ
เชิดชูฐานะความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐในยุคนั้น
ปัจจุบันความเป็นพันธมิตรนาโตยังคงอยู่
แต่ความขัดแย้งระหว่างสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์วิพากษ์รัฐบาลแมร์เคิล
“ต้องการความคุ้มครอง” จากรัสเซีย จึงซื้อน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียหลายพันล้านดอลลาร์
ทรัมป์พูดเรื่องนี้หลายครั้งชี้ว่าเยอรมันซึ่งเป็นสมาชิกนาโต ได้รับการปกป้องจากนาโตอยู่แล้วแต่ยังทรยศนาโตไปขอการปกป้องจาก
รัสเซียที่เป็นศัตรูนาโตอีก
แต่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันทรัมป์กล่าวถึง
รัสเซียว่าไม่ใช่ศัตรู เป็นเพียงคู่แข่ง การกล่าวถึงรัสเซีย 2 แบบในช่วงสั้นๆ
ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
ประเด็นสำคัญคือ รัฐบาลทรัมป์พยายามทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
เมื่อพันธมิตรอย่างเยอรมันจะทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองบ้าง กลับโดนต่อต้านอย่างรุนแรง
นี่คืออีกตัวอย่างของ America First
ไม่เพียงเท่านั้นทรัมป์กล่าวอีกประเด็นว่าเยอรมันประเทศใหญ่ที่สุดของอียู
ให้งบสนับสนุนนาโตเพียงร้อยละ 1 ของจีดีพีเท่านั้น สหรัฐจึงกำลังปกป้องเยอรมันมากกว่าที่เยอรมันปกป้องสหรัฐ
และไม่รู้ว่าเยอรมันจะปกป้องสหรัฐได้สักเท่าไร สหรัฐเป็นผู้จ่ายเงินปกป้องกันสมาชิกนาโตทั้งมวล
ตรรกะของทรัมป์กำลังชี้ว่าสมาชิกนาโตทุกประเทศจะต้องใช้งบกลาโหมเท่ากัน
หรืออย่างน้อยตามข้อตกลงที่วางไว้ สมาชิกจะต้องตั้งงบกลาโหมให้ได้อย่างน้อยร้อยละ
2 ของจีดีพี เป็นประเด็นเก่าหลายทศวรรษที่รัฐบาลสหรัฐเรียกร้องมาตลอด
เป็นความจริงที่สมาชิกฝั่งยุโรปเอาเปรียบสหรัฐ
หวังพึ่งความมั่นคงจากอเมริกา
แต่ในอีกแง่หนึ่งเป็นไปได้ว่าฝั่งยุโรปรู้ดีว่าอย่างไรเสียสหรัฐต้องคงความเป็นมหาอำนาจด้านการทหาร
ต่างจากฝั่งยุโรปที่ไม่มีเป้าหมายเช่นนั้น
เมื่อผนวกกับการที่ฝั่งยุโรปรักสันติมากกว่า เห็นว่าการใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาประเทศสำคัญกว่าจึงพยายามปรับลดงบกลาโหม
ประเด็นงบกลาโหมของสมาชิกนาโตเป็นเรื่องซับซ้อน
ข้อสรุปเบื้องต้นคือฝั่งยุโรปเห็นว่างบกลาโหมที่ร้อยละ 2 ของจีดีพีนั้นเกินจำเป็น
ทั้งเรื่องวิพากษ์เยอรมันซื้อน้ำมันจากรัสเซียและงบประมาณกลาโหมล้วนบ่งชี้ความเป็นพันธมิตรอันเปราะบาง
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐ
เป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญที่สุดในย่านเอเชียแปซิฟิก ทั้ง 2
ประเทศพยายามจัดการเกาหลีเหนือ ปิดล้อมจีน มีอิทธิพลในแถบเอเชียแปซิฟิก ภาพความร่วมมือเป็นที่ประจักษ์ชัด
ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-ญี่ปุ่นเมื่อปีก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า
สหรัฐ "ยึดมั่นความมั่นคงของญี่ปุ่นและอาณาบริเวณทั้งหมดที่อยู่ใต้การบริหารควบคุม"
ความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐ-ญี่ปุ่น
"เป็นเสาหลักสันติภาพและความมั่นคง" ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แถลงการณ์ร่วมหลังประชุมยังระบุว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มบทบาทความมั่นคง ต่อต้านสิ่งปลูกสร้างทางทหารในทะเลจีนใต้
กดดันให้เกาหลีเหนือเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์ ขีปนาวุธพิสัยไกล
จะหารือเพื่อวางกฎการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบนฐานการค้าเสรีและเป็นธรรม
แต่ถ้ามองอีกมุม
นักวิชาการญี่ปุ่นบางคนเห็นว่าลึกๆ แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้วางใจรัฐบาลสหรัฐ แต่ด้วยบริบทขณะนี้จำต้องอิงสหรัฐไปก่อน
อาศัยเหตุความตึงเครียดในย่านนี้เพื่อพัฒนากองทัพ
เป้าหมายสุดท้ายคือการอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาประเทศใดอีกต่อไป
เป็นคำถามที่น่าคิด อย่างไรเรียกว่าพันธมิตร
ความถดถอยและความร่วมมือใหม่ :
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ประเทศอเมริกาผู้เคยพยายามประกาศว่าตนคือผู้นำโลกเสรีประชาธิปไตย
ส่งเสริมการค้าเสรี ผู้ผลักดันจัดตั้งองค์การค้าโลก บัดนี้ถอยห่างจากแนวทางดังกล่าว
ตรงกันข้ามประเทศอำนาจนิยมอย่างจีนกับรัสเซียกลับพยายามปกป้องการค้าเสรี รักษากติกาขององค์การค้าโลก
ส่งเสริมให้โลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ไม่ว่าจะเป็นจริงเพียงไร
ภาพที่ปรากฏบ่งบอกเช่นนั้น
หันกลับมาพูดถึงสหรัฐ
หลัก America First กำลังพาประเทศสู่อำนาจนิยม
ระบบเศรษฐกิจที่รัฐควบคุมแทรกแซงมากขึ้น โดยใช้ข้ออ้างกีดกันการค้าเสรี
แม้จะอ้างว่าเพื่อความมั่นคงแห่งชาติก็ตาม
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ความถดถอยของสหรัฐในยุคทรัมป์
ด้านความมั่นคงคือความเป็นเอกภาพของนาโต ชาติสมาชิกฝั่งยุโรปแสดงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
(ต่างจากอดีตที่อาจปิดเงียบ พูดคุยเฉพาะในที่ลับ) ส่งผลต่อบทบาทผู้นำโลกของสหรัฐ มีเสียงก่นด่าจากทั่วทุกสารทิศ
ด้านการค้าเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนกว่าเพราะแสดงเป็นตัวเลข
เป็นสถิติ ปัญหาขาดดุลการค้าสัมพันธ์กับปัญหาหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นและเพิ่มในอัตราสูงกว่าเดิม
หากไม่จัดการสักวันเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน รัฐบาลทรัมป์ถึงกับยอมทำแทบทุกอย่างแม้กระทั่งต้องบาดหมางกับประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรเก่าแก่
ความร่วมมือที่สหรัฐเคยได้ประโยชน์มหาศาล
โรเบร์โต อเซเวโด
(Roberto Azevedo) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การค้าโลกกังวลว่าระบบการค้าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง
กรณีร้ายแรงคือระดับภาษีจะกลับไปสู่ระดับก่อนมีองค์การค้าโลก
ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
หากสงครามการค้ารุนแรง
สหรัฐอาจต้องขัดแย้งกับหลายประเทศ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกประเทศจะกีดกันกันเองทั้งหมด
ประเทศต่างๆ บริษัทเอกชนทั้งหลายคงต้องหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดอเมริกา
กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกมีความร่วมมือกับจีนมาช้านานแล้วและกำลังเพิ่มขึ้น
ที่ปรากฏส่วนใหญ่คือด้านเศรษฐกิจ ด้านนโยบายต่างประเทศหลายเรื่อง แนวทางของอียูใกล้เคียงกับจีน
รัสเซีย เช่น นโยบายต่ออิหร่าน สนับสนุนการค้าพหุภาคีที่ยึดกติกา
ความร่วมมือทางการค้าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นย่อมส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
คงไม่กล่าวเกินไปถ้าจะสรุปว่าขณะที่สหรัฐกำลังโดดเดี่ยวตัวเอง ประเทศอื่นๆ
ร่วมมือกันมากขึ้นในทุกด้าน นี่คืออีกดัชนีชี้วัดความถดถอยของสหรัฐอเมริกา
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :
ถ้าคิดให้ดี รัฐบาลทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรแปลกใหม่ สิ่งที่ทำคือเขียนกติกาการค้าใหม่ที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด
เหมือนที่เคยทำกับ NAFTA การตั้งองค์การค้าโลกและข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศต่างๆ
เหล่านี้คือสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐชุดก่อนๆ ไม่ว่าจะมาจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครทล้วนกระทำตามแนวทางนี้ทั้งสิ้น
จะต่างกันอยู่บ้างในแนวทางและระดับความเข้มข้น (degree) ของแต่ละรัฐบาล
ประธานาธิบดีทรัมป์มุ่งทำให้เกิดการเจรจาต่อรองใหม่
แต่บริบทโลกปัจจุบันไม่เหมือนอดีต ไม่ใช่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หรือยุคสงครามเย็นอีกแล้ว ไม่ว่าจะระดับประเทศหรือประชาชน
ข้อมูลข่าวสารส่งถึงกัน
บทความ America
First, America Lonely ให้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่าในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่มีประเทศใดได้ทุกอย่างที่ต้องการแม้จะเป็นอภิมหาอำนาจ
อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังเป็นประเทศที่ฉกฉวยผลประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้มากมาย
ต้องชื่นชมความสามารถของรัฐบาลทรัมป์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ
จากคนทั่วโลก แม้ทั่งจากคนยุโรปตะวันตก ความต้องการของรัฐบาลทรัมป์ในระยะนี้อาจเป็นเหตุให้สหรัฐต้องจ่ายราคาอีกมากในอนาคต
15 กรกฎาคม 2018
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 7918 วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2561)
-------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ไม่แปลกที่รัฐบาลทรัมป์ยึดหลักสัจนิยม
แต่ต้องศึกษาลงในรายละเอียดว่าอะไรกันแน่ที่รัฐบาลต้องการ สันติสุขหรือความรุนแรง
เป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันหรือน่าจะมีทางเลือกที่ดีกว่า
“หลักนิยมทรัมป์” (Trump’s Doctrine) คือการยึดถือผลประโยชน์ของชาติกับอธิปไตยเป็นที่ตั้ง แม้ขัดแย้งประเทศอื่นหรือศีลธรรมคุณธรรม
ตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบสัจนิยม (Realism)
1. Folly, Martin H. (2008). North Atlantic Treaty
Organization. In International Encyclopedia of the Social Sciences. (2nd
Ed. (9 vol. set. pp. 544-546). USA: The Gale Group.
2. FULL TEXT: President Donald Trump's
Inauguration Speech. (2017, January 20). ABC News. Retrieved from
http://abcnews.go.com/Politics/full-text-president-donald-trumps-inauguration-speech/story?id=44915821
3. Trump Lambasts Germany Over Russian Oil Purchases, Low
Defense Expenditures. (2018, July 5). Sputnik News. Retrieved from https://sputniknews.com/us/201807061066091497-trump-russia-germany-military-spending/
4. Trump promises ‘safety’ to fearful Americans. (2016, July
22). Gulf News/AFP. Retrieved from http://gulfnews.com/news/americas/usa/trump-promises-safety-to-fearful-americans-1.1866703
5. UPDATE: Trump says U.S. committed to Japan security.
(2017, February 11). The Asahi Shimbun/Reuters. Retrieved from
http://www.asahi.com/ajw/articles/AJ201702110013.html
6. WTO Faces Existential Threat in Times of Trump. (2018,
June 30). Spiegel Online. Retrieved from http://www.spiegel.de/international/world/world-trade-organization-in-trouble-amid-trump-trade-war-a-1215802.html
7. Yuan, Jingdong. (2014). Nuclear Politics in Asia. In The
Oxford Handbook of the International Relations of Asia. NY: Oxford University
Press.
-----------------------------