ความคิดทรัมป์ที่จะเกิดสงครามใหญ่เป็นวาทกรรมหาเสียงเท่านั้น เป็นอีกครั้งที่โดนัลด์ ทรัมป์พูดถูกบ้างผิดบ้าง “แบบทรัมป์ๆ” คิดอย่างเดียวว่าทำอย่างจึงจะชนะเลือกตั้ง
ทรัมป์กล่าวว่าหากกมลา
แฮร์ริสชนะเลือกตั้งแทบฟันธงได้ว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 (“virtually
guaranteed to happen”) แฮร์ริสยึดแนวนโยบายของพรรคเดโมแครทที่ชอบทำสงคราม
ส่วนนโยบายของตนคือให้ทุกฝ่ายในตะวันออกกลางยุติการสู้รบทันที
ในเชิงยุทธการ:
ถ้าคิดอย่างมีเหตุมีผล อิสราเอลกับอิหร่านไม่มีพรมแดนติดต่อกัน
ห่างกันพันกว่ากิโลเมตร (กรุงเตหะรานอยู่ห่างจากกรุงเทลอาวีฟ 1,600 กิโลเมตร) ถ้าไม่นับอาวุธนิวเคลียร์
อิสราเอลรบกับอิหร่านทางอากาศเป็นหลักเท่านั้น
ระยะทางที่ห่างเป็นพันกิโลเมตรผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ ถามว่าชาติอาหรับจะยินยอมหรือไม่
ยินดีให้อิสราเอลผ่านน่านฟ้าตัวเองเพื่อโจมตีอิหร่านหรือไม่
สมมุติว่าอิสราเอลสามารถโจมตีทางอากาศเต็มกำลัง
แต่ลำพังวิธีนี้ไม่สามารถเอาชนะอิหร่าน จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจากอิหร่านกับกองกำลังที่อิหร่านหนุนหลัง
(เช่น ฮิซบอลเลาะห์ ฮูตี) เป็นสงครามที่ยิงกันไปยิงกันมา
อิสราเอลที่เสียหายหนักจากสงครามฮามาสต้องสูญเสียมากขึ้นอีก
โดยไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากอิหร่านหรือได้ไม่คุ้มเสีย
ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง
บริบทปัจจุบันต่างจากอดีตมาก อิหร่าน-ขั้วซาอุฯ ปรับสัมพันธ์กันแล้ว เมษายน 2023 ทั้ง 2 ประเทศแถลงร่วมจะเปิดสถานทูตระหว่างกัน
มีความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกหลายประเทศทยอยฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน
ด้วยขีดความสามารถป้องกันภัยทางอากาศของเพื่อนบ้านอาหรับ
ยากที่อิสราเอลจะล้ำน่านฟ้าโดยไม่รู้ตัว
รัฐบาลสหรัฐจะแกล้งหลับตาข้างหนึ่งปล่อยผ่านได้หรือ
แม้กระทั่งรัสเซียกับจีนน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวด้วย
ฝ่ายอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธกับโดรนโจมตีอิสราเอลเมื่อเมษายน
2024 แต่โดนสกัดเกือบหมด เป็นหลักฐานที่ดีว่าเพื่อนบ้านอาหรับไม่เห็นด้วยกับสงคราม
ร่วมกันสกัดไม่ให้การรบบานปลายไม่ว่าใครจะก่อการ (ครั้งนั้นสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส
ซาอุฯ และจอร์แดนร่วมกันปกป้องอิสราเอล)
ในแง่สงครามใหญ่
ถ้าวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล
ก่อนรัฐบาลสหรัฐทำสงครามใหญ่ควรถามคนอเมริกันก่อนว่าต้องการเช่นนั้นหรือไม่
อยากให้เกิดสงครามโลกไหม รัฐบาลสหรัฐสามารถระงับสงครามตะวันออกกลางง่ายๆ
ด้วยการไม่ส่งอาวุธหนักให้อิสราเอล
การวิเคราะห์ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามใหญ่
แต่ตราบใดที่อิสราเอล ฝ่ายอิหร่านและเพื่อนบ้านตะวันออกกลางไม่คิดทำสงครามใหญ่
ต่างระวังไม่ให้บานปลาย สงครามใหญ่ไม่ใช่เรื่องของสองสามประเทศเท่านั้น
ความคิดทรัมป์ที่จะเกิดสงครามใหญ่กระทั่งเป็นสงครามโลกจึงผิด เป็นวาทกรรมหาเสียงเท่านั้น
เป็นอีกครั้งที่โดนัลด์ ทรัมป์พูดถูกบ้างผิดบ้าง
คิดอย่างเดียวว่าทำอย่างจึงจะชนะเลือกตั้ง
การหาเสียงของชาติเสรีประชาธิปไตย
พยายามส่งออกประชาธิปไตยแก่นานาชาติ อ้างว่าเป็นผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยโลก
สะท้อนลักษณะสังคมการเมืองของสหรัฐดังนี้
สังคมเสรีประชาธิปไตยที่เชื่อความเท็จ:
เลือกตั้ง
2024 เป็นอีกครั้งที่ทรัมป์ใช้เทคนิคสร้างความกลัว
เหมือนผู้สมัครหลายคนหลายรัฐบาล เพื่อเรียกคะแนนสนับสนุน
ไม่แปลกที่ผู้มีปัญญาหลายคนชี้ว่าทรัมป์เป็นพวกนักยุยงปลุกปั่นทางการเมือง (demagogue) เช่น ปลุกปั่นให้เกลียดชังมุสลิมอ้างว่าเป็นต้นเหตุก่อการร้าย
(มุสลิมบางคนก่อเหตุแต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะคนเท่านั้น
อิสลามกระแสหลักไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้าย เป็นการกระทำที่ผิดหลักศาสนา
การชี้ว่ามุสลิมเป็นต้นเหตุก่อการร้ายมาจากการปั่นกระแส Islamophobia ให้ต่อต้านมุสลิม ปลุกปั่นให้คิดว่าถ้าเลือกแฮร์ริสจะเกิดสงครามโลก
เทคนิคนี้ขยายประเด็นให้รุนแรงน่ากลัวเกินเหตุ
เกินความเป็นจริง หลายครั้งใช้ได้ผลเพราะคนอเมริกันนับล้านเชื่อเช่นนั้น
ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ
เมื่อนักการเมือง ผู้สมัครหาเสียง สื่อบางสำนัก พูดบ่อยๆ นำเสนอบ่อยๆ
กลายเป็นการกล่อมเกลาให้สังคมเชื่อเช่นนั้น เมื่อผนวกกับนักการเมืองเรียกร้องให้จัดการเด็ดขาด
ทิศทางนโยบายพรรคการเมืองกับรัฐบาลจึงออกไปทางนั้นด้วย
สิ่งที่อยู่ในใจแต่แรก
เช่น ความจงเกลียดจงชังกลายเป็นรูปธรรม เกลียดชังรัฐบาลจีน ลามไปถึงประชาชน คนเชื้อสายจีนโดนรังแกถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศสหรัฐนี่เอง
เรื่องเท็จกลายเป็นเรื่องที่สังคมเชื่อถือ
เป็นสังคมที่เชื่อความเท็จ
แทนที่ผู้มีอำนาจ ผู้มีความรู้
สังคมจะใช้ทรัพยากรพลังที่มีอยู่สร้างสรรค์สิ่งดี
กลับใช้กับเรื่องหลอกลวงและทำร้ายตัวเอง
คนอเมริกันหลายสิบล้านคนเชื่อทฤษฎีสมคบคิด:
สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์ของของนวัตกรรม
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความเจริญอีกหลายอย่างที่น่าชื่นชม สร้างคุณประโยชน์
เป็นแบบอย่างแก่นานาชาติ
ในขณะเดียวกันมหาอำนาจนี้เป็นศูนย์กลางของทฤษฎีสมคบคิดมากมายทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่
ยกตัวอย่าง
4-5 ปีก่อนเมื่อโรคโควิด-19 ระบาดหนัก
นานาชาติเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกัน ช่วงนั้นเกิดทฤษฎีสมคบคิดหลายเรื่อง พฤกษาคม 2020
สื่อ BBC รายงานข่าวทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่า
โควิด-19 เป็นแผนควบคุมโลกของบิลล์ เกตส์ ใส่ไมโครชิปในวัคซีนเพื่อควบคุมมนุษย์ทั้งโลก
บัดนี้พิสูจน์ได้หรือยังว่ามีชิปควบคุมมนุษย์ในวัคซีนนับพันล้านหมื่นล้านโดสหรือไม่
ที่ประหลาดกว่านั้นเมษายน
2020 สื่อ CNBC นำเสนอข่าวทฤษฎีสมคบคิดว่าไวรัสโควิด-19
มากับเสาส่งสัญญาณ 5G หลายคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แต่บางคนเชื่อเช่นนั้น
แม้กระทั่งคนอเมริกันกับยุโรป เรื่องแปลกแต่จริงมี “คนอเมริกันกับยุโรป”
ที่เชื่อว่าไวรัสโควิด-19 มากับสัญญาณ 5G
ผลของการใช้เสรีภาพอย่างขาดปัญญา:
นักวิชาการตะวันตกสรรเสริญ Enlightenment (ยุคเรืองปัญญา/ยุคแห่งภูมิธรรม/ยุคแห่งการรู้แจ้ง) ยุคที่มนุษย์ถกกันด้วยเหตุผล
บางคนจึงเรียกยุคนี้ว่า “Age of Reason”
Enlightenment
ระบุว่ามนุษย์เห็นว่าด้วยการใช้เหตุผล สามารถบรรลุชีวิตเปี่ยมสุขโดยไม่ต้องอาศัยความเชื่อศาสนา
เกิดการแยกตัวระหว่างศาสนาความเชื่อกับสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก (secularism) เป็นจุดเริ่มต้นของโลกสมัยใหม่ (ศตวรรษที่ 18)
เสรีภาพทางความคิดหมายถึงแต่ละคนสามารถคิดเห็นต่างกันและมักจะเป็นเช่นนั้น
หลายคนชอบที่จะแสดงความคิดเห็นของตน พัฒนาความคิดความเข้าใจจากการพูดคุยแลกเปลี่ยน
ผู้ดีมีตระกูลให้ความสำคัญกับการศึกษา อ่านหนังสือหลากหลายความคิด
ผลจากการที่มนุษย์มีเสรีภาพทางความคิด
ส่งเสริมให้คิดและเรียนรู้จากความคิดความเข้าใจของกันและกัน ความรู้วิชาการฝ่ายโลก
โดยเฉพาะความรู้วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
นำสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของคนที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม
การสรุปว่าเป็นยุคที่มนุษย์ใช้เหตุผลอย่างเดียวไม่ถูกต้อง
ในยุคนี้มีพัฒนาการของความใคร่รัก (passions) ความปรารถนา (desires)
ผู้คนตอบสนองอารมณ์ความต้องการส่วนตัว
สิ่งที่เรียกว่ายุค Enlightenment
จึงไม่ได้หมายถึงความเป็นผู้รู้ ผู้เข้าใจ ผู้มีปัญญาเพียงด้านเดียว
ยังเป็นยุคที่มนุษย์ปล่อยตัวไปตามความต้องการของตัณหา เป็นเสรีภาพที่ต้องการ
มาถึงศตวรรษที่
21 เสรีภาพของคนอเมริกันบางครั้งจึงหมายถึงการสร้างและรับความหวาดกลัวเกินจริง
(ทรัมป์คือตัวอย่างด้วยการพูดจริงบ้างเท็จบ้าง ไม่สนใจว่าถูกต้องหรือไม่) อเมริกาเป็นสังคมที่หลายคนกินยาแก้ซึมเศร้าเหมือนกินขนม
(มีข้อมูลว่ากว่า 70 ล้านคนหรือ 22% ของประชากรป่วยเป็นโรคซึมเศร้า)
เสพสุราสิ่งเสพติดเพื่อช่วยหนีโลกอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกสร้างขึ้น
คนอเมริกันหลายสิบล้านเชื่อว่าบิลล์ เกตส์พยายามลดประชากรโลก
ควบคุมมนุษย์ด้วยไมโครชิปที่ใส่ในวัคซีน
เหล่านี้เป็นทฤษฎีสมคบคิดที่พิสูจน์ได้แล้วว่า “เป็นเรื่องเท็จ”
ที่มีกลุ่มคนตั้งใจสร้างขึ้น ตั้งใจปลุกปั่นให้คนเชื่อตามนั้น
นี่หรือคือมหาอำนาจที่ควรเลียนแบบติดตาม
ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างขาดปัญญา
--------------------------
2.
Coronavirus: Bill Gates ‘microchip’ conspiracy theory and other vaccine claims
fact-checked. (2020, May 30). BBC.
Retrieved from https://www.bbc.com/news/52847648
3.
Here’s what Bill Gates has to say about those Covid-19 vaccine conspiracy
theories he’s pegged to. (2020, June 5). CNBC.
Retrieved from
https://www.cnbc.com/2020/06/05/bill-gates-responds-to-bizarre-covid-19-vaccine-conspiracy-theories.html
4.
Reill, Peter Hanns. (2004). Introduction. In Encyclopedia
Of The Enlightenment (Revised Ed., pp.ix-xi). New York: Book Builders
Incorporated
5.
Schmidt, James. (2006). Enlightenment. In Encyclopedia of Philosophy (2nd
Ed.). (Vol.3, pp.242-248). USA: Thomson Gale.
6.
Saudi Arabia, Iran formally restore ties, agree to travel visas for citizens.
(2023, April 7). Arab News. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2282371/saudi-arabia
7.
Trump's rise is the return of the demagogue. (2016, February 29). The
Guardian. Retrieved from
http://www.theguardian.com/commentisfree/2016/feb/29/donald-trump-us-election-2016-demagogue
-----------------