เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมานายหลี่
เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ตั้งใจสานสัมพันธ์ในสามด้านคือ
ความร่วมมือทางทะเล ความร่วมมือบนบกและความร่วมมือทางการเงิน นายกฯ หลี่กล่าวว่าความร่วมมือทั้งสามด้านจะช่วยให้ความสัมพันธ์สองประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
จากความเห็นต่างสู่ความร่วมมือ ความร่วมมือทวิภาคีไม่เพียงสร้างผลประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ
ยังส่งเสริมสันติภาพ การพัฒนาและความมั่งคั่งของภูมิภาคด้วย
ด้านนายเหงวียน เติ๋น สุง (Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี
พร้อมจะทำงานร่วมกับจีนผ่านการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง
สร้างความไว้วางใจทางการเมือง เพิ่มความร่วมมือทั้งทางทะเล ทางบกและความร่วมมือทางการเงิน
และความร่วมมือในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก
ความร่วมมือ 3 ด้าน:
ในการเยือนคราวนี้สองประเทศได้ประกาศความร่วมมือ
3 ด้าน สรุปสาระสำคัญดังนี้
1.
ความร่วมมือทางทะเล
จีนเห็นว่าข้อพิพาททะเลจีนใต้เป็นปัญหาหลักเพียงข้อเดียวที่เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์
สองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะจัดการปัญหาอย่างเหมาะสม
ระวังที่จะไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์สองประเทศ ยึดมั่นปฏิบัติตาม “ข้อตกลงว่าด้วยหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับการแก้ไขประเด็นปัญหาที่เกี่ยวกับทะเล”
ตามที่ได้ลงนามเมื่อปี 2011จะควบคุมไม่ให้ข้อพิพาทลุกลามบานปลาย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงเกษตรของทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยผ่านสายด่วนถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น
สองฝ่ายจะปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration
on the Conduct of Parties in the South China Sea หรือ DOC)
อย่างเคร่งครัด และพยายามหาข้อสรุปในการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้
(code of conduct for the South China Sea หรือ COC) โดยยึดหลักฉันทามติ
ในด้านความร่วมมือทางทะเล
นายกฯ หลี่คาดหวังว่าภายในหนึ่งปีสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการพัฒนาเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้
(Beibu Bay) ความร่วมมือพัฒนาทะเลจีนใต้ร่วมกันจะเป็นวิธีแก้ไขข้อพิพาทที่มีอยู่
เปลี่ยนจากข้อพิพาทกลายเป็นการสร้างผลประโยชน์ร่วม ข้อสรุปที่ได้คือในปีนี้จะเริ่มทำการสำรวจร่วมน่านน้ำปากอ่าวเป่ยปู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
2. ความร่วมมือบนบก
2. ความร่วมมือบนบก
ในด้านการค้าการลงทุน
สองประเทศจะพยายามปรับการค้าทวิภาคให้สมดุล ตั้งเป้าเพิ่มการค้าระหว่างกันให้ได้ถึงปีละ
6 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นปี 2015 (ข้อมูลทางการเวียดนามชี้ว่าปี 2012
การค้าทวิภาคีอยู่ที่กว่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์)
ในด้านการเชื่อมต่อ ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่
ตาม “แผนพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าเวียดนามกับจีน ระยะ 5 ปี 2012-2016” ในการเยือนของนายกฯ
หลี่ครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าสองฝ่ายจะจัดตั้งทีมทำงานร่วมเพื่อศึกษาความร่วมมือดังกล่าว
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางหลวงเชื่อมจังหวัดลางเซิน (Lang Son) กับกรุงฮานอย (Hanoi) เร่งศึกษาเส้นทางระหว่างมงไค (Mong
Cai) กับฮาลอง (Ha Long) และเร่งรัดศึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อเมืองหลาวกาย
(Lao Cai) ฮานอยและไฮฟอง (Hai Phong)
อันที่จริงแล้วโครงการเหล่านี้ไม่ใช่โครงการใหม่ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงเชื่อมจังหวัดลางเซินกับกรุงฮานอย
เดิมมีแผนว่าจะทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2020 แต่จากสถานการณ์ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนของการตั้งคณะศึกษาร่วมเท่านั้น
โครงการจึงไม่น่าจะแล้วเสร็จทันปี 2020
3.
ความร่วมมือทางการเงิน
สองฝ่ายตกลงสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เน้นการจัดการวิกฤตเศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศ
ให้มีการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบทวิภาคี (bilateral currency swap) กระบวนการชำระเงินและส่งมอบสินค้าจากการซื้อขายข้ามประเทศ (settling
cross-border trade) ด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ข้อสรุปจากการประชุมคือจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาความร่วมมือทางการเงิน
วิเคราะห์องค์รวม:
การเยือนเวียดนามช่วยให้ความสัมพันธ์สองประเทศดีขึ้น
ผู้นำประเทศต่างเห็นด้วยที่จะเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมือง แลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระดับสูง
รักษาบรรยากาศสงบเรียบร้อยในทะเลจีนใต้
ความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองยังเป็นประเด็นสำคัญที่สองฝ่ายต้องพยายามอีกต่อไป
ไม่เพียงเฉพาะระดับเจ้าหน้าที่ ยังรวมถึงระดับประชาชนทั่วไป
น่าชื่นชมว่านายกฯ
หลี่ได้พยายามสานสัมพันธ์กับเวียดนามด้วยตนเอง การเยือนของจีนเป็นการเยือนระดับผู้นำประเทศในรอบ
10 ปี สองประเทศยังมีประเด็นข้อพิพาทที่หาข้อสรุปไม่ได้ จึงตกลงร่วมมือเฉพาะส่วนที่ทำได้
ขยายผลประโยชน์ร่วมให้มากพร้อมกับลดความเห็นต่างให้เหลือน้อยที่สุด ความเห็นต่างเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือ
การร่วมสำรวจน่านน้ำปากอ่าวเป่ยปู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นกรณีตัวอย่างของความร่วมมือเชิงรูปธรรม
ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการศึกษาวางแผนร่วมกัน
เรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้คือเศรษฐกิจจีนนับวันยิ่งเติบโต โลกมีแนวโน้มเชื่อมต่อมากขึ้น
จีนดำเนินนโยบายเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการเมืองกับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งเวียดนาม
ดังนั้นสองประเทศมีแนวโน้มสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการเมืองมากขึ้น หากมองด้วยสายตาการมีอิทธิพลต่อกันเวียดนามกังวลว่าจีนจะส่งอิทธิพลต่อตนมากขึ้นในอนาคต
ความกังวลที่จีนจะครอบงำเวียดนามคือความกังวลเดิมๆ
ย้อนหลังประวัติศาสตร์นับร้อยนับพันปีที่จีนมักมีอิทธิพลเหนือเวียดนามในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ในขณะที่เวียดนามผ่านร้อนผ่านหนาวจากความพยายามต่อสู้เพื่อความเป็นไทต่อทุกชาติรวมทั้งจีน
นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่าผลจากขนาดเศรษฐกิจระดับการพัฒนาที่แตกต่างและความไม่ลงรอย
ทำให้จีนไม่สามารถดำเนินนโยบายต่อเวียดนามตามที่ตนต้องการ เวียดนามสูญเสียโอกาสที่น่าจะได้จากความสัมพันธ์กับจีน
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งชาวเวียดนามบางส่วนเห็นว่าเป็นอีกครั้งที่สามารถสกัดอิทธิพลของจีน
รักษาความเป็นอิสระของประเทศ เป็นตัวแทนของการต่อสู้เพื่อความเป็นไทของเวียดนาม
จีนมีทางเลือกหันไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น
แต่ก็เกรงว่ามหาอำนาจอื่นจะร่วมมือกับเวียดนาม หากเวียดนามจำต้องร่วมมือกับประเทศใดประเทศหนึ่ง
เช่นในการพัฒนาเศรษฐกิจ จีนย่อมเห็นว่าการร่วมมือกับจีนดีกว่าแน่นอน
การเยือนเวียดนามของนายกฯ หลี่เป็นหลักฐานแสดงความพยายามของจีนได้เป็นอย่างดี
ที่สุดแล้ว
เวียดนามยังต้องมีความสัมพันธ์กับจีนต่อไป เพียงแต่ต้องรักษาระยะห่างจากจีน ยิ่งกังวลว่าจะถูกครอบงำมากเพียงไร
ก็จะยิ่งพยายามพาตัวให้ออกห่างมากเท่านั้น แสดงออกเป็นรูปธรรมผ่านการร่วมมือกับประเทศอื่นๆ
สิ่งที่จีนทำได้และควรทำคือการแสดงออกถึงความจริงใจอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับที่จีนในปัจจุบันดำเนินนโยบายเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ร่วมมือในส่วนที่เวียดนามเห็นด้วย ให้เป็นการตัดสินใจที่มาจากเวียดนามอย่างแท้จริง
นอกจากเหตุผลทางการเมือง
ประเด็นสำคัญที่ควรนำมาพิจารณาคือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น เวียดนามมีความจำเป็นเร่งด่วนเพียงใดหรือเวียดนามต้องการชะลอโครงการ
ต้องการเวลาพิจารณามากกว่านี้ จีนหวังว่าการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งจะเอื้อให้การส่งออกการลงทุนจากภาคใต้ของจีนสู่หลายประเทศในอาเซียน
ประเด็นคือแล้วเวียดนามจะได้ประโยชน์จากระบบขนส่งดังกล่าวมากน้อยเพียงไร
ในเมื่อเศรษฐกิจเวียดนามยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับจีน
เวียดนามจะได้ประโยชน์จากการค้าการลงทุนมากน้อยเพียงไร
ประเด็นถัดมาคือระบบเศรษฐกิจเวียดนามรองรับการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
หากการเชื่อมต่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วรุนแรง
สินค้าจากจีนและอาเซียนที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ตลาดเวียดนามจะกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศการผลิตของท้องถิ่นหรือไม่
เป็นประเด็นที่จำต้องพิจารณาและศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ
ดังนั้น
เมื่อพูดถึงความร่วมมือ พูดถึงผลประโยชน์ร่วม แน่นอนว่าทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์
แต่เท่านี้อาจไม่เพียงพอ ต้องชัดเจนว่าความร่วมมือดังกล่าวเป็นการตอบสนองประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหลัก
หรือตอบสนองผลประโยชน์ร่วมอย่างเท่าเทียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาผลเสียที่อาจเกิดขึ้นว่าจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจสังคมภายในอย่างไร
การมุ่งมองแต่ผลดีอย่างเดียวย่อมปราศจากความรอบคอบและไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด
ความร่วมมือจะเกิดขึ้นได้จริง
ถ้าเวียดนามเห็นชอบอย่างแท้จริงทั้งในเชิงหลักการและระยะเวลา
ตราบใดที่เวียดนามมีความต้องการน้อยกว่ายังไม่ได้ประโยชน์จากความร่วมมือเต็มที่
เมื่อนั้นเวียดนามย่อมไม่เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนเมื่อเทียบกับจีน
เป็นธรรมดาที่ประเทศเล็กกว่ามีอำนาจน้อยกว่าจะต้องกังวลเมื่อจะร่วมมือกับประเทศที่ใหญ่กว่า
ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือคอยเตือนใจอยู่เสมอ ในโลกยุคปัจจุบันความร่วมมือย่อมก่อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายหากได้พิจารณาบนผลประโยชน์ร่วมอย่างเท่าเทียม
ได้ศึกษาผลดีผลเสียอย่างรอบคอบ และจะบรรลุผลได้โดยรวดเร็วเมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะยึดมั่นแนวทางดังกล่าว
เวียดนามอาจต้องการเวลาเพื่อพิจารณาเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของจีนที่จะแสดงความจริงใจดังที่นายกรัฐมนตรีจีนเยือนเวียดนามเพื่อสานสัมพันธ์
ผลความร่วมมือของสองประเทศจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่การร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ต่อไป
4 พฤศจิกายน 2013
ชาญชัย คุ้มปัญญา
-------------------
บรรณานุกรม:
1. ส่วนวิจัยธุรกิจ 2
ฝ่ายวิจัยธุรกิจ. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้.
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย. กุมภาพันธ์ 2553. http://www.exim.go.th/doc/newsCenter/9031.pdf accessed 22 October 2013.
2. Nguyen Khac Vien. 2552. เวียดนาม: ประวัติศาสตร์ฉบับพิสดาร. ต้นฉบับ Vietnam: A Long History. แปลโดย เพ็ชรี สุมิตร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ:
ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
3. China, Vietnam agree to deepen partnership along three
tracks. Xinhua. http://news.xinhuanet.com/english/china/2013-10/13/c_132795280.htm
14 October 2013.
4. China, Vietnam agree to deepen
partnership. Viet Nam News. http://vietnamnews.vn/politics-laws/246235/china-vietnam-agree-to-deepen-partnership.html
14 October 2013.
5. VN, China detail new partnership. Viet Nam News. http://vietnamnews.vn/politics-laws/246298/vn-china-detail-new-partnership.html
16 October 2013.
6. Chinese premier arrives in Hanoi for Vietnam visit. Xinhua.
http://news.xinhuanet.com/english/china/2013-10/13/c_132794829.htm 13 October
2013.
7. Womack, Brantly. Edited by Ganguly, Sumit and
Thompson, William. 2011. “Asymmetric Rivals: China and
Vietnam”. Asian Rivalries: Conflict, Escalation, and
Limitations on Two-level Games. USA.: Stanford University Press.
------------------