ทฤษฎีสมคบคิด โควิด-19 ไวรัสของใคร
ถ้าเชื่อหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์จะสรุปว่าเกิดจากธรรมชาติ ถ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต้องคิดต่อว่าจะเชื่อฝั่งใด เป็นเชื้อโรคหรือแผนของประเทศใด สหรัฐ จีน ฯลฯ ด้วยหลักฐานเหตุผลใด
นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาโควิด-19
เริ่มแพร่ระบาดในจีน ประเด็นหนึ่งที่พูดกันมากคือเป็นไวรัสของใคร มาจากไหน
บ้างว่าคือ CIA บ้างว่าเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับอิสราเอล
บ้างว่าเป็นของบิล เกตส์ (Bill Gates) บ้างว่ามาจากอินเดีย
บ้างว่าเป็นแผนของบริษัทยา-วัคซีน บ้างว่าหลุดจากห้องทดลองจีน
ข้อมูลอีกด้านคือโควิด-19
เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่ต่างจากเชื้อโรคหลายตัวที่เดิมอยู่กับสัตว์แล้วกลายพันธุ์แพร่มาที่มนุษย์
เหมือนกรณีไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู SARs มุมมองนี้ปฏิเสธทฤษฎีสมคบคิด
(conspiracy theory)
สิ่งที่เรียกว่า “ทฤษฎีสมคบคิด”
มีลักษณะเป็นการรวมหัวของ 2 คนขึ้นไป สร้างเรื่อง โฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) หรือประโคมข่าวปลอมต่อเนื่อง ปะติดปะต่อเหตุการณ์จริงกับเท็จเข้าด้วยกัน
ทำให้มีความต่อเนื่องเสมือนจริง (บางเรื่องย้อนหลังนับร้อยปี) แล้วตีความตามที่ต้องการ
(เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง)
ดังนั้น ทุกครั้งที่พูดว่าเป็น ทฤษฎีสมคบคิดจึงหมายถึงกำลังพูดเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นหรือตีความบิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่ร้ายป้ายสี
ทฤษฎีสมคบคิด ไว้รัสเป็นของสหรัฐ :
แม้มีข้อมูลที่แตกต่างกัน
จะมีคนกลุ่มหนึ่งชี้นิ้วไปยังฝ่ายสหรัฐเสมอ เริ่มจากแสดงหลักฐานเอกสารบอกว่าเป็นผลงานของ
CIA ต่อมาชี้ว่าเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับอิสราเอล แล้วเปลี่ยนอีกครั้งว่าเป็นผลงานของบริษัทยา-วัคซีนที่ฝ่ายสหรัฐคุม
พฤติกรรมที่เด่นชัดของคนกลุ่มนี้คือ
ไม่ว่าจะอ้างข้อกล่าวหาใด สุดท้ายจะชี้ว่าคือฝ่ายสหรัฐ (อาจหมายถึง CIA ความร่วมมือรัฐบาลสหรัฐ-อิสราเอล บริษัทยา) เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนต้องการโทษสหรัฐนั่นเอง
จากพฤติกรรมที่อ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ
กลายเป็นว่า พวกเขามีหลาย “ข้ออ้าง” ที่แม้กระทั่งพวกเขายังหาข้อสรุปไม่ได้และขัดแย้งกันเอง
บางคนอ้างเอกสาร CIA
จดสิทธิบัตรไวรัสโคโรนาซึ่งหากเป็นจริงนานาชาติคงลงโทษ CIA ไปแล้ว บางคนแสดงรูปรถไฟบรรทุก COVID-19 เต็มตู้รถไฟ
(ตู้ขนส่งน้ำมันทางรถไฟ-ใหญ่ขนาดนั้น) แล้วสรุปว่าคือฝีมือสหรัฐ
เพราะภาพที่แสดงมีคำว่า COVID-19 ปรากฏเด่นชัดกลางวันแสกๆ
แต่ไม่ตั้งคำถามว่าชื่อ COVID-19 เพิ่งออกมาทีหลังแพร่ระบาดทั่วโลกแล้ว
และหากจะปล่อยเชื้อทำไมต้องเปิดเผยชัดขนาดนั้น
บิล เกตส์ (Bill
Gates) แห่งไมโครซอฟเป็นอีกข้ออ้างที่พูดถึง อ้างหลักฐานว่าเมื่อหลายปีก่อนบิล
เกตส์พูดเองว่าจะเกิดไวรัสโคโรนาระบาด จึงสรุปว่าคือฝีมือบิล เกตส์ แต่ที่ทฤษฎีสมคบคิดไม่พูดคือเนื้อหาสาระที่พูดจริงๆ
ใจความหลักที่บิล เกตส์เอ่ยคือการทำงานของมูลนิธิของเขาที่หวังจะมีส่วนช่วยเหลือเรื่องโรคระบาด
เอ่ยถึงโรคอีโบล่า โปลิโอ ไข้หวัดระบาด (ไวรัสโคโรนา) เรียกร้ององค์การอนามัยโลก
นานาชาติให้ความสนใจเตรียมตัวรับมือ เพราะโรคระบาดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงใกล้ตัว
คร่าชีวิตคนจำนวนมาก
ควรเข้าใจเพิ่มเติมว่าโรคที่บิล
เกตส์เอ่ยถึงเป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นแทบทุกปี เฉพาะไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลคร่าชีวิตผู้คนปีละหลายแสน
จะสังเกตว่า แม้ข้อกล่าวหาถูกหักล้างแต่พวกที่ใช้ทฤษฎีสมคบคิดยังคงหาข้ออ้างใหม่ๆ
พยายามปะติดปะต่อเรื่องแล้วชี้นิ้วไปที่สหรัฐ นี่คือลักษณะประการหนึ่งของทฤษฎีสมคบคิด
คำถามสำคัญคือทำไมคนกลุ่มนี้ต้องพุ่งเป้าไปยังสหรัฐ
คำตอบนั้นชัดเจน คนเหล่านี้มีเป้าหมายต้องการโจมตีเล่นงานสหรัฐเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พูดให้ชัดคือเป็นศัตรูกับรัฐบาลสหรัฐ มีหลักฐานความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับรัฐบาลสหรัฐเรื่อยมา
นานเป็นสิบปีร้อยปี
เชื้อโควิด-19
เป็นเพียงเครื่องมือล่าสุดที่พวกเขาใช้
ทฤษฎีสมคบคิด ไวรัสเป็นของจีน :
ในขณะที่ทฤษฎีสมคบคิดชุดหนึ่งชี้ว่าเป็นไวรัสของรัฐบาลสหรัฐ
ทฤษฎีสมคบคิดอีกชุดชี้ว่าเป็นฝีมือรัฐบาลจีน คนที่เชื่อแนวทางหลังอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากจีนมีห้องทดลองเชื้อโรคที่เมืองอู่ฮั่น
(Wuhan Institute of Virology)เป็นศูนย์วิจัยเชื้อโรคของจีน
จุดแพร่ระบาดแต่แรก จึงสรุปว่าเชื้อต้องมาจากห้องทดลองดังกล่าว
แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐชี้ว่าจีนละเมิดข้อตกลงทดลองนิวเคลียร์
ตั้งข้อสงสัยต่อโครงการอาวุธชีวภาพ (BWC) ประเด็นหลังสุดเกี่ยวข้องกับที่รัฐบาลสหรัฐกำลังเล่นงานจีนว่าเชื้อโควิด-19
มาจากจีน
แถลงการณ์ไม่ได้ฟันธงแต่
“ตั้งข้อสงสัย”
ไม่กี่วันถัดมาประธานาธิบดีทรัมป์พูดเป็นนัยเห็นคล้อยตามแนวคิดที่ว่าต้นกำเนิดไวรัสโควิด-19
มาจากห้องทดลองในจีน ตามที่สื่อบางสำนักกับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบางแห่งพยายามชี้ว่าโควิด-19
เป็นของจีน เชื้อไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
พร้อมกันนี้หน่วยข่าวกรองสหรัฐกำลังเดินหน้าสวบสวนอย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ
ผลโพลของสำนักวิจัยพิว (Pew Research Center) ที่นำเสนอช่วงวันที่
10 เมษายนพบว่าคนอเมริกันเกือบร้อยละ 30 คิดว่าเชื้อโควิด-19 มาจากห้องทดลอง ทั้งๆ
ที่ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขสหรัฐกับนานาชาติยืนยันแล้วว่าเป็นเชื้อที่เกิดจากธรรมชาติ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนโต้ทันควันว่าองค์การอนามัยโลกประกาศซ้ำหลายรอบแล้วว่าไม่มีหลักฐานใดที่ชี้ว่าโควิด-19
เป็นผลผลิตจากห้องทดลอง พวกที่อ้างว่ามาจากห้องทดลองพูดโดยปราศจากหลักฐานที่เชื่อถือได้
ในขณะที่สหรัฐกล่าวหาจีน
มีข้อมูลอีกด้านบอกว่าแม้มาจากห้องทดลองในจีน โดยนักวิจัยชาวจีน แต่เป็นงานภายใต้กำกับของรัฐบาลสหรัฐ
โดยมีข้อมูลว่าเมื่อปี 2014 US National Institutes of Health (NIH) ให้เงิน 3.7 ล้านดอลลาร์แก่งานวิจัยใน Wuhan Institute of Virology เพื่อพัฒนาเชื้อไวรัสโคโรนาในธรรมชาติให้เป็นเชื้อโรคที่ร้ายกาจกว่าเดิม
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จเป็นอีกข้อมูลว่าเชื้อหลุดออกจากห้องทดลองจีน ทั้งยังแสดงข้อมูลว่าในอดีตเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หลุดจากห้องทดลองสหรัฐเป็นต้นเหตุไข้หวัดใหญ่ระบาด
เช่นเดียวกับสื่ออิหร่านอ้างคำพูดของ
Eugene Michael Jones ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Tasnim
เมื่อมีนาคม เป็นแนวคิดว่ารัฐบาลสหรัฐจ้างจีนทดลองอาวุธชีวภาพ
โควิด-19
ทำให้ทฤษฎีสมคบคิดซับซ้อนกว่าเดิม (ไวรัสมาจากห้องทดลองจีน โดยนักวิจัยจีน
ภายใต้การกำกับของรัฐบาลสหรัฐ)
ท่ามกลางข้อกล่าวหาบ้างว่าเป็นของสหรัฐ
บ้างว่าเป็นของจีน ฯลฯ Anthony
Fauci ผู้มีบทบาทสูงต่อการควบคุมโรคระบาดของสหรัฐกล่าวว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดให้ข้อสรุปตรงกันและชัดว่าเป็นไวรัสจากสัตว์ที่แพร่ระบาดสู่คน
เป็นข้อสรุปเดียวกับองค์การอนามัยโลก
บทความนี้ไม่ต้องการสรุปว่าเชื้อโควิด-19
เกิดจากธรรมชาติหรือมนุษย์สร้างขึ้นมา ข้อสรุปบทความนี้คือถ้าเชื่อหลักวิทยาศาสตร์จะสรุปว่าเกิดจากธรรมชาติ
เป็นแนวคำตอบของนักวิชาการสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ องค์การอนามัยโลก ถ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต้องคิดต่อว่าจะเชื่อฝั่งใด
เป็นเชื้อโรคหรือแผนของประเทศใด สหรัฐ จีน ฯลฯ ด้วยหลักฐานเหตุผลใด
และไม่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร
ทฤษฎีสมคบคิดจะดำเนินต่อไปเหมือนเช่นที่ผ่านมา อยู่ในจิตวิทยาสังคมของหลายประเทศ เพราะมันคือทฤษฎีสมคบคิด
26 เมษายน
2020
ชาญชัย
คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน
คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่
24 ฉบับที่ 8568 วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563)
-----------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
การเมืองระหว่างประเทศระหว่างจีนกับสหรัฐว่าด้วยโควิด-191. บิล เกตส์. (2015). การระบาดครั้งถัดไปน่ะหรือ
เรายังไม่พร้อม. Retrieved from https://www.ted.com/talks/bill_gates_the_next_disaster_we_re_not_ready/transcript?embed=true&language=th#t-250612
2. China rejects news report about
Covid-19 origin, says WHO found ‘no evidence’ virus was made in lab. (2020, April 16). RT. Retrieved from https://www.rt.com/news/485993-china-who-coronavirus-news/
3. China
says U.S. accusations in arms control report "not worth refuting". (2020, April 16). Xinhua. Retrieved
from http://www.xinhuanet.com/english/2020-04/16/c_138982922.htm
4. Cole, Robert. (Ed.). (1998). Conspiracy
theory. In The Encyclopaedia of Propaganda ( Vol 1, p.150). New York:
M.E. sharpe, Inc.
5. Dr. Fauci throws cold water on
conspiracy theory that coronavirus escaped a Chinese lab. (2020,
April 17). Business Insider. Retrieved from https://www.businessinsider.com/fauci-throws-cold-water-conspiracy-theory-coronavirus-escaped-chinese-lab-2020-4
6. Nearly 30% in the US believe a
coronavirus theory that's almost certainly not true. (2020,
April 13). CNN. Retrieved from https://edition.cnn.com/2020/04/13/us/coronavirus-made-in-lab-poll-trnd/index.html
7. Newton,
Michael. (Ed.). (2006). The encyclopedia of conspiracies and conspiracy
theories. (NY: Facts On File, Inc.).
8. Theories on origins of COVID-19
disease. (2020, April 15). Tehran Times.
Retrieved from https://www.tehrantimes.com/news/446831/Theories-on-origins-of-COVID-19-disease
9. Trump confirms U.S. investigating
reports virus came from Chinese lab. (2020, April 17). The Washington Times. Retrieved from https://www.washingtontimes.com/news/2020/apr/17/trump-confirms-us-investigating-reports-virus-came/
10. Trump fans flames of Chinese lab
coronavirus theory during daily briefing. (2020, April 16). The Guardian. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2020/apr/15/trump-us-coronavirus-theory-china
11. Why US outsourced bat virus
research to Wuhan. (2020, April 22). Asia
Times. Retrieved from https://asiatimes.com/2020/04/why-us-outsourced-bat-virus-research-to-wuhan/
-----------------------------
ที่มาภาพ : https://www.who.int/images/default-source/thailand-images/covid2019/graphicinfo/23-goods-manufactured-th-square.png