ฟื้นคืนมหาอำนาจสหรัฐจากภาษีญี่ปุ่น15%
ในที่สุดอาจได้ข้อสรุปว่า ประชาธิปไตยญี่ปุ่นอ่อนแอ รัฐบาลไม่เอาไหน ส่วนประชาธิปไตยสหรัฐเข้มแข็ง คนอเมริกันอยู่ดีกินดี มีความสุขมากขึ้น
กรกฎาคม 2025 ผลการเจรจาทรัมป์ 2.0 กับญี่ปุ่น สหรัฐจะขึ้นภาษี 15%
จากคำขู่ว่าจะขึ้น 25% แลกกับญี่ปุ่นต้องลงทุนในสหรัฐ
550,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่สหรัฐจะได้ 90% ของกำไรที่ได้จากการลงทุนนี้
นอกจากนี้จะเปิดตลาดให้รถยนต์ รถบรรทุก ข้าวและสินค้าเกษตรของสหรัฐ
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันรักษาผลประโยชน์ชาติเต็มที่แล้ว
ข้อตกลงช่วยสร้างงานแก่ทั้งสองประเทศ ร่วมผลิตสินค้าคุณภาพสูง
ได้มาด้วยการความเต็มใจหรือข่มขู่:
รัฐบาลทรัมป์ประกาศว่าข้อตกลงรอบนี้มาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
สหรัฐเป็นประเทศที่น่าดึงดูดการลงทุนมากที่สุดในโลก สองประเทศจะมั่งคั่งมั่นคงร่วมกัน
เป็นพันธมิตรเสาหลักของสันติภาพอินโด-แปซิกฟิก และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
การสร้างนวัตกรรม
เงิน 550,000 ล้านดอลลาร์ก้อนนี้ส่วนหนึ่งจะลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์
เร่งการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐสู่ตลาดโลก
เสริมสร้างซับพลายเชน เพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ ช่วยธุรกิจอเมริกันอีกนานนับทศวรรษ
ที่เหลือจะนำไปใช้ฟื้นฟูฐานอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตพลังงาน
LNG ปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้า การผลิตและวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ ขยายขีดความสามารถตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิต
บริษัทยาญี่ปุ่นจะเข้ามาตั้งโรงงานในสหรัฐ
แก้ปัญหาต้องนำยาเข้าจากต่างประเทศ (ปัจจุบันยาพื้นฐานหรือตัวยาสำคัญ (Active
Ingredients) หลายตัวนำเข้ามาจากจีน)
จะเห็นว่า
รัฐบาลทรัมป์ใช้มาตรการกำแพงภาษีเพื่อดึงการลงทุนจากต่างชาติ
แทนที่ภาครัฐกับเอกชนญี่ปุ่นจะใช้ 550,000 ล้านดอลลาร์ลงทุนในประเทศ ตอนนี้ต้องไปลงทุนในสหรัฐแทน ช่วยให้เศรษฐกิจอเมริกันเติบโต
ข้อตกลงระบุว่าสหรัฐจะได้
90% ของกำไรที่ได้จากการลงทุนนี้ ถ้าทำได้จริงจะเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์เต็มๆ
เพราะได้ตั้งแต่เลือกการลงทุน ได้เม็ดเงินมหาศาล
ได้เทคโนโลยีโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินค้นคว้าวิจัยเอง
และได้สินค้าที่ตอบสนองความต้องการอเมริกัน
บางข้อมูลชี้ว่าข้อตกลงนี้เป็นเพียงกรอบกว้างๆ
ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐจะกำหนดต่อไป ทั้งหมดนี้สหรัฐได้มาด้วยคำขู่ว่าจะขึ้นภาษีญี่ปุ่น
25% (อาจมีคำขู่อื่นๆ แต่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ)
ทรัมป์ถึงกับชี้ว่าอุตสาหกรรมสหรัฐจะฟื้นตัวครั้งใหญ่ในรอบร้อยปีจากข้อตกลงนี้
จ่ายราคาเพื่อสหรัฐ:
แม้สหรัฐได้ประโยชน์มหาศาล ภายใต้ข้อตกลงสหรัฐยังเก็บภาษีสินค้าญี่ปุ่น
15% เป็นอัตรามาตรฐาน บางรายการอาจสูงหรือต่ำกว่านี้ เช่น เหล็ก 50%
สหรัฐจะได้กำไรเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์
ส่งออกมากขึ้น อุตสาหกรรมเติบโตเข้มแข็ง ช่วยลดการขาดดุลต่อญี่ปุ่น
เป็นความจริงที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกีดกันสินค้าต่างชาติหลายรายการ
โดยเฉพาะยานยนต์กับสินค้าเกษตร ข้อตกลงกรกฎาคม 2025
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐมากขึ้น รับปากว่าจะนำเข้าข้าวสหรัฐมากขึ้น 75%
ซื้อสินค้าเกษตรรวม 8,000 ล้านดอลลาร์ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปุ๋ย
เอทานอลจากพืชผลเกษตร น้ำมันอากาศยาน เครื่องบินโดยสาร Boeing 100 ลำ
ยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของญี่ปุ่น
นายทุนและลูกจ้างญี่ปุ่นมีอำนาจต่อรองสูง เช่นเดียวกับที่ข้าวญี่ปุ่นแม้ต้นทุนสูงมากแต่ยังกีดกันไม่ยอมให้ข้าวต่างชาติตีตลาด
เพราะนักการเมืองเกรงว่าจะสูญเสียฐานคะแนนจากเกษตรกร
ทรัมป์
2.0 สามารถเอาชนะแรงกีดขวางเหล่านี้
ที่สำคัญคือเกษตรกรอเมริกันจำนวนมากเป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการรักษาฐานเสียงเหล่านี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศล่วงหน้านานแล้วว่า
ต้องการให้นานาชาติซื้อสินค้าเกษตร พลังงาน และอาวุธ ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ทำตามข้อเรียกร้องสหรัฐ
สรุปคือ นักการเมืองญี่ปุ่นต้องเสียฐานคะแนนของตน
เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐได้คะแนนคนอเมริกัน ในที่สุดอาจได้ข้อสรุปว่า
ประชาธิปไตยญี่ปุ่นอ่อนแอ รัฐบาลไม่เอาไหน ส่วนประชาธิปไตยสหรัฐเข้มแข็ง
คนอเมริกันอยู่ดีกินดี มีความสุขมากขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์ชี้ว่าข้อตกลงนี้ไม่ใช่แค่การค้าทวิภาคี
แต่เป็นสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์แบบใหม่ เป็นหลักฐาน 2 ประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
น่าติดตามว่าความสัมพันธ์เช่นนี้จะพัฒนาไปสู่ทางใด
ไม่ชัดเจนว่าจะลดขาดดุลเท่าไร:
เรื่องที่ควรตระหนักคือไม่มีข้อมูลใดๆ
บ่งชี้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยสหรัฐลดขาดดุลเท่าไหร่ ทำไมจึงพอใจด้วยข้อตกลงนี้ ต้องคำนึงว่าอาจมีข้อตกลงลับบางอย่างที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
น่าเห็นใจที่สหรัฐขาดดุลการค้าระหว่างประเทศยาวนาน
นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกพากันเตือนว่าหากไม่แก้ไขประเทศจะหายนะ
พอล
ครุกแมน (Paul Krugman) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เห็นว่านโยบายทรัมป์
2.0 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้า จะสร้างผลเสียต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนควรเน้นนโยบายส่งเสริมการออมภายในประเทศ
(ลดใช้จ่าย ไม่เป็นหนี้บริโภค)
เท่านี้หรือต้องการมากกว่านี้:
มีคำถามน่าคิดว่าข้อตกลงรอบกรกฎาคม
2025 รัฐบาลสหรัฐได้เงิน 550,000 ล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนเศรษฐกิจ
หากปีหน้าหรือ 2-3 ปีข้างหน้า รัฐบาลสหรัฐต้องการมากกว่านี้
เมื่อนั้นสหรัฐจะเรียกร้องขอญี่ปุ่นมากขึ้นหรือไม่
คำตอบคือ
เมื่อถึงตอนนั้นรัฐบาลสหรัฐน่าจะฉีกข้อตกลงเดิม
พร้อมกับเรียกร้องให้ทำข้อตกลงฉบับใหม่ ต้องการเงินลงทุนจากญี่ปุ่นเพิ่มอีก
หาไม่แล้วจะใช้มาตรการภาษีอีก คราวนี้อาจขู่ขึ้นภาษีเป็น 50% (จากปี 2025 ที่ขู่ขึ้น 25%)
ด้วยการที่สหรัฐไม่ลังเลที่จะทำลายข้อตกลง (ประเทศที่ไม่รักษาสัญญากับใคร)
ข้อตกลงใดๆ จึงไม่ยั่งยืน
ไม่มีอะไรเป็นเครื่องค้ำประกันว่ารัฐบาลสหรัฐจะรักษาสัญญา การที่ทรัมป์ 2.0
ไม่ยึดถือกติกาการค้าเสรีคือหลักฐาน หรือในอีกมุมคือฝ่ายญี่ปุ่นอาจไม่รักษาสัญญา
เช่น การลงทุน 550,000 ล้านดอลลาร์ล่าช้า
ไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์
รัฐบาลทรัมป์พร้อมเปลี่ยนสัญญา
ปรับเปลี่ยนข้อตกลงตามใจชอบ หลายเดือนที่ผ่านมาทรัมป์ 2.0
ประกาศขึ้นภาษีรายการนี้รายการโน้นเป็นระยะ เช่น ขึ้นภาษีทองแดง ยา
ในอนาคตหากรัฐบาลสหรัฐต้องการรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ
อาจเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน ดังข้อตกลงฉบับนี้ญี่ปุ่นตกลงร่วมลงทุนผลิต
LNG จากอลาสก้า ดังนั้น แม้สหรัฐไม่มีงบประมาณก็สามารถมีระบบรถไฟความเร็วสูงตามต้องการ
นโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์กำลังช่วยแก้ปัญหาขาดงบลงทุน
ประเด็นที่น่าติดตามมากคือ ตามข้อตกลงระบุว่าสหรัฐจะได้ 90% ของกำไรที่ได้จากการลงทุน อีกทั้งรัฐบาลสหรัฐเข้าควบคุมตั้งแต่เลือกอุตสาหกรรมหรือโครงการลงทุน
โดยเอกชนต่างชาติต้องขนเงินมาเอง (ในฝั่งญี่ปุ่น
รัฐบาลช่วยเหลือด้วยการให้เงินกู้) ได้เทคโนโลยีโดยไม่ต้องจ่ายเงินค้นคว้าวิจัยเอง
ได้สินค้าที่ตอบสนองความต้องการอเมริกัน เพียงแค่รัฐบาลสหรัฐ “ข่มขู่” กดดัน
ใช้แนวความสัมพันธ์เศรษฐกิจแบบใหม่ ญี่ปุ่นคืออีกตัวอย่างที่ให้ภาพชัดเจนว่าแนวความสัมพันธ์แบบใหม่เป็นอย่างไร
ทรัมป์ 2.0 กำลังใช้แนวทางนี้กับนานาชาติ ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อลดการขาดดุล
ลองจินตนาการดูว่าจะเป็นอย่างไร หากอีกหลายสิบประเทศสำคัญ
ต้องร่วมความสัมพันธ์เช่นนี้กับสหรัฐ
รัฐบาลประชาธิปไตยอย่างสหรัฐเข้าควบคุมกำกับการลงทุนของต่างชาติโดยตรง
ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีอีกต่อไป
-----------------
1. The White house. (2025, July 23). Fact Sheet: President
Donald J. Trump Secures Unprecedented U.S.–Japan Strategic Trade and Investment
Agreement. Retrieved from
https://www.whitehouse.gov/fact-sheets/2025/07/fact-sheet-president-donald-j-trump-secures-unprecedented-u-s-japan-strategic-trade-and-investment-agreement/
2. ‘Unprecedented’
Investment Fund Seals Deal for Japan and Expands Trump’s Influence. (2025, July
23). NYT. Retrieved from
https://www.nytimes.com/2025/07/23/business/economy/japan-fund-trump-tariffs-trade.html
3. U.S. and Japan Reach Trade Deal. (2025, July 22). WSJ. Retrieved
from
https://www.wsj.com/economy/trade/u-s-japan-strike-trade-deal-trump-says-ab089e11
-----------------