สรุปสถานการณ์: (อัพเดท 5 พ.ค. 21.30 น.) ขณะนี้คณะกรรมการเลือกตั้งมาเลเซียอยู่ระหว่างการนับคะแนน
ประชาชนมาเลเซียเฝ้าติดตามนับคะแนนอย่างใกล้ชิด
โดยเพราะสมาชิกแนวร่วมฝ่ายค้านหลายคนที่เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจส่งผลเปลี่ยนใหญ่หลวงต่อการเมืองมาเลเซีย
หลังจากที่พรรคอัมโนแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลครองอำนาจบริหารประเทศมาอย่างยาวนานถึง 56
ปี
ความสนใจของนักวิเคราะห์หลายคนอยู่ที่การคาดการณ์ผลการเลือกตั้งที่ออกมาในหลายแนว
ส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้จัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัย แต่จะได้เสียงข้างมากในสภาสองในสามตามเป้าหมายยังเป็นที่สงสัย
กระแสข่าวการจับทุจริตโกงการเลือกตั้งเริ่มมีมากขึ้น
มีกระแสข่าวจากฝ่ายค้านให้ระวังถูกปล้นชัยชนะการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนว่าแนวร่วมฝ่ายค้านตั้งใจจับผิดเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่าถ้ามีหลักฐานโกงการเลือกตั้งที่ชัดเจน
ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวทันที
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าการเลือกตั้งในปีนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดนับจากที่ประเทศมาเลเซียได้เอกราช
บางคนเห็นว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง
หรือไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะขาด ตลาดทุนตลาดเงินมาเลเซียจะเกิดการเทขายทันที
(6 พ.ค.) นายกรัฐมนตรีนาจิบ
ราซะห์ประกาศว่าผลการนับคะแนนล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นได้แล้ว 112 ที่นั่ง
ส่วนแนวร่วมฝ่ายค้านได้ 58 ที่นั่ง เหลืออีก 52
ที่นั่งที่ยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนซึ่งจะประกาศผลได้ในเช้าวันที่ 6 พ.ค.
(BarisanNasional secures simple majority, New Straits Times)
(BarisanNasional secures simple majority, New Straits Times)
10.45 (5 พ.ค. 9.45
เวลาไทย) คณะกรรมการเลือกตั้งประกาศผลว่าพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นชนะ 32 ใน 43 ที่นั่งแล้ว (จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง)
(GE13: Results (Live Updates), The Star)
วิเคราะห์: (อัพเดท 5 พ.ค. 21.30 น.)
จนถึงขณะที่กำลังเขียนบทวิเคราะห์นี้
ข้อมูลข่าวสารที่หลายแหล่งทั้งสื่อกระแสหลัก สื่อโซเชียลมีเดียกำลังรายงานคืบหน้านับคะแนนอย่างต่อเนื่อง
แม้ไม่ชัดเจนว่าพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นจะได้เสียงข้างมากเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัยหรือแนวร่วมฝ่ายค้านของนายอันวาร์
อิบราฮิมจะได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์ ณ ขณะนี้ค่อนข้างแน่แล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นจะไม่ได้เสียงข้างมากสองในสามเหมือนอดีต
เท่ากับพลาดเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ต้องการอย่างเดียวคือพรรคร่วมรัฐบาลต้องกลับมาได้ที่นั่งสองในสามในสภาอีกครั้ง
สรุป ฉากทัศน์ (scenario) ที่เป็นไปได้ตอนนี้คือ
1.แนวร่วมฝ่ายค้านได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ส่วนอดีตพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นกลายเป็นฝ่ายค้าน
2.พรรคร่วมรัฐบาลได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
แต่ไม่ถึงสองในสามตามเป้า สามารถจัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัย
3.แนวร่วมฝ่ายค้านไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า
ในฉากทัศน์แรก โฉมหน้าการเมืองมาเลเซียเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง จาก พรรคอัมโนที่เป็นแกนนำสำคัญในพรรคร่วมรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศตลอด 56 ปี เปลี่ยนมาเป็นแนวร่วมฝ่ายค้านของนายอัลวาร์
เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายขนานใหญ่ สำหรับประชาชนที่เลือกแนวร่วมฝ่ายค้านจะยินดีปรีดา
แต่ระบบกลไกรัฐจะสั่นสะเทือน ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนบางคนเห็นว่าตลาดจะเกิดการเทขาย
เสถียรภาพสังคมอาจเกิดการสั่นคลอนอยู่พักหนึ่ง
ในฉากทัศน์ที่ 2 แม้พรรคร่วมรัฐบาลของนายกฯ นาจิบจะได้จัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัย
โดยได้ที่นั่งในสภาไม่ถึงสองในสามตามเป้า เท่ากับว่าไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
คำถามคือ นายกฯ จิบต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่
ตามอย่างที่อดีตอดีตนายกฯ อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ต้องลาออกหลังพรรคฯ
เสียนั่งจำนวนมากแก่ฝ่ายค้าน ทำให้นายนาจิบได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
และเป็นการตอกย้ำว่าบริบทการเมืองมาเลเซียเปลี่ยนแปลงแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคะแนนข้างมากเด็ดขาดในสภาเหมือนอดีตอีกต่อไป
การต่อสู้ทางการเมืองจะดุเดือดสูสีอยู่ตลอดเวลา
ส่วนฉากทัศน์ที่ 3 มีโอกาสเป็นไปได้น้อย แม้ว่าแกนนำฝ่ายค้านหลายคนจะออกมาปลุกกระแสดังกล่าว
แต่ทั้งหมดต้องมีหลักฐาน และหากมีหลักฐานที่ชัดเจนสามารถส่งให้คณะกรรมการลือกตั้งเพื่อดำเนินการต่อตามกฎหมายได้อยู่แล้ว
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่านายอันวาร์
อิบราฮิมปัจจุบันมีอายุ 65 ปีแล้ว หากต้องรอเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าซึ่งอาจจะต้องรออีก 5 ปี เมือนั้นเขาจะมีอายุ 70 ปี ในประวัติศาสตร์ประเทศมาเลเซียไม่เคยมีผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยวัยขนาดนั้น
การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากต้องดู
“ผลการเลือกตั้ง” ยังต้องดู “ผลกระทบ” หลังการเลือกตั้งด้วย
และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายหลังประกาศ “ผลการเลือกตั้ง”
5 พฤษภาคม 2013
ชาญชัย คุ้มปัญญา
-------------------
บทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง:
(อัพเดท 3 พ.ค.10.10 น.) การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากต้องดู “ผลการเลือกตั้ง”
ยังต้องดู “ผลกระทบ” หลังการเลือกตั้งด้วย
และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายหลังประกาศ “ผลการเลือกตั้ง”
4. ความฮึกเหิมของแนวร่วมฝ่ายค้านมาเลเซียและข้อโต้แย้ง
4. ความฮึกเหิมของแนวร่วมฝ่ายค้านมาเลเซียและข้อโต้แย้ง
ภายใต้การนำของนายอันวาร์
อิบราฮิมทำให้แนวร่วมฝ่ายค้านให้ได้ที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นถึง 3
เท่าตัวในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2008 เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ประชาชนที่สนับสนุนแนวร่วมฯ
เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสโค่นล้มการบริหารประเทศที่พรรคอัมโนเป็นแกนนำตลอด 56 ปี แต่ความหวังนั้นมีอุปสรรค
ปัญหาหลายประการ
-----------------------------