การปรากฏตัวของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เกาหลีเหนือ

บทความ 27 ก.ค. 2012
ชาญชัย
ปกติข่าวสำคัญที่ออกจากสื่อตะวันตกถึงประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีหรือเกาหลีเหนือมักจะเป็นข่าวที่สร้างความกังวลแก่หลายประเทศ เช่น กำลังทดสอบขีปนาวุธรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ประกาศพร้อมจะส่งทหารทำสงครามกับระบอบทุนนิยม แต่สัปดาห์นี้กลับมีข่าวสำคัญที่แปลกแตกต่างออกไปและหาได้ยากอย่างยิ่ง นั่นคือ การปรากฏตัวของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เกาหลีเหนือ ริ โซลจู (Ri Sol-ju) เคียงคู่กับผู้นำเกาหลีเหนือ
            สำหรับประเทศที่ให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่สื่อออกไปอย่างเกาหลีเหนือ ทำให้นานาชาติต้องตีความว่าประเทศนี้กำลังจะสื่ออะไร พร้อมกับคาดการณ์ไปยังอนาคต
            The New York Times วิเคราะห์แม้กระทั่งชุดที่เธอสวมใส่ว่าแตกต่างจากชุดปกติทั่วไปที่ควรใส่ ดูออกจะมียี่ห้อหรูแบบตะวันตก ส่วน The Korea Herald ยกการตีความของนักวิจัยเกาหลีใต้ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ “ต้องการแยกตัวเองออกจากภาพลักษณ์ของบิดา” ที่ไม่ต้องการให้ภรรยาปรากฏต่อสาธารณะ
            การตีความ การวิเคราะห์ยังสามารถทำได้อีกมาก ขึ้นกับว่าจะคิดแบบซับซ้อนหรือคิดแบบธรรม จะคิดภายใต้มองกรอบแบบส่วนบุคคลหรือกรอบภาพรวม
หากเป็นการวิเคราะห์แบบภาพรวมยังแยกออกเป็นการเมืองภายในประเทศ กับการเมืองต่างประเทศ เช่น ในด้านการเมืองภายในประเทศ ท่านผู้นำฯ อาจต้องการบอกว่าตนต้องการลบล้างภาพเก่าๆของบิดา ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ กับแสดงความมีอำนาจเต็มสามารถทำอย่างที่ใจปรารถนา ไม่ต้องขึ้นกับกฎเกณฑ์เดิมที่มีอยู่
            ด้านการเมืองระหว่างประเทศ อาจเป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า เกาหลีเหนือยุคใหม่จะเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับระบอบทุนนิยม ซึ่งมีความเป็นไปได้หากดูจากกรณีของจีนที่มีความสัมพันธ์การค้าการลงทุนกับระบอบทุนนิยมอย่างมาก มีความสัมพันธ์อันดีกับหลายประเทศทั่วโลกแม้กระทั่งประเทศไทย
            แต่หากจะมองในกรอบส่วนบุคคล ผู้นำเกาหลีเหนืออาจเพียงต้องการแสดงออกว่าตนแต่งงานมีภรรยา และยอมรับการเป็นภรรยาของเธอคนนี้
ทางด้านสุภาพสตรีหมายเลข 1 การแสดงออกน่าจะเป็นการกระทำตามที่ท่านผู้นำฯ หรือสามีบอกให้ทำ กับส่วนตัวอาจเพียงย้ำกับตัวเองว่าตนเองเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก 1 คน
            ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการตีความภายใต้ข้อมูลอันน้อยนิด เป็นจินตนาการค่อนข้างมาก
ผมเห็นว่าภาพที่ถูกสื่อออกมาให้เห็นเพียง 2-3 ชุดไม่มีนัยทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นภายในหรือต่างประเทศ เพราะไม่ชัดว่าในเวลาอันสั้นท่านผู้นำฯ จะมีอำนาจบารมีอย่างแท้จริงเมื่อเทียบกับบิดา ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเกาหลีเหนือกำลังจะเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศขนานใหญ่ หากมีการเปลี่ยนแปลงจริงเราจะเห็นสิ่งที่ชัดเจนกว่านี้อีกมาก เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามต่อไป ดังนั้น ผลที่ได้จริงจึงเหลือเพียงการตอบสนองต่อความรู้สึกส่วนตัวของท่านผู้นำฯ กับภรรยา
            ส่วนจะมีข่าวแปลกตาออกมาอีกหรือไม่ ต้องลุ้นกันต่อไป
-----------------