เมื่อนานาชาติถามหาความชอบธรรมการสอดแนมของสหรัฐฯ

จากข้อมูลที่นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ  (National Security Agency หรือ NSA) ส่งมอบให้แก่สื่อบางฉบับ ข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า NSA ดักฟังโทรศัพท์คนฝรั่งเศสกับสเปนหลายสิบล้านครั้งภายในเวลาเพียงเดือนเดียว ในเวลาไล่เลี่ยงกันสื่อบางฉบับเผยแพร่ข้อมูลชิ้นหนึ่งชี้ว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สอดแนมผู้นำ 35 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ อย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส เม็กซิโก บราซิลและหลายประเทศในสหภาพยุโรป กับประเทศที่เป็นปรปักษ์อย่างคิวบาและเวเนซุเอลา การสอดแนมที่ไม่ใช่เรื่องใหม่กลายเป็นประเด็นที่หลายประเทศให้ความสำคัญขึ้นมาทันที
การสอดแนมผู้นำประเทศและประชาชนจำนวนมาก:
            การสอดแนมผู้นำประเทศโดยเฉพาะพันธมิตรหรือมิตรประเทศกลายเป็นประเด็นร้อนในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ใจความสำคัญที่หยิบยกขึ้นมาพูดคือเมื่อเป็นมิตรต่อกันไยจึงต้องสอดแนม อะไรคือจุดมุ่งหมายของการกระทำดังกล่าว เมื่อสื่อพยายามจี้ถามรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ นายเจย์ คาร์นีย์ (Jay Carney) โฆษกทำเนียบขาวให้คำตอบว่าขณะนี้ไม่ได้ดักฟังและอนาคตจะไม่ดักฟังโดยไม่ยอมตอบว่าก่อนหน้านี้เคยดักฟังหรือไม่ ด้านคุณอังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีเยอรมันถึงกับกล่าวว่า “เรายังเป็นพันธมิตร... แต่การเป็นพันธมิตรจะต้องตั้งบนความไว้ใจต่อกัน”
            ส่วนประเด็นการดักฟังประชาชนฝรั่งเศสกับสเปนจำนวนนับหมื่นนับแสนคนถูกตั้งคำถามเช่นกันว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงไร รัฐบาลสหรัฐฯ อ้างเหตุผลเพื่อการต่อต้านการก่อการร้ายแต่จำต้องสอดแนมคนนับหมื่นนับแสนหรือ
            หลายประเทศในยุโรปร่วมแสดงจุดยืนว่าการสอดแนมประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การสอดแนมจะต้องกระทำในกรอบเพื่อยับยั้งการก่อการร้าย ต่อต้านอาชญากรรมและป้องกันสงคราม เป้าหมายการสอดแนมต้องชัดเจนชอบธรรม นอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้

รัฐบาลทุกประเทศต่างรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าการสอดแนมมีวัตถุประสงค์หลายข้อ:
            ถ้าจะวิพากษ์อย่างเป็นกลาง รัฐบาลทุกประเทศต่างรู้อยู่แก่ใจว่าการสอดแนมมีวัตถุประสงค์หลายประการ ไม่เพียงการต่อต้านการก่อการร้ายหรือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรเรื่องของการข่าวให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านการทหารมากที่สุด เป็นภารกิจที่ต้องดำเนินอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด
            สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีบทบาทระหว่างประเทศมากและมีพลังอำนาจทางทหารมาก ย่อมต้องมีขีดความสามารถด้านการข่าวอย่างสูงและทำงานอย่างแข็งขัน สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ที่กำลังกล่าวถึงเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี หน้าที่หลักคือการเก็บรวบรวมข่าวกรองต่างประเทศและต่อต้านการสอดแนมการจารกรรมจากต่างชาติ โดยจะรวบรวมข้อมูลผ่านทุกช่องทาง ผ่านสัญญาณสื่อสารทุกชนิด เช่น สัญญาณวิทยุ สัญญาณตามสายและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในทุกรูปแบบ (อีเมล ข้อความสั้นหรือ SMS ล้วนอยู่ในข่ายทั้งสิ้น) ความสามารถของ NSA ยังมีมากกว่านี้ เช่น สามารถดักฟังเสียงสนทนาระหว่างนักบินกับผู้ควบคุมทางภาคพื้นดินจากที่อยู่ห่างไกล
            นอกเหนือจากความมั่นคงทางการทหาร การข่าวในปัจจุบันยังใช้เพื่อผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ เรื่องความสัมพันธ์ทางการค้า การต่อต้านการจารกรรมทางเศรษฐกิจจากต่างชาติ  การติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนการเจรจาต่อรอง การตัดสินใจของฝ่ายบริหาร และเป็นข้อมูลแก่ฝ่ายวางแผนประกอบการจัดทำนโยบาย การสอดแนมไม่ได้กระทำต่อรัฐหรือหน่วยงานรัฐเท่านั้น ยังกระทำต่อบริษัทเอกชน องค์กรภาคประชน จนถึงระดับปัจเจกบุคคล
            นอกจากนี้ไม่ใช่สหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวที่ทำการจารกรรม ประเทศอื่นๆ ทั้งหลายก็กระทำเช่นเดียวกัน การข่าวกรองจึงเป็นยิ่งกว่าเรื่องการเมืองระหว่างประเทศแต่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ

การปรับปรุงระบบสอดแนมสหรัฐฯ:
            ท่ามกลางกระแสการต่อต้านการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากในและต่างประเทศ การแสดงออกของรัฐบาลโอบามาแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะทำการปรับปรุงระบบสอดแนมให้เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน ทำเนียบขาวเผยท่าทีชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังทบทวนแผนการรวบรวมข่าวกรองเพื่อให้มีความสมดุลระหว่างความจำเป็นด้านความมั่นคงกับความเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นของพลเมืองอเมริกันหรือพันธมิตร โดยการปรับปรุงครั้งนี้คาดว่าจะเจาะจงที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ
            อีกด้านหนึ่ง หลายประเทศทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างปรึกษาหารือจัดทำร่างข้อมติสมัชชาสหประชาชาติเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของบุคคล หวังป้องกันไม่ให้ทางการสหรัฐฯ ทำการสอดแนมจนเกินความจำเป็น ข้อมติของสมัชชาสหประชาชาติไม่มีผลบังคับใช้เหมือนอย่างข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแต่จะเป็นแรงกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศ น่าติดตามว่าท้ายที่สุดแล้วข้อมติดังกล่าวมีเนื้อหาครอบคลุมการสอดแนมมากน้อยเพียงใด มีผลต่อสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวหรือครอบคลุมประเทศอื่นๆ ด้วย

ไม่ดักฟังผู้นำประเทศ ใช่ว่าจะไม่ดักฟังคนใกล้ชิด:
            ดังที่กล่าวแล้วว่าการดักฟังโทรศัพท์ผู้นำประเทศคือหนึ่งในประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และอาจมีผลห้ามการสอดแนมผู้นำประเทศที่เป็นมิตรต่อกัน ในประเด็นนี้มีข้อคิดที่สำคัญว่าการไม่สอดแนมผู้นำประเทศใช่ว่าจะไม่สอดแนมคนใกล้ชิดที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่เข้าใจทั่วไปว่าบรรดาผู้นำประเทศหรือผู้นำองค์กรระดับสูงจะต้องออกคำสั่งหรือถ่ายทอดคำสั่งแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนำไปปฏิบัติ ดังนั้น หากต้องการทราบการตัดสินใจของผู้นำจึงไม่จำต้องดักฟังคำพูดของผู้นำเพียงอย่างเดียว สามารถตรวจสอบคำสั่งหรือนโยบายของผู้นำผ่านผู้ใต้บังคับบัญชา หากคำสั่งดังกล่าวต้องถ่ายทอดสู่ระดับปฏิบัติการหลายทอดจะยิ่งเป็นเหตุให้สามารถตรวจสอบได้จากหลายคนหลายระดับ และสามารถสอบทานไปในตัวว่าคำสั่งหรือนโยบายของผู้นำคืออะไร
            การสอดแนมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมจึงมีหลายคนที่ถูกสอดแนมหรือต้องสอดแนมคนจำนวนมาก ยกตัวอย่าง หากคำสั่งของผู้นำเกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าที่จำนวน 100 คน คนทั้ง 100 คนคือผู้อยู่ในข่ายต้องสอดแนมทั้งหมด เรื่องนี้เป็นหลักการจารกรรมที่จะต้องกระทำต่อคนทั้งหมดในเครือข่าย จึงไม่แปลกใจหากชาวฝรั่งเศสชาวสเปนนับหมื่นนับแสนคนถูกดักฟังทางโทรศัพท์
            และเป็นเครื่องเตือนใจว่ายิ่งคำสั่งถูกถ่ายทอดลงไปเรื่อยๆ มากเท่าใดโอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลย่อมมากขึ้นเท่านั้น

เน้นกรอบการต่อต้านการก่อการร้ายเป็นหลัก:
            เมื่อพิจารณาเรื่องราวที่ปรากฏทางสื่อทั้งหมด ประเด็นการสอดแนม NSA ถูกจำกัดให้อยู่ภายใต้กรอบการต่อต้านการก่อการร้าย การดักฟังผู้นำประเทศและแตะประเด็นเรื่องเศรษฐกิจเล็กน้อย ทั้งๆ ที่การจารกรรมการสอดแนมมีขอบข่ายกว้างขวางกว่านี้มาก
            รัฐบาลประเทศต่างๆ นักการเมืองทั้งหลายต่างเน้นหนักอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์และแสวงหาทางออกภายใต้กรอบดังกล่าว เรื่องดำเนินในทิศทางว่าด้วยแรงกดันทางการเมืองระหว่างประเทศทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ จำต้องปรับการทำงานของ NSA จำกัดขอบเขตการสอดแนมให้ลดลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้มีการตรวจสอบควบคุมภายในที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ทั้งหมดนี้เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างประเทศ เพื่อความร่วมมืออันดีระหว่างสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรและมิตรประเทศทั้งหลาย และเพื่อให้เรื่องราวอันเนื่องจากการเปิดโปงของนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนจบลงด้วยดี
            อย่างไรก็ตาม นายสโนว์เดนยังคงมีข้อมูลลับอีกมาก เรื่องราวของการสอดแนมการจารกรรมของสหรัฐฯ จึงอาจไม่จบเพียงเท่านี้ น่าติดตามว่าข้อมูลลับชิ้นต่อไปที่ถูกนำออกเผยแพร่คืออะไร มีผลต่อระบบการจารกรรมของสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร
มกราคม 2557
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน นิตยสารหนังสือข่าวทหารอากาศ. ปีที่ 74 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557, http://www.airforcemagazine.rtaf.mi.th/main/index.php/e-magazine/117-2557-01.html)
-----------------
บทความที่เกี่ยวข้อง:
นับวันคนทั่วโลกจะรับทราบข้อมูลการสอดแนมของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐหรือ NSA และกลายเป็นที่วิพากษ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ รัฐบาลหลายประเทศไม่อาจทนนิ่งเฉยต้องหากไม่ต่อต้านการสอดแนมก็คือต่อต้านการเปิดโปง เรื่องที่เกิดขึ้นมีข้อคิดหลายแง่มุม เช่น มีความจำเป็นเพื่อการต่อต้านการก่อการร้าย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนนับล้าน การกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เรื่องของนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนยังไม่จบเพียงเท่านี้
ในยามที่การสอดแนม การจารกรรมจาก NSA กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลก คุณอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันได้ประกาศนโยบายต่อต้านการสอดแนมอันเกินกว่าเหตุ ด้วยการริเริ่มและการดำเนินอย่างจริงจัง ทำให้อีกหลายประเทศทั่วโลกต่างเข้ามาประสานพลัง ต่อต้านการสอดแนมจาก NSA และได้เห็นแบบอย่างภาวะผู้นำโลกของเยอรมนีในหลายด้าน

บรรณานุกรม:
1. France condemns US for spying on its citizens. Al Jazeera. http://www.aljazeera.com/news/europe/2013/10/french-president-condemns-us-spying-2013102122312435733.html 22 October 2013.
2. Spying on allied leaders carries big risks: Our view. USA Today. http://www.usatoday.com/story/opinion/2013/10/24/nsa-eavesdropping-foreign-leaders-angela-merkel-editorials-debates/3183277/ 24 October 2013.
3. Press TV. 21 Nations United Nations Resolution against the US for Spying on World Leaders. Global Research. 27 October 2013. http://www.globalresearch.ca/21-nations-united-nations-resolution-against-the-us-for-spying-on-woreld-leaders/5355676 accessed 29 October 2013.
4. Merkel calls US spying breach of trust. Al Jazeera. http://www.aljazeera.com/news/europe/2013/10/merkel-calls-us-spying-breach-trust-2013102416161685214.html 24 October 2013.
5. 'That's Just Not Done': Merkel Comments on Spying Allegations. Spiegel Online. http://www.spiegel.de/international/germany/merkel-comments-on-allegations-the-us-spied-on-her-cell-phone-a-929870.html 24 October 2013.
6. Herman, Michael. 1996. Intelligence Power in Peace and War. UK: Cambridge University Press.
7. Lowenthal, Mark. 2009. Intelligence: From Secrets to Policy. 4th edition. USA: CQ Press.
8. Readout of the President’s Phone Call with Chancellor Merkel of Germany. The White House. 23 October 2013. http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2013/10/23/readout-president-s-phone-call-chancellor-merkel-germany accessed 25 October 2013
9. Cook, Terry L. 1999. Big Brother NSA & its Little Brother: National Security Agency's Global Surveillance Network. USA: Hearthstone Pub.
10. The National Security Agency: Missions, Authorities, Oversight and Partnerships. National Security Agency. http://www.nsa.gov/public_info/_files/speeches_testimonies/2013_08_09_the_nsa_story.pdf accessed 28 October 2013.
----------------------