มุสลิมลุกฮือประท้วงสหรัฐฯ เรื่องซับซ้อนกว่าที่คิด

15 กันยายน 2012
ชาญชัย
จากภาพยนตร์ ‘Innocence of Muslims’ ที่มีเนื้อหาลบหลู่ศาสนาอิสลาม แต่งและสร้างโดยนายแซม เบซิล (Sam Bacile) เชื้อสายกึ่งอเมริกันกึ่งอิสราเอล เป็นตัวชุดชนวนให้มุสลิมจำนวนมากทั่วโลกลุกขึ้นประท้วง ล่าสุดการประท้วงได้ลุกลามสู่หลายประเทศ เรียกว่าที่ใดมีมุสลิมที่นั่นมีการประท้วง เช่นที่ประเทศออสเตรเลีย ผู้ประท้วงราว 500 คนชุมนุมหน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองซิดนีย์ ขว้างปาขวดกับรองเท้า จำนวนผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากการประท้วงทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาลโอบามามีปฏิกริยาตอบสนองทันที ประกาศใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ทั้งขู่ทั้งปลอบ
            รมต.ต่างประเทศนางฮิลลารี คลินตัน แสดงจุดยืนของรัฐบาลอเมริกาว่า “สำหรับเราแล้ว วีดีโอนี้น่ารังเกียจและควรถูกประณาม มีวัตถุประสงค์ลึกๆ ที่ต้องการเยาะเย้ยถากถาง ทำให้ศาสนาสำคัญเสื่อมเสียและกระตุ้นให้เกิดการแก้แค้น ... รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับวีดีโอนี้ เราไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาแม้แต่น้อย” พร้อมกับชี้ว่า “ไม่เป็นการยุติธรรมแม้แต่น้อยที่จะตอบโต้วีดีโอนี้ด้วยความรุนแรง” (Gulf Times)
            ล่าสุด ประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าวในทำนองเดียวกันว่า “ผมขอให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาเคารพทุกคนในทุกความเชื่อ... แต่การตอบโต้ด้วยความรุนแรงนั้นไม่เป็นการยุติธรรมเช่นกัน(Al Jazeera)
แนวทางที่รัฐบาลโอบามาใช้คือจำกัดขอบเขตความขัดแย้งครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องภาพยนตร์หมิ่นศาสนาที่รัฐบาลอเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดำเนินนโยบายต่อผู้ประท้วงอย่างละมุนละม่อม หลีกเลี่ยงการตอบโต้การปะทะกับกลุ่มประท้วง หวังไม่ให้เรื่องบานปลายมากกว่านี้
            แต่การชุมนุมต่อต้านกลายเป็นเรื่องซับซ้อนเพราะมีเรื่องเฉพาะกลุ่มเข้ามาผสมโรงด้วย ยกตัวอย่าง 2 เรื่อง
กรณีอัลกออิดะห์ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าประเทศอเมริกากำลังทำสงครามกับพวกที่ถูกตีตราว่าเป็นอัลกออิดะห์ เครือข่ายของกลุ่มมีมากมายเคลื่อนไหวกระจายหลายประเทศทั่วโลกถ้ายึดตามข้อมูลของอเมริกา
Al Qaeda in the Arabian Peninsula (AQAP) เครือข่ายอัลกออิดะห์ประเทศเยเมนเรียกร้องให้มุสลิมทั้งหลายลุกขึ้นประท้วงและสังหารทูตอเมริกาที่อยู่ในประเทศมุสลิม ตามอย่างที่ชาวลิเบียได้สังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ที่เมืองเบงกาซี โจมตีว่าภาพยนตร์หมิ่นคือส่วนหนึ่งของการทำสงครามครูเสดกับอิสลาม พร้อมกับเรียกร้องต่อมุสลิมทั้งหลายว่า "จงเปลี่ยนการขับไล่พวกนักการทูตเป็นการปลดปล่อยประเทศมุสลิมจากครอบงำของอเมริกา” (Reuters)
กรณีอัฟกานิสถาน ชาวอัฟกานิสถานต่อต้านการรุกรานประเทศของนาโต้ เพราะกองทัพนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ได้โค่นล้มรัฐบาลตอลีบันแล้วช่วยจัดตั้งรัฐบาลอัฟกานิสถานใหม่ที่สนับสนุนชาติตะวันตก ปัจจุบันยังมีทหารนาโต้บนแผ่นดินประเทศอัฟกานิสถานนับหมื่นคน
นอกจาก 2 กรณีดังกล่าวยังมีกลุ่มมุสลิมอื่นๆ อีกมากที่ยังไม่ปรากฎชัดว่าเคลื่อนไหวด้วยจุดประสงค์เฉพาะอะไร
เรื่องผสมโรงเหล่านี้ชี้ว่าเหตุประท้วงไม่ใช่เพราะเรื่องภาพยนตร์ลบหลู่ศาสนาเท่านั้น สำหรับบางคนบางกลุ่มสิ่งที่อยู่หลังฉากของการประท้วงคือเรื่องต่างๆ อีกมากมายที่สร้างความขมขื่นใจแก่พวกเขามานานแล้ว เรื่องสำคัญร้ายแรงที่ชาวมุสลิมหลายคนขอเป็นระเบิดพลีชีพ ฯลฯ
ผมเชื่อว่าแม้จบเรื่องภาพยนตร์หมิ่นใช่ว่าจะจบประเด็นเฉพาะอื่นๆ เพราะเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังของการลุกฮือจะเป็นตัวขับเคลื่อนว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงการประท้วงธรรมดาหรือเป็นเพียงขั้นแรกของแผนที่จะไปไกลกว่านี้
            ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะตีกรอบเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องภาพยนตร์ลบหลู่ศาสนาจึงไม่น่าจะได้ผล ความจริงพวกเขาเข้าใจตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี เพียงแต่จะพูดหรือนำเสนอออกมาอย่างไร ทางเลือกที่เหมาะสมมีไม่มากนัก
            เรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร การประท้วงจะยืดเยื้อไปอีกนานหรือไม่ ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นกับปัจจัยขับเคลื่อนการชุมนุม เช่น การนำทิศทางของผู้นำในแต่ละประเทศแต่ละกลุ่ม การบรรลุเป้าหมายของกลุ่มย่อยต่างๆ รวมถึงความสามารถของรัฐบาลของโอบามาที่จะระงับเหตุ อย่างน้อยก็ต้องให้สงบก่อนเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้
ประเมินว่าการลุกฮือต้านสหรัฐฯ หลายแห่งจะไม่บานปลาย แต่บางแห่งจะไม่สงบลงง่ายๆ เพราะการลุกฮือครั้งนี้คือการโต้กลับ เปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นฝ่ายรุก
--------------------