America First ในอีกมุมมอง (1)
ถ้าสหรัฐไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ นโยบายใดๆ จะเป็นเพียงแค่บรรเทาอาการ โรคร้ายกระจายทั่วร่าง กัดกินจนถึงกระดูก ทำลายแม้กระทั่งจิตวิญญาณรากฐานอเมริกันชน ต่อให้รีเซ็ตระเบียบโลกก็ช่วยไม่ได้
คอลัมนิสต์จีนวิพากษ์
“ลัทธิคุ้มครองทางการค้า" (trade protectionism) ของทรัมป์
2.0 สะท้อนมุมมองจีนที่มีต่อรัฐบาลอเมริกัน
บทความนี้นำเสนอการวิพากษ์เหล่านั้น พร้อมการวิเคราะห์ ดังนี้
พฤติกรรมบีบบังคับของนักเลงโลก:
ท่าทีกับพฤติกรรมภายใต้หลัก
"America
First" ของทรัมป์ แสดงตัวเป็นนักเลงโต เช่น
ข่มขู่ผนวกดินแดนของประเทศอื่น ใช้ภาษีตอบโต้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
นานาชาติตื่นตระหนก ตลาดหุ้นตลาดทุน บริษัทเอกชน แม้กระทั่งประชาชนพากันตกใจ
"America
First" ของทรัมป์ 2.0
ตอกย้ำว่าสหรัฐมองโลกเป็นสมรภูมิแห่งผลประโยน์ ใครมีกำลังมากกว่าคนนั้นได้
ไม่สนใจว่าคนอื่นเสียอะไร แม้กระทั่งพันธมิตรใกล้ชิด
บางคนจึงตีความว่าทรัมป์เปลี่ยนสหรัฐให้กลายเป็นรัฐมาเฟีย (mafia state)
ไม่เพียงเท่านี้
รัฐบาลสหรัฐถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก ข้อตกลงปารีส (Paris Climate
Accord) ตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ประหลาดแท้ที่รัฐบาลฝ่ายประชิปไตยทำเช่นนี้
สวนทางนานาชาติที่ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก พยายามช่วยกันแก้ไขภาวะโลกร้อน
ร่วมมือให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามกำลัง พฤติกรรมเหล่านี้ ชวนให้ตั้งคำถามว่า
“โลกจะน่าอยู่ขึ้นเพราะระบอบเสรีประชาธิปไตย” หรือไม่
ที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือ
ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เชื่อเรื่องภาวะโลกร้อน ไม่ยอมรับงานวิจัยผลกระทบสิ่งแวดล้อม
แม้กระทั่งจากสถาบันวิจัยชั้นนำของสหรัฐ ตรงข้ามกับรัฐบาลเดโมแครทอย่างไบเดน
โอบามา ที่สนับสนุนข้อตกลงปารีส พยายามแสดงตัวเป็นผู้นำโลกแก้ปัญหาโลกร้อน
เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าคิดใช่ไหม
เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ภาวะนำของสหรัฐเสียหายหนักในสายตาโลก
รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า
ด้วยเหตุผลต้องการนำการผลิตกลับสู่ประเทศ
อ้างว่าเพื่อนบ้านไม่ควบคุมคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่ปราบปรามยาเสพติด
เป็นการนำการค้าระหว่างประเทศเข้าพัวพันกับปัญหาสังคมของอเมริกัน
ปัญหาอุตสาหกรรมของตน
ทั่วโลกรู้จัก iPhone ว่าเป็นของสหรัฐ แต่ไม่มีสักเครื่องที่ผลิตในประเทศนี้
ทำไมไม่ถามบริษัทผู้ผลิตว่าเหตุใดจึงไม่ตั้งโรงงานในอเมริกา รัฐบาลจีนหลอกเอกชนให้ลงทุนมหาศาล
ตั้งโรงงานใหญ่ที่สุดในโลกที่จีนหรือ หรือว่านี่คือหลักทุนนิยมเสรีทั่วไป ที่ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐผู้นำทุนนิยมเสรีกำลังละเมิดหลักการนี้
เหมือนพวกอำนาจนิยมมากขึ้นทุกที
ความตั้งใจที่จะให้เอกชนอเมริกันกลับไปตั้งโรงงานในประเทศตัวเอง
มีมานานมากแล้ว มีก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์สมัยแรก ส่วนที่ทำได้ทำไปนานแล้ว
ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือผลลัพธ์ของอดีต
สิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้คือหลักฐานในตัวเอง
จีนอาจพูดผิด
แต่ถ้าสหรัฐไม่แก้ต้นตอปัญหา นโยบายใดๆ ที่ทำจะเป็นเพียงแค่การบรรเทาอาการ
เปลี่ยนอวัยวะบางชิ้นที่โรคร้ายกระจายทั่วร่างและค่อยๆ ซึมลึก กัดกินจนถึงกระดูก
ทำลายแม้กระทั่งจิตวิญญาณรากฐานอเมริกันชน ต่อให้รีเซ็ตระเบียบโลกก็ช่วยไม่ได้
อดีตประธานาธิบดีจิมมี
คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) กล่าวถึงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า
“การพูดความจริงเป็นหลักศีลธรรมสำคัญ (basic moral values)”
“การเคารพกฎหมายอยู่ในคำสาบานก่อนประธานาธิบดีทุกคนเข้าทำงาน”
“ข้าพเจ้าคิดว่าประธานาธิบดีต้องพูดความจริง
พูดเพื่อสร้างสันติภาพ และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม” “ดังนั้น
ความเท่าเทียมกัน สันติภาพและความจริง และความยุติธรรมพื้นฐาน (basic
justice) คือหลักศีลธรรมที่ข้าพเจ้าคิดว่า (ประธานาธิบดี)
ทุกคนต้องมี”
คำว่า “ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม” หมายถึงปฏิบัติต่อคนต่างชาติด้วย
ความเป็นเจ้าคืออยุติธรรม:
เมื่อทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีศุลกากรกว่าร้อยประเทศทั่วโลก
เรื่องนี้ถูกวิจารณ์ว่าตรรกะวิบัติ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดกฎแห่งป่า โลกในมุมมองของรัฐบาลสหรัฐนั้นโหดร้าย
ป่าเถื่อน จิตใจไม่พัฒนา ยังยึดสัญชาติญาณคนเถื่อน
และพยายามสร้างระเบียบโลกบนกฎคนเถื่อนเช่นนี้
ควรให้โลกในศตวรรษที่
21 เป็นเช่นนี้หรือ
รัฐบาลสหรัฐเรียกร้อง “fair trade” การค้าที่เท่าเทียมและเป็นธรรม
แต่ที่ทำจริงๆ คือไม่ยึดกติกาการค้าเสรีขององค์การค้าโลก
นี่คือสิ่งที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลสหรัฐกับพวกพยายามพร่ำบอกนานาชาติไม่ใช่หรือ
เฮนรี
คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) เคยอธิบายการจัดระเบียบโลกของสหรัฐ
ว่าคือการส่งผ่าน แนวคิดรัฐบาลที่มาจากผู้แทนราษฎรอย่างเสรี เป็นแนวคิดเสรีภาพ
ประชาธิปไตย ภายใต้ความเชื่อที่ว่าแนวคิดเหล่านี้จะจรรโลงความยุติธรรม
สันติภาพอันยั่งยืน ตลาดเสรีจะยกระดับปัจเจกชน สังคมมั่งคั่ง
เกิดระบบเศรษฐกิจที่ประเทศต่างๆ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แทนการแข่งขันดังเช่นศัตรู
นักวิชาการหลายสถาบันฟันธงว่า
นโยบายดังกล่าวจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมทั้งที่สหรัฐ
เพิ่มภาระทางเศรษฐกิจ เพิ่มความทุกข์แก่ประชาชน แม้กระทั่งต่อพลเมืองอเมริกัน
แต่จนถึงวันนี้ผู้นำอเมริกาพูดตรงข้าม ชี้ว่าเงินเฟ้อไม่เป็นปัญหา
สินค้าบางรายการถูกลง แต่คำพูดเหล่านี้ถูกพิสูจน์แล้วว่า “เป็นเท็จ”
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป:
นับวันรัฐบาลสหรัฐถอยห่างจากประชาธิปไตยตะวันตก
หันหลังให้การค้าเสรีตามกติกา WTO ที่ตนกับพวกเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมา
บัดนี้นานาชาติตื่นตัว
ควรหรือยอมให้ศตวรรษที่ 21 เป็นโลกที่ประเทศผู้มีอำนาจมากกว่าสามารถทำตามใจชอบ
กระทำอย่างอยุติธรรมต่อประเทศอื่นๆ หรือควรสร้างระเบียบโลกที่ตั้งบนกฎเกณฑ์
ที่มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น
สังคมอเมริกันควรเริ่มที่การแก้ไขตัวเอง
เปลี่ยนทัศนคติการบริโภคเกินตัว เสรีภาพที่นำสู่การทำลายตัวเอง
ใช้ระบอบการเมืองเศรษฐกิจที่เจริญยั่งยืน นี่ต่างหากที่ควรเรียกว่า "America
First"
---------------
บรรณานุกรม :1. Commentary:
Coercion-first only makes America the world's super-bully. (2025, April 29). Xinhua.
Retrieved from https://en.people.cn/n3/2025/0429/c90000-20309000.html
2. If
Trump can achieve North Korea peace, he would be Nobel-worthy: Carter. (2018,
May 23). The Japan Times. Retrieved from
https://www.japantimes.co.jp/news/2018/05/23/asia-pacific/politics-diplomacy-asia-pacific/trump-can-achieve-north-korea-peace-nobel-worthy-carter/#.WwTbGO6FPZ4
3. Kissinger, Henry.
(2014). World Order: Reflections on the Character of
Nations and the Course of History. New York: Penguin Group.
4. U.S. tariffs:
The world needs cooperation, not division. (2025, April 30). Xinhua.
Retrieved from https://en.people.cn/n3/2025/0430/c90000-20309796.html
5. U.S. tariffs: The world needs justice, not hegemony. (2025,
April 30). Xinhua. Retrieved from
https://en.people.cn/n3/2025/0430/c90000-20309566.html
-----------------