Russophobia ในยุครัฐบาลทรัมป์

กระแสกลัวรัสเซียเป็นทัศนคติ การรับรู้ของผู้ที่มองรัสเซียเป็นภัยซึ่งอาจเป็นจริงหรือเกินจริง ในยุคทรัมป์กระแสกลัวรัสเซียถูกผูกเข้ากับการเมืองภายในอเมริกาเพื่อชี้ว่าทรัมป์คือหุ่นเชิดของรัสเซีย
            เป็นเวลานานแล้วที่ชาติตะวันตกหรือที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายเสรีประชาธิปไตยมองรัสเซียหรืออดีตสหภาพโซเวียตในแง่ลบ ทุกวันนี้ความคิดนี้ยังคงอยู่แม้เปลี่ยนไปบ้างตามบริบทที่เปลี่ยนแปลง
นิยาม Russophobia :
            Russophobia หรือ “กระแสกลัวรัสเซีย” หมายถึง ความคิด ทัศนคติว่ารัสเซียข่มขู่คุกคาม บั่นทอนทำลายผลประโยชน์แห่งชาติ อันเป็นผลรวมจากประสบการณ์ มุมมอง การรับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันและคาดว่าจะเกิดในอนาคต อาจเป็นความจริงหรือเท็จ หรือมีความจริงปนเท็จ ตีความเกินจริง ตีความอย่างมีเป้าหมาย
            โดยทั่วไปหมายถึงกระแสความรู้สึกของคนจำนวนมากในสังคมกับรัฐบาลที่หวาดกลัวภัยจากรัสเซียหรือรัฐบาลรัสเซียที่เกินจริง อาจเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อให้เกลียดชัง ต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อต่อต้านภัยจากรัสเซีย
            บางครั้งใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองภายในรัสเซียหรือประเทศอื่น ให้ต่อต้านรัฐบาล หรือใช้ในการหาเสียง เป็นลักษณะหนึ่งของการรณรงค์เลือกตั้งทางลบ (Negative Campaign) ให้ประชาชนเกลียดชังไม่ชอบนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) โจมตีนโยบายของฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) ว่าจะนำสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะใช้นโยบายเผชิญหน้ารัสเซีย
            เป็นการยากที่จะประเมินความกลัวในเชิงคุณภาพกับปริมาณ เป็นเรื่องของทัศนคติ การรับรู้ (perception) ของแต่ละคนที่แตกต่าง แม้กระทั่งการรับรู้ของรัฐเพราะการรับรู้ของรัฐคือรัฐบาลซึ่งแต่ละชุดแตกต่างกัน ขึ้นกับผู้นำประเทศ ทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เป้าหมาย วาระที่ซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับระดับประชาชนที่แต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจต่างกัน อาจคิดเหมือนหรือต่างจากรัฐบาล
            คำกว่า “กระแสกลัวรัสเซีย” ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย (ไม่ว่าจะใช้ศัพท์คำนี้โดยตรงหรือไม่) ทั้งจากสหรัฐ ชาติตะวันตก แม้กระทั่งในหมู่รัฐบริวารของอดีตสหภาพโซเวียต
รากฐานกระแสกลัวรัสเซีย :
            ประการแรก นโยบายดั้งเดิม
            เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่ารัฐบาลสหรัฐต่อต้านอดีตสหภาพโซเวียตอย่างรุนแรง ถึงขั้นอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ การแข่งขันระหว่าง 2 อภิมหาอำนาจอาจกลายเป็นหายนะล้างโลกหากใช้อาวุธนิวเคลียร์ กระแสความวิตกกังวลเรื่องเหล่านี้ฝังอยู่ในตำรา ความทรงจำของคน
            Guy Mettan อธิบายว่าแท้จริงแล้วแนวคิดกระแสกลัวรัสเซียไม่ใช่ของใหม่แต่ประการใด สามารถย้อนหลังถึงศตวรรษที่ 9 ที่สมัยนั้นรัฐฝั่งยุโรปตะวันตกจงเกลียดจงชังรัสเซีย มี French russophobia, English russophobia, German russophobia และในที่สุดมี American russophobia โดยเนื้อแท้ เป็นความเกลียดชังระหว่าง “ผู้ปกครองด้วยกัน” และผู้ปกครองพยายามถ่ายทอดให้พลเมืองร่วมเกลียดชังด้วย เป็นส่วนหนึ่งของสมรภูมิทางความคิดที่ดำเนินเรื่อยมาร่วมพันปีแล้ว
            ประการที่ 2  ฝ่ายการเมืองที่มองเป็นศัตรู
            แม้ประธานาธิบดีทรัมป์คิดเปลี่ยนท่าทีมองรัสเซียเป็น “คู่แข่งขัน” แทนการเป็น “ปรปักษ์” (enemy) แต่ถูกฝ่ายการเมืองต่อต้านรุนแรง ยกตัวอย่าง วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครท มาร์ค วอร์เนอร์ (Mark Warner) วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) ร่วมแถลงข่าวว่าประชาคมโลกต้องรับรู้ว่าชาติประชาธิปไตยไม่อาจเข้าได้กับรัฐบาลปูตินหรือระบอบอำนาจนิยมใดๆ ต้องร่วมกันต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย
            วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน บิน ซาซ์ (Ben Sasse) กล่าวว่า “ชาวอเมริกันผู้รักชาติทุกคนควรเข้าใจว่าปูตินไม่ใช่เพื่อนอเมริกาและไม่ใช่คู่หูของประธานาธิบดี”
            เมื่อมีนักการเมืองจาก 2 พรรคใหญ่ที่ต่อต้านการเป็นมิตรกับรัสเซีย กระแสกลัวรัสเซียจึงถูกปลุกและโหมให้รุนแรงอยู่เสมอ

ลักษณะและเป้าหมายของ Russophobia :
            เป้าหมายของกระแสกลัวรัสเซียคือทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวรัสเซีย ทั้งที่อาจถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ได้ อีกลักษณะคือแนวคิดว่ารัสเซียจะเติบใหญ่เป็นมหาอำนาจหรืออภิมหาอำนาจ การแข่งขันแย่งชิงระหว่าง 2 มหาอำนาจไม่อาจยุติ
            ประการแรก กระแสกลัวรัสเซียคือส่วนหนึ่งของการสร้างศัตรู
            เป็นความตั้งใจที่บางกลุ่มบางฝ่ายเจตนาสร้างขึ้นมา หรืออาจอธิบายว่าเป็นผลจากการรับรู้ของปัจเจกและส่งทอดแก่คนอื่น
            ประธานาธิบดีปูตินครั้งหนึ่งกล่าวว่ารัสเซียพัฒนากองทัพเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ไม่คิดรุกรานใคร จะเห็นว่ารัสเซียแทบไม่มีฐานทัพต่างแดน งบประมาณกลาโหมต่ำกว่านาโต 10 เท่า จึงเป็นเรื่องตลกถ้าคิดว่ารัสเซียจะบุกโจมตีนาโต บางประเทศใช้ประโยชน์จากความกลัวของประชาชนที่มีต่อรัสเซีย และรัฐบาลบางประเทศพยายามสร้างความหวาดกลัวนี้ บางคนยังฝังใจสมัยสหภาพโซเวียต
            คำแก้ต่างของปูตินจะฟังขึ้นหรือไม่ ย่อมขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน
            ฝ่ายที่คิดต่างจะยอมรับว่ารัฐบาลรัสเซียไม่ได้ดีเลิศไปเสียทุกเรื่อง พยายามนำเสนอหลักฐานว่าสื่อมวลชน นักการเมือง นักวิชาการตะวันตกบางคนบิดเบือนเรื่องรัสเซีย บางครั้งเห็นชัดว่าตั้งใจก่อความเข้าใจผิด เพราะเป็นยุทธศาสตร์ของชนชั้นปกครองอเมริกา
            ทำนองคล้ายกับแนวคิดของ George Kennan ที่พยายามชี้ภัยจากคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียต นำแนะให้รัฐบาลสหรัฐใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อม จนกลายเป็นสงครามเย็นในยุคนั้น ปัจจุบันแนวคิดกระแสกลัวรัสเซียพยายามชี้ภัยจากรัสเซียอีกครั้ง แต่เนื่องจากคราวนี้ไม่อาจใช้ความแตกต่างอุดมการณ์ทางการเมืองการปกครอง จึงพยายามอาศัยหลายวิธี เช่น รัสเซียไม่เป็นประชาธิปไตยแม้มีการเลือกตั้ง กำลังสร้างสมกำลังทหารและจะครองโลก จนถึงเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี
            ประการ 2  การสร้างกระแสกลัวรัสเซียในการเลือกตั้ง 2016
            ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 2016 ฮิลลารี คลินตันคู่แข่งทรัมป์แสดงตัวเป็นปรปักษ์ต่อรัสเซียโดยหวังผลเลือกตั้ง เนื่องจากทรัมป์วางตัวเป็นมิตรกับรัสเซีย ฮิลลารีพยายามสร้างภาพรัสเซียให้ดูน่ากลัว เช่น รัสเซียยังคงบ่อนทำลายสหรัฐ ทำสงครามไซเบอร์ กำลังแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกา หากทรัมป์ชนะจะเป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย
            ด้านประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่ารัสเซียไม่สนใจการเลือกตั้งอเมริกา พร้อมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำคนใหม่ สื่อตะวันตกเป็นผู้สร้างเรื่องว่ารัฐบาลรัสเซียสนับสนุนทรัมป์ เป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามการเมือง พยายามบงการความเห็นสาธารณชนเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง”
            ในเชิงหลักการ เป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้วที่ทั้งรัฐบาลรัสเซียกับสหรัฐต่างพยายามแทรกแซงกิจการภายในของอีกฝ่ายเรื่อยมาทั้งแบบทางตรงกับทางลับ เพื่อสร้างปัญหา บ่อนทำลายฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลสหรัฐพยายามโค่นล้ม มีอิทธิพลต่อรัฐบาลรัสเซีย เช่นเดียวกับที่รัสเซียพยายามแทรกแซงหรือชักนำนโยบายของสหรัฐ
            จุดน่าสนใจคือคำถามที่ว่า แล้วทำไมการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ผ่านมาจึงกลายเป็นประเด็นเด่นดังว่ารัสเซียแทรกแซงการเมืองอเมริกา ในเมื่อทำกันเรื่อยมาอยู่แล้ว นี่คือ “การสร้าง” กระแสกลัวรัสเซียในสมัยทรัมป์ ให้เชื่อมโยงกับการต่อสู้ทางการเมืองภายในของอเมริกาเอง
ทำไมต้องสร้างกระแสกลัวรัสเซีย :
            ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงการใส่ร้ายป้ายสีของรัฐบาลกับนักการเมืองสหรัฐว่าเป็นความพยายามที่จะโทษคนอื่น ทั้งที่เป็นปัญหาภายในการเมืองอเมริกาเอง ... พวกเขาลังเลที่จะยอมรับความผิดเรื่องนี้ เป็นเหตุผลที่โทษรัสเซีย
            นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่าชนชั้นปกครองอเมริกาไม่ชอบประธานาธิบดีปูติน เมื่อปูตินค่อยๆ นำพาประเทศสู่ความมั่นคงและเป็นอิสระจากอเมริกา
            เหตุผลอีกข้อคือ 7 ทศวรรษหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลสหรัฐมีอิทธิพลต่อการจัดระเบียบเศรษฐกิจการเมืองโลก มาบัดนี้รัสเซีย-จีนและพวกกำลังร่วมจัดระเบียบโลกอีกแบบที่บั่นทอนผลประโยชน์สหรัฐ รัสเซียในยุคปูตินฟื้นฟูความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แม้ยังไม่เท่าเดิมแต่สามารถขัดแข้งขัดขาอเมริกาได้หลายเรื่อง
            ฝ่ายการเมืองอเมริกาจึงต้องโหมกระแสกลัวรัสเซียเพื่อให้พลเมืองอเมริกันสนับสนุนนโยบายต้านรัสเซีย หากคิดในกรอบเลือกตั้งพวกเดโมแครทจะไม่ยอมปล่อยให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัยอย่างง่ายๆ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งปลายปี 2020 กระแสกลัวรัสเซียจะถูกเอ่ยถึงมากขึ้น โหมให้หนักขึ้น นี่คือการเมืองของประเทศนี้
สงครามข้อมูลข่าวสารและความคิด :
            “กระแสกลัวรัสเซีย” พูดได้จาก 2 มุมมอง คือ ฝ่ายต่อต้านรัสเซียกับฝ่ายรัสเซีย ฝ่ายแรกพยายามชักนำให้คนเกลียดกลัว อีกฝ่ายชี้ว่าเป็นแผนบ่อนทำลายของศัตรู เป็นเรื่องยากที่จะประเมินว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ระดับความเข้มข้น (degree) อยู่ที่ไหน รุนแรงร้ายแรงเพียงใด บ่อยครั้งการริเริ่มของบางคนบางฝ่ายสร้างกระแสสังคมจากนั้นกระแสสังคมกลับมากดดันรัฐบาลว่าควรทำอย่างไร สิ่งที่ “เป็นเท็จ” กลายเป็น “ความจริง” ตามการรับรู้ของคนทั่วไป
            เป็นอีกลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้มีข้อมูลความรู้ท่วมโลก เข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Revolution) แล้ว
5 พฤษภาคม 2019
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ สถานการณ์โลกไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8211 วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2562)
------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ประธานาธิบดีทรัมป์ชี้แจงว่าการเป็นมิตรกับรัสเซียย่อมดีกว่า เพราะทั้งคู่เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ คำถามคืออยากเป็นมิตรเพื่อใคร
ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศขึ้นกับผู้นำประเทศเป็นสำคัญ รัสเซียในยุคปูตินกำลังฟื้นตัวตามลำดับ ปูตินเป็นนายกฯ สมัยแรกในปี 1999 และเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2000 จากนั้นครองอำนาจมาโดยตลอด หากทุกอย่างราบรื่นท่านน่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2018 ได้เป็นประธานาธิบดีถึงปี 2024 รัสเซียคงจะเจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอีกมาก ภายใต้มุมมองของรัฐบาลสหรัฐย่อมเห็นว่าเป็นภัยคุกคาม 
บรรณานุกรม :
1. As Trump says Putin 'not my enemy', skeptics in U.S. see danger. (2018, July 13). Reuters. Retrieved from https://www.reuters.com/article/us-usa-russia-summit-critics/as-trump-says-putin-not-my-enemy-skeptics-in-u-s-see-danger-idUSKBN1K2348
2. At third debate, Trump won’t commit to accepting election results if he loses. (2016, October 19). The Washington Post. Retrieved from https://www.washingtonpost.com/politics/trump-wont-commit-to-accepting-election-results-if-he-loses/2016/10/19/9c9672e6-9609-11e6-bc79-af1cd3d2984b_story.html
3. Democrats urge Trump to cancel Putin summit following Mueller indictments. (2018, July 13). Los Angeles Times. Retrieved from http://www.latimes.com/politics/la-na-pol-doj-indictment-russian-hacking-20180713-story.html
4. Embassy of the Russian Federation in the USA. (2019, April 18). THE RUSSIAGATE HYSTERIA: A CASE OF SEVERE RUSSOPHOBIA. Retrieved from https://washington.mid.ru/upload/iblock/3c3/3c3d1e3b69a4c228e99bfaeb5491ecd7.pdf
5. Guy Mettan’s book on russophobia is a “must read” for any person interested in Russia. (2016, July 14). The Saker. Retrieved from https://thesaker.is/guy-mettans-book-on-russophobia-is-a-must-read-for-any-person-interested-in-russia/
6. Kanet, Roger E. (ed.). (2007). Re-Emerging Great Power. New York: PALGRAVE MACMILLAN.
7. Polsby, Nelson W., Wildavsky,  Aaron., Schier, Steven E., & Hopkins, David A. (2016). Presidential Elections: strategies and structures of American politics (14th Ed.). Maryland: Rowman & Littlefeld.
8. Russia’s Not Playing Favorites but Trump Does Speak for the People, Putin Says. (2016, October 27). The Wall Street Journal. Retrieved from http://www.wsj.com/articles/putin-says-russia-has-no-influence-over-u-s-elections-1477579171?tesla=y
9. ‘Russia would attack NATO only in mad person’s dream’ – Putin. (2015, June 6). RT. Retrieved from http://rt.com/news/265399-putin-nato-europe-ukraine-italy/
10. Russophobia in the New Cold War. (2018, April 4). The Nation. Retrieved from https://www.thenation.com/article/russophobia-in-the-new-cold-war/
11. Sakwa, Richard. (2008). Russian Politics and Society (4th ed.). Oxon: Routledge.
12. Thomas Graham: US-Russian relations have entered a new era. (2016, March 2). TASS. Retrieved from http://tass.ru/en/world/860254
13. Trump says Clinton policy on Syria would lead to World War Three. (2016, October 26). CNBC/Reuters. Retrieved from http://www.cnbc.com/2016/10/25/trump-says-clinton-policy-on-syria-would-lead-to-world-war-three.html
-----------------------------
ภาพ : หน่วยขีปนาวุธนิวเคลียร์รัสเซีย
ที่มา : http://eng.mil.ru/en/structure/forces/strategic_rocket.htm