ฮามาสบุกอิสราเอลกันอาหรับคืนดีอิสราเอล

ความจริงคือนานาชาติยอมรับอธิปไตยอิสราเอลมากขึ้น รวมทั้งจากพวกชาติอาหรับด้วย ทั้งๆ ที่ทุกคนรับรู้ว่าอิสราเอลยึดปาเลสไตน์ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

            ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกถกว่าอะไรคือเบื้องหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล คำตอบที่เป็นไปได้มีมากกว่าหนึ่งข้อ บทความนี้นำเสนอแนวคิด “ฮามาสบุกอิสราเอลเพื่อกันอาหรับคืนดีอิสราเอล” ดังนี้

            บางคนคิดว่าฮามาสบุกอิสราเอลเพื่อระงับการฟื้นสัมพันธ์ระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอลที่นับวันจะไปด้วยกันได้ดี บางประเทศคืนความสัมพันธ์ระดับปกติแล้ว เช่น สิงหาคม 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติตามข้อตกลง Abraham Accords Peace Agreement เดือนถัดมาบาห์เรนทำกับอิสราเอลเช่นกัน

            เนื้อหาตอนหนึ่งใน Abraham Accord ระบุว่าทั้งอาหรับกับยิวต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัม (Abraham) ความจริงแล้วในภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยมุสลิม ยิว พวกนับถือคริสต์ และผู้นับถือศาสนาความเชื่ออื่นๆ แม้แตกต่างแต่ปรารถนาอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน

            ที่สำคัญคือมีข่าวรัฐบาลซาอุฯ จะปรับสัมพันธ์กับอิสราเอล รัฐบาลไบเดนกำลังเจรจาให้ซาอุฯ เข้าร่วม Abraham Accord อันหมายถึง ยอมรับการมีอยู่ของประเทศอิสราเอล อาหรับกับยิวเป็นมิตร หากสำเร็จเท่ากับยุติความขัดแย้งระหว่างอาหรับกับยิวที่มีมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่สถาปนารัฐอิสราเอลสมัยใหม่ และมีผลเท่ากับทอดทิ้งปาเลสไตน์ ละทิ้งจุดยืนเก่าแก่ที่การมีอยู่ของรัฐอิสราเอลเป็นความขมขื่นของโลกมุสลิม

            อีกข้อคือหากอาหรับคืนดีอิสราเอลส่งผลต่อความโดดเด่นของรัฐบาลอิหร่านที่ชูนโยบายต่อต้านอิสราเอลอย่างเข้มข้นเรื่อยมา

            ประเด็นหลังนี้สำคัญกว่าฮามาส ใหญ่กว่าฉนวนกาซา แม้กระทั่งสำคัญกว่าชาวปาเลสไตน์เพราะคือเรื่องราวระหว่างความสัมพันธ์ยิวกับชนชาติอาหรับทั้งมวล ระหว่างผู้นับถือ 2 ศาสนาที่ต่างกัน ดังจะเห็นว่ากลุ่มฮามาสใช้เหตุผลล่วงละเมิดมัสยิดอัล-อักซอร์ (Al-Aqsa Mosque) เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จำต้องทำอะไรสักอย่างตอบโต้อิสราเอล ข้อนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างศาสนาโดยแท้

            กลุ่มฮามาสจึงเป็นผู้เสียสละ ทำสงครามกับกองทัพอิสราเอล (อาจขยายความว่าสู้กับสหรัฐด้วย)

ชาติอาหรับจะถืออิสราเอลเป็นศัตรูหรือไม่:

            ยามนี้รัฐบาลอาหรับต่างพากันแสดงตัวต่อต้านอิสราเอล ซาอุฯ ระงับเจรจาปรับสัมพันธ์กับอิสราเอล เรื่องนี้ต้องมองทั้งระยะสั้นกับระยะยาว ตอนนี้องค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation: OIC) แถลงว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายรุกรานก่อน ยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ละเมิดข้อมติสหประชาชาติ ทำร้ายชาวปาเลสไตน์ทุกวัน เหล่านี้คือต้นเหตุของการปะทะระหว่างฮามาสกับอิสราเอลในขณะนี้ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติทำหน้าที่หยุดอิสราเอล ปกป้องปาเลสไตน์ ปฏิบัติตามข้อมติต่างๆ

            ถ้ามีความเข้าใจสักนิดจะรู้ว่า OIC ทำเหมือนเดิมเช่นที่ทำมาแล้วหลายสิบปีคือเน้น “ประณาม” ผลคือตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาแผ่นดินปาเลสไตน์หดเหลือน้อยลงทุกที ครั้งนี้คงเช่นกันที่ฉนวนกาซา (ส่วนหนึ่งของปาเลสไตน์) กำลังถูกทำลาย นำความทุกข์ยากแก่ประชาชน 2.3 ล้านคนให้หนักและยืดยาวกว่าเดิม

            รอบนี้ขยับอีกนิดสันนิบาตอาหรับ (Arab League) กับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ร่วมกันมีมติคว่ำบาตรห้ามขายอาวุธกับกระสุนแก่อิสราเอล ชี้อาวุธเหล่านี้สังหารพลเรือน ทำลายบ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ศาสนา

            จะเห็นว่ามติคว่ำบาตรห้ามขายอาวุธกับกระสุนแก่อิสราเอล ตั้งใจกดดันรัฐบาลสหรัฐกับยุโรป เพราะ 1) อาวุธอิสราเอลส่วนใหญ่มาจากสหรัฐ ถ้าไม่มีกระสุนลูกจรวดเพิ่ม อาวุธที่มีก็ไร้ประโยชน์ 2) ชาติอาหรับกำลังกดดันว่าพวกตนอาจระงับหรือลดการซื้อใช้อาวุธสหรัฐกับยุโรป โดยเฉพาะซาอุฯ ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐผู้หนุนหลังอิสราเอลต้องคิดหนัก งานนี้ไม่สหรัฐก็อิสราเอลต้องรับความเสียหาย

            แม้ยังไม่ใช่การคว่ำบาตรน้ำมันกับอาหารตามความต้องการอิหร่าน การคว่ำบาตรคือแนวทางที่รัฐบาลอิหร่านเรียกร้องตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นความคืบหน้าว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ขายอาวุธแก่อิสราเอล

ความจริงที่อยู่เหนือกฎหมาย:

            ตามกฎหมายระหว่างประเทศอิสราเอลยึดครองดินแดนปาเลสไตน์นั้นผิดแน่นอน สหประชาชาติยืนยันเรื่องนี้เรื่อยมา แทบไม่ต้องถกกันว่าใครถูกผิด ประเด็นเหล่านี้ถกหลายสิบปีแล้ว มีข้อสรุปชัดเจนอยู่แล้ว ทุกปีสหประชาชาติยังคงกล่าวโทษอิสราเอลเรื่องดินแดนปาเลสไตน์

            ประเด็นสำคัญคือไม่ว่าใครจะอ้างเหตุผลความชอบธรรมอย่างไร อิสราเอลยังคงตั้งมั่นและขยายดินแดนมากขึ้น นานาชาติยอมรับรัฐอธิปไตยอิสราเอลมากขึ้น รวมทั้งพวกชาติอาหรับด้วย ทั้งๆ ที่ทุกคนรับรู้ว่าอิสราเอลยึดปาเลสไตน์ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

            นี่คือ “ความจริงที่อยู่เหนือกฎหมาย”

            เป็นไปได้ว่าในอีกหลายปีข้างหน้าพวกชาติอาหรับที่ตอนนี้ต่อต้านอิสราเอลจะกลับไปคืนดีอิสราเอลอีกครั้ง (หลังฮามาสถูกไล่ล่ากวาดล้างหลายปี) น่าติดตามว่าท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลซาอุฯ จะยอมรับรัฐอธิปไตยอิสราเอล ชาติอาหรับทั้งหลายจะเป็นมิตรกับอิสราเอลหรือไม่

            ดังที่มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) กล่าวเมื่อปี 2018 ว่าอิสราเอลมี “สิทธิ” เหนือดินแดนมาตุภูมิของตน คนยิวมีสิทธิแห่งการเป็นรัฐชาติ (nation-state) ที่อยู่ร่วมกับชนชาติอื่นโดยสันติ ทั้งยังเสนอข้อตกลงสันติภาพเพื่อนำสู่ความสัมพันธ์ตามปกติ ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยัง “มีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่าง”

            คำพูดนี้เท่ากับยอมรับอิสราเอลปัจจุบัน ต่างจากอดีตที่เห็นว่าอาหรับกับยิวอยู่ร่วมโลกไม่ได้

            มกุฎราชกุมารอธิบายเพิ่มว่า “ประเทศของเราไม่มีปัญหากับคนยิว ศาสดามุฮัมมัด (Muhammad) ของเราแต่งงานกับหญิงยิว ไม่ใช่เพียงเป็นเพื่อนแต่แต่งงานกัน เพื่อนบ้านของศาสดาก็เป็นพวกยิว ซาอุฯ ในปัจจุบันมีชาวยิวไม่น้อยทั้งจากอเมริกา ยุโรป”

            แต่ไหนแต่ไรตำราเรียนกระแสหลักจะสอนว่ารัฐบาลซาอุฯ เป็นศัตรูกับอิสราเอลตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอลหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อค.ศ.1948 ชาวอาหรับเห็นว่าปาเลสไตน์เป็นพื้นที่ๆ บรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยมานานแล้ว การก่อตั้งรัฐอิสราเอลสมัยใหม่เป็นชนวนขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอาหรับอย่างรุนแรง บรรดารัฐอาหรับต่างไม่ยอมรับรัฐอิสราเอล แสดงความเป็นศัตรูอย่างรุนแรงชนิดอยู่ร่วมโลกไม่ได้ ทำสงครามถึง 5 ครั้ง จนกระทั่งปี 1993 ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจา แม้ความขัดแย้งทุเลาลงบ้างแต่แสดงอาการเป็นระยะๆ หนักบ้างเบาบ้าง

            การมีอยู่ของรัฐอิสราเอลเป็นความขมขื่นของโลกมุสลิม คนมุสลิมจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ส่งต่อความเกลียดชังอิสราเอล เรื่องราวในอดีตคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ส่วนเรื่องราววันนี้คือหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ที่บัดนี้ดูเหมือนว่ามกุฎราชกุมารซัลมานกำลังลบล้างและ/หรือเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ รัฐอิสราเอลกับอาหรับจะเป็นมิตร ละทิ้งความเป็นศัตรูคู่อาฆาต

            มีนาคม 2022 มกุฎราชกุมารซัลมาน (ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรี) กล่าวว่าตนหวังว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะหมดไป ซาอุฯ ไม่มองว่าอิสราเอลเป็นศัตรู ตรงกันข้ามคาดหวังว่าจะเป็นพันธมิตรต่อกัน มีผลประโยชน์หลายอย่างที่ร่วมมือกันได้ จะเห็นว่าท่าทีของมกุฎราชกุมารซัลมานต่างจากกษัตริย์ซาอุฯ ในอดีต เป็นจุดยืนใหม่ในศตวรรษที่ 21 หลับขับเคี่ยวหลายสิบปีนับตั้งแต่เกิดรัฐอิสราเอลสมัยใหม่

            ที่กล่าวมาข้างต้นคือความเป็นไปอย่างหนึ่งของโลก ยามนี้ที่ฮามาสทำสงครามกับอิสราเอลสามารถกีดกันอาหรับคืนดีอิสราเอล แต่จะกีดกันได้นานเพียงไรเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบ แล้วจะพบว่านั่นคืออีกความจริงของโลก เหมือนที่รัฐอาหรับทยอยคืนดีอิสราเอลทั้งๆ ที่รู้ว่าอิสราเอลยึดครองปาเลสไตน์ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

26 พฤศจิกายน 2023
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 28 ฉบับที่ 9873 วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566)

-------------------

บรรณานุกรม :

1. OIC slams Israeli military aggression against Palestinians. (2023, October 9). New Strait Times. Retrieved from https://www.nst.com.my/world/world/2023/10/964680/oic-slams-israeli-military-aggression-against-palestinians#google_vignette

2. Saudis said to tell US they are halting normalization talks with Israel. (2023, October 14). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/saudis-said-to-tell-us-they-are-halting-normalization-talks-with-israel/

-----------------