สถานการณ์การค้าจีน-ญี่ปุ่น ไม่แย่อย่างที่คิดและอาจไม่ดีอย่างที่หวัง

นับตั้งแต่ข้อพิพาทหมู่เกาะเตียวหยู/เซนกากุระหว่างจีนกับญี่ปุ่นปะทุขึ้นอีกรอบเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลทั้งสองประเทศยึดมั่นว่าเป็นดินแดนของตน เกิดเหตุขัดแย้งทางการเมืองหลายครั้งและลามไปถึงการค้าระหว่างสองประเทศเมื่อชาวจีนส่วนหนึ่งประท้วงไม่ซื้อสินค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะรถยนต์ญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นในจีนบางคนถูกทำร้ายถูกคุกคาม การเดินทางไปมาระหว่างคนสองประเทศพลอยลดลงไปด้วย
            ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา สื่อมวลชนจีนนำเสนอข่าวการค้าระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง และชี้ว่าญี่ปุ่นกำลังได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด China Daily เสนอข่าวจากรายงานของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นว่าสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นไปจีนในเดือนตุลาคมลดลงร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ในขณะที่เดือนกันยายนลดลงร้อยละ 14.1 จิ๋น ไป่ซ่ง รองหัวหน้าภาควิชาการค้าจีน แห่งสถาบัน Chinese Academy of International Trade and Economic Cooperation แสดงความเห็นว่า “จากข้อพิพาทดินแดนหมู่เกาะเตียวหยู และการที่ผู้บริโภคชาวจีนต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นส่งผลต่อสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง”
            ทั้งหมดให้ภาพญี่ปุ่นกำลังเสียหายจากตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
            เรื่องที่จีนลดการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นหากพิจารณารายละเอียดจะพบว่าญี่ปุ่นไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไรนักต่างจากที่สื่อบางแห่งนำเสนอ
            เมื่อปีที่แล้ว (2011) ญี่ปุ่นส่งสินค้าออกทั่วโลกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 820 พันล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกไปจีน 161 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
            และถ้าเรายึดว่าปี 2012 ทั้งปี จีนลดการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นร้อยละ 15 โดยประมาณจากตัวเลขสองเดือนที่ลดลง และยึดฐานตัวเลขส่งออกของปี 2011 คาดการณ์ได้ว่าตลอดปี 2012 สินค้าญี่ปุ่นจะส่งออกไปจีนเหลือ 136.85 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 24.15 พันล้านดอลลาร์ เมื่อคำนวณต่อมูลค่าสินค้าส่งออกทั่วโลกของญี่ปุ่นจะมีสัดส่วนลดลงเพียงร้อยละ 2.94 เท่านั้น
            สรุปในเบื้องต้นว่า ข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ส่งผลให้ญี่ปุ่นลดการส่งออกเพียงร้อยละ 2.94 เมื่อเทียบกับปริมาณส่งออกทั้งหมดของญี่ปุ่น
            ประเด็นต่อมาคือ กรณีข้อพิพาทสองประเทศไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้จีนลดการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่น ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าจะกระทบต่อการค้าสองประเทศแต่ถูกละเลยไม่นำมากล่าวถึง เช่น เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ปัญหาหนี้สินของชาติสมาชิกอียู และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง มีข้อมูลชี้ว่าตลาดจีนไม่ใช่ตลาดเดียวที่ญี่ปุ่นส่งออกได้น้อยลง ตัวเลขในเดือนตุลาคม ชี้ว่าญี่ปุ่นส่งออกไปอียูลดลงร้อยละ 20.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน
            ดังนั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ยิ่งทำให้เห็นว่าเหตุที่จีนลดการนำเข้าจากญี่ปุ่นเพราะข้อพิพาทนั้นมีน้ำหนักลดน้อยลง
            ถ้าวิเคราะห์เฉพาะความสัมพันธ์การค้าระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้รัฐบาลสองประเทศจะโต้ตอบทางการเมืองไปมา และกระทบถึงการค้าระหว่างกัน แต่สองประเทศยังคงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจตามปกติ ไม่ได้คว่ำบาตรต่ออีกประเทศหนึ่ง การที่คนจีนไม่ซื้อรถญี่ปุ่น การเดินทางระหว่างสองประเทศที่ลดลง เหตุผลส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่า ที่สำคัญคือรัฐบาลทั้งสองคงไม่อยากให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในภาวะที่ทั้งคู่ต่างกำลังประคับประคองเศรษฐกิจของตนอยู่

เมื่อมองภาพไปข้างหน้า จิ๋น ไป่ซ่ง แสดงความเห็นในทางบวกว่าการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในจีนจะดำเนินต่อไปจนถึงกลางปีหน้า เหตุเนื่องจาก “ญี่ปุ่นกำลังจะจัดเลือกตั้งในเดือนธันวาคมและรัฐบาลจะเริ่มคลายความตึงเครียดในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม”
ในมุมมองที่ต่างไป แวดวงการเมืองญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี นายชินโซ อาเบะ จากพรรค Liberal Democratic Party จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ อีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ความที่นายอาเบะมีประวัติเป็นนายกฯ สายเหยี่ยวอาจดึงให้สถานการณ์ข้อพิพาทตึงเครียดกว่าเดิมก็เป็นได้
ณ ตอนนี้จึงเร็วเกินไปที่จะสรุปแนวโน้มอนาคต การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างสองประเทศอย่างไรนั้น ติดตามได้จากนโยบายหาเสียงของนายอาเบะซึ่งจะชัดเจนมากขึ้นในไม่ช้า

ปัจจุบันจีนคือประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก ส่วนญี่ปุ่นเป็นอันดับที่สาม หากยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศสามารถเจรจาได้ข้อตกลงนำสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติจะเป็นข่าวดีแก่เศรษฐกิจโลกไม่มากก็น้อย
23 พฤศจิกายน 2012
ชาญชัย คุ้มปัญญา
---------------------------

บรรณานุกรม:
1. Japan's International Trade in Goods (Yearly). http://www.jetro.go.jp/en/reports/statistics/
2. Japanese exports to China fall amid islands row. http://www.chinadaily.com.cn/world/2012-11/22/content_15949531.htm
3. The Basic View on the Sovereignty over the Senkaku Islands. http://www.mofa.go.jp/region/asia-paci/senkaku/senkaku.html