สงครามอิสราเอล-อิหร่าน (ไซออนิสต์-ชีอะห์) 2025 (2)
ถ้าอิสราเอลชี้ว่าความปลอดภัยของชีวิตสำคัญ ไม่อาจปล่อยให้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชีวิตหลังความตายของชีอะห์ยิ่งสำคัญกว่า มุสลิมต้องปกป้องยิ่งชีพ
ในสงครามอิสราเอล-อิหร่าน
(ไซออนิสต์-ชีอะห์) 2025 นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่า 80 ปีที่แล้วนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว (Holocaust) รัฐบาลจะไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก จะไม่ยอมให้ระบอบอิหร่านที่เรียกร้องให้ทำลายล้างอิสราเอล
ทำตามที่พวกเขาต้องการ วันนี้อิสราเอลได้ทำตามที่พูดไว้แล้ว เข้าโจมตีโครงการเสริมสมรรถนะและทำอาวุธนิวเคลียร์อิหร่านที่
Natanz กับนักวิทยาศาสตร์ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งยังโจมตีโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน
ซึ่งปีก่อนยิงอิสราเอลถึง 300 ลูก
หากขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์จะคุกคามคนอิสราเอลนับล้าน
ที่ผ่านมาอิหร่านใช้แผนให้สมุนทำสงครามกับอิสราเอล แต่แพ้หมด
ไม่ว่าจะฮามาส กองกำลังที่อิหร่านสนับสนุนในซีเรีย เยเมน
ปีที่แล้วอิหร่านยิงใส่อิสราเอลโดยตรงถึง 2 ครั้ง ตอนนี้เราโจมตีกลับบ้าง
วิเคราะห์:
รัฐบาลอิสราเอลมักใช้ประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว เป็นเหตุผลปกป้องประเทศ
ประวัติศาสตร์ต้องไม่ซ้ำรอย
ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว:
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว
(Holocaust) เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ที่พรรคนาซีเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์ สังหารหมู่ชาวยิวหลายล้านคนอย่างเป็นระบบ
เพื่อกำจัดชาวยิวให้หมดจากทวีปยุโรป
เป็นประวัติศาสตร์เตือนว่าการคลั่งชาตินั้นน่ากลัวเพียงไร
เมื่อการฆ่าสังหารคนเป็นเรื่องชอบธรรม สมควรทำอย่างยิ่ง
มีข้อมูลว่าสถานกักขังบางแห่งเป็นที่สังหารหมู่ชาวยิว
อย่างเช่นที่ Auschwitz–Birkenau กักขังนักโทษราว 1 แสนคน จากหลักฐานที่ศึกษาทั้งหมด ชาวยิวราว 5.6 – 6.9 ล้านคนเสียชีวิตจากการถูกสังหารหมู่โดยนาซีเยอรมัน
รัฐบาลอิสราเอลยึดเรื่องนี้เป็นเหตุผลต้องปกป้องประเทศ
จากใครก็ตามที่อาจทำลายล้างอิสราเอล นำเรื่องนี้ผูกเชื่อมโยงกับอิหร่าน การเชื่อมโยงกับ Holocaust ทำให้ภัยคุกคามจากอิหร่านร้ายแรงมาก เพิ่มเหตุผลที่ต้องจัดการอิหร่านให้ราบคาบ รัฐบาลอิสราเอลชุดต่างๆ
ยึดแนวทางนี้เรื่อยมา
ปลายปี 2006 นายเบนจามิน เนทันยาฮู หัวหน้าพรรคลีคูต
(Likud) ในขณะนั้นกล่าวเปรียบเทียบสถานการณ์กับ Holocaust
ว่า “ตอนนี้คือปี 1938 และอิหร่านคือเยอรมนี
อิหร่านกำลังเร่งสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ...
กำลังเตรียมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวอีกครั้ง” ในอีกวาระหนึ่ง เนทันยาฮูกล่าวว่า
อิสราเอลจะเป็นเป้าการทำลายล้างที่แรกของอิหร่าน
แต่เนื่องจากอิหร่านมีแผนผลิตระเบิดนิวเคลียร์ปีละ 25 ลูก
เป้าหมายต่อไปคือสหรัฐและยุโรป ...
เพราะเชื่อมโยงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับอิหร่าน
รัฐบาลอิสราเอลจึงต้องจัดการอิหร่าน
"small Satan" กับ "great
Satan":
ดังที่นำเสนอแล้วว่า สงครามอิสราเอล-อิหร่านสามารถตีความว่าเป็นสงครามไซออนิสต์-ชีอะห์
เป็นสงครามที่มีหลักคำสอนศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะทั้งคู่ต่างยึดบัญญัติคำสอนของตนนั่นเอง
(อนึ่ง
บางคนวิพากษ์ว่าแนวทางของไซออนิสต์ไม่ถูกต้อง ตีความหลักศาสนาผิด
ชาวยิวบางส่วนไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ เป็นความเชื่อศรัทธาส่วนบุคคล
เป็นแนวทางที่ไซออนิสต์ยึดถือ)
การชี้ว่าเป็นว่า Satan มาจากมุมมองศาสนาที่พูดถึงเรื่อยมา
อยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah
Khomeini) กล่าวซ้ำหลายครั้งว่าสหรัฐคือจอมซาตาน/จอมมาร (Great
Satan) คอยปกป้องอิสราเอล
เมษายน 2019 อยาตุลเลาะห์ ซัยยิด อาลี
คาเมเนอี ผู้นำจิตวิญญาณกล่าวว่าอิหร่านจะยังขายน้ำมันมากเท่าที่ต้องการ
การคว่ำบาตรจากสหรัฐไร้ประโยชน์ จะไม่ยอมก้มหัวให้ “Great Satan” หลังรัฐบาลทรัมป์ประกาศไม่ผ่อนผันให้บางประเทศซื้อน้ำมันอิหร่านอีกแล้ว
ด้วยแนวคิดเช่นนี้
ทางการอิสราเอลจึงเตือนสหรัฐว่า ที่สุดแล้วอิหร่านจะทำลายสหรัฐที่เป็น
Great Satan และผูกโยงความคิดนี้เข้ากับโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
ย้ำว่าแนวคิดการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเป็นเรื่องจริง ดังนั้น
อิสราเอลไม่ใช่เป้าหมายเดียวของอิหร่านเท่านั้น แต่คือทั้งภูมิภาคหรือทั่วโลก
จะเห็นว่าด้วยบัญญัติคำสอนทำให้ต่างฝ่ายต่างตีตราว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้
ทันทีที่สงครามปี
2025 ปะทุ อยาตุลเลาะห์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Seyyed Ali
Khamenei) กล่าวว่าด้วยอาชญกรรมนี้ (สงคราม) “ระบอบไซออนิสต์หาเรื่องใส่ตัวและจะนำสู่จุดจบอันเจ็บปวด”
ประเด็นนี้ละเอียดอ่อนเพราะฝ่ายอิหร่านใช้มุมมองทางศาสนา
(นิกายชีอะห์) และอิสราเอลในที่นี้คือพวกไซออนิสต์ที่อาจตีความว่าเป็น
Religious Zionism
สังเกตว่าผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวถึง
“ระบอบไซออนิสต์” โดยตรง
สงครามอิสราเอล-อิหร่านจึงสามารถตีความว่าเป็นสงครามไซออนิสต์-ชีอะห์
ที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสักวันจะต้องเกิด และเป็นจริงในปี 2025 นี้ (ยึดเกณฑ์ 2
ประเทศทำสงคราม ใช้อาวุธเข้าโจมตีอีกประเทศโดยตรง)
ล้มระบอบอิหร่านร้ายแรงยิ่งกว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์:
อิสราเอลยึดว่าไม่อาจปล่อยให้ยิวถูกล้างเผ่าพันธุ์
เป็นเหตุผลที่ต้องล้มระบอบอิหร่าน ในหลักการเดียวกัน ถ้ามองจากฝ่ายอิหร่าน
การล้มระบอบชีอะห์ร้ายแรงกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะคือการทำลายศาสนา
มีผลมากกว่าฆ่าคน ส่งผลต่อชีวิตหลังความตาย ที่อิสลามให้ความสำคัญมากกว่า
ดังนั้น
ถ้าอิสราเอลชี้ว่าความปลอดภัยของชีวิตสำคัญ
ชีวิตหลังความตายของชีอะห์ยิ่งสำคัญกว่า มุสลิมต้องปกป้องยิ่งชีพ
สถานการณ์ล่าสุด
หลังสหรัฐถล่มโครงการนิวเคลียร์อิหร่านหลายจุด ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศให้ 2
ฝ่ายหยุดยิง ทางการอิสราเอลเห็นด้วย ด้าน Abbas Araghchi รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศประกาศว่า
“ยังไม่มีข้อตกลง (หยุดยิง) ไม่มีการประชุมหรือเจรจาใดๆ
และยังไม่มีแผนเริ่มเจรจารอบใหม่” สงครามทำให้ชาวอิหร่านเสียชีวิตแล้ว 627 คน
ส่วนอิสราเอล 28 คน
แม้ยังไม่มีข้อตกลงหยุดยิง แต่ตอนนี้
2 ฝ่ายไม่โจมตีกันและกันแล้ว สงครามนี้จะเป็นการรบเพียง 12
วันหรือไม่ยังต้องติดตามต่อไป ถ้าจะมีข้อตกลงต้องทุกฝ่ายยอมรับ
อิหร่านไม่อาจปล่อยให้ใครเข้าโจมตีทิ้งระเบิดจนพอใจแล้วประกาศสงบศึก
เลิกแล้วต่อกัน (ทั้งรัฐบาลสหรัฐกับอิสราเอลประกาศว่าการรบ 12 วันประสบความสำเร็จ
ชนะอย่างงดงาม) อิสราเอลกับสหรัฐจะแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวชาวอิหร่าน 627 คนที่เสียชีวิตอย่างไร
ในระยะยาว หากพิจารณาว่าอิหร่านสามารถฟื้นฟูโครงการ
เป็นความชอบธรรมใช้นิวเคลียร์ในทางสันติ นานาประเทศล้วนมีสิทธิ์นี้ ประธานาธิบดีปูตินออกโรงย้ำอีกครั้งว่า
IAEA “ไม่พบหลักฐานชี้ว่าอิหร่านมีหรือกำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์”
และมีสิทธิ์ใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติ
ด้วยบริบทดังกล่าว
อิหร่านคงจะเดินเครื่องโครงการนิวเคลียร์ต่อไป
หวนสู่คำกล่าวหาว่ากำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว
จึงวิเคราะห์ว่าความขัดแย้งยังไม่จบ และไม่มีทีท่าจบง่ายๆ
อาจได้เพียงสงบศึกชั่วคราว รอวันรบใหม่อีกรอบ บัดนี้สงครามโดยตรงเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อมีครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 จะเริ่มง่ายกว่าและอาจรุนแรงกว่า
เพราะต่างฝ่ายเรียนรู้จากสงครามครั้งก่อน บัญญัติคำสอนศาสนายังทำงาน
-------------------
บรรณานุกรม :
1. Ayatollah
Khamenei says Iran to export oil as much as it needs. (2019,
April 24). Tehran Times. Retrieved from
https://www.tehrantimes.com/news/435037/Ayatollah-Khamenei-says-Iran-to-export-oil-as-much-as-it-needs
2. Cook,
Jonathan. (2008). Israel and the Clash of Civilisations: Iraq, Iran and the
Plan to Remake the Middle East. USA: Pluto Press.
3. Corsi,
Jerome R. (2009). Why Israel Can't Wait: The Coming War Between Israel and
Iran. New York: Threshold Editions.
4. Dargie,
Richard. (2008). Iran. USA: Arcturus
Publishing.
5. Duiker, William J. (2009). Contemporary
World History (5th ed.). USA: Wadsworth.
6. Hitchcock,
Mark. (2006). Iran: The Coming Crisis: Radical Islam,
Oil, and the Nuclear Threat. CO: Multnomah Books,
7. Iran vows
‘painful fate’ for Israel, fires 100 drones in 1st response to attack; IAF
downs them. (2025, June 13). Times of Israel. Retrieved from
https://www.timesofisrael.com/iran-vows-painful-fate-for-israel-firing-over-100-drones-in-initial-response-to-attack/
8. Khamenei says Trump 'exaggerated' impact of US strikes on
nuclear sites. (2025, June 27). New
Straits Times. Retrieved from https://www.nst.com.my/world/world/2025/06/1236619/khamenei-says-trump-exaggerated-impact-us-strikes-nuclear-sites
9. Russian
President's Latest Statements on Ukraine and Iran-Israel Conflict. (2025, June 21). Sputnik Globe.
Retrieved from https://sputnikglobe.com/20250621/russian-presidents-latest-statements-on-ukraine-and-iran-israel-conflict-1122307957.html
-----------------